ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1671 เคยเห็นมาก่อน (3) / ตอนที่ 1672 เคยเห็นมาก่อน (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1671 เคยเห็นมาก่อน (3) / ตอนที่ 1672 เคยเห็นมาก่อน (4)
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเปิดโปง จวินอู๋เสียจำเป็นต้องเตือนจื่อจินเอาไว้ ด้วยนิสัยของจื่อจินแล้ว แค่ตอนที่พวกเขาปลอมตัวเป็นศิษย์ตำหนักเงาจันทราเพื่อเข้ามาในตำหนักจิงหง นางก็แทบจะประสาทกินแล้ว ถ้าในอีกสิบวันข้างหน้า นางเกิดทำพลาดขึ้นมา มันจะไม่ใช่เรื่องตลกแน่นอน
“หือ อย่างนั้น…ข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไร” จื่อจินถาม
“เรียกข้าว่าศิษย์น้องอู่ก็ได้” จวินอู๋เสียขี้เกียจคิดเยอะ เลยเปลี่ยนเสียง ’อู๋’ ในชื่อของนางเป็น ’อู่’ ไปตรงๆ เลย
จื่อจินพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“ที่ตำหนักจิงหงนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร แค่คอยดูอยู่เงียบๆ ก็พอ” จวินอู๋เสียพูด
“ได้” จื่อจินตอบตกลง แต่คิดอีกทีนางก็อดถามไม่ได้ว่า ”คุณ…เอ่อ…ศิษย์น้องอู่ เจ้าวางแผนจะทำอะไรที่งานเลี้ยงวันเกิดนี้หรือ”
แม้ว่าจื่อจินจะเชื่อในความสามารถของจวินอู๋เสีย แต่นางก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าใครจะสามารถก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นได้ทั้งๆ ที่มีสายตาของสิบสองตำหนักรวมกันอยู่ที่นี่ จวินอู๋จะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วและพูดว่า ”เจ้าคอยดูสิ”
“อ่า…” จื่อจินโดนจวินอู๋เสียมองด้วยสายตาเย็นชา หัวใจก็เต้นผิดจังหวะทันที ความคิดสับสนวุ่นวายจนลืมหมดว่าตัวเองอยากถามอะไร
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็ถูกจวินอู๋เสียเชิญออกไป
พอจื่อจินก้าวเท้าออกไปจากห้อง เยี่ยซาก็ปรากฏตัวในห้องของจวินอู๋เสียทันที
“คุณหนูใหญ่”
“หืม”
“กลุ่มคนจากสิบสองตำหนักที่มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดมาถึงทั้งหมดแล้วขอรับ ข้าไปสืบมาแล้ว นี่คือรายชื่อคนของตำหนักต่างๆ ที่มาที่นี่ เชิญคุณหนูใหญ่ตรวจสอบขอรับ” ไม่รู้ว่าเยี่ยซาไปสืบรายชื่อคนจากสิบสองตำหนักทั้งหมดเมื่อไร ตอนนี้เขาได้ส่งรายชื่อที่เขาจดไว้ให้กับจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียกวาดมองรายชื่ออย่างรวดเร็ว แล้วดวงตาของนางก็เป็นประกาย
ในงานเลี้ยงวันเกิดนี้ พวกเฉียวฉู่มากันทั้งหมด ไม่มีใครขาดหายไปแม้แต่คนเดียว ตำหนักต่างๆ ได้ส่งศิษย์ที่เก่งกาจมาเป็นจำนวนมาก ที่โดดเด่นที่สุดและมีน้ำหนักมากที่สุดก็คือตำหนักมารโลหิตและตำหนักมังกรสวรรค์
ตำหนักมารโลหิตส่งจ้าวตำหนักน้อยทั้งสองของพวกเขามา และตำหนักมังกรสวรรค์ก็ส่งบุตรชายคนเดียวของจ้าวตำหนักมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเช่นเดียวกัน
สายตาของจวินอู๋เสียหยุดอยู่ที่ชื่อของจ้าวตำหนักน้อยตำหนักมังกรสวรรค์ จูเก๋ออิน แล้วดวงตาของนางก็ทอประกายชั่วร้าย
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ไหนนางก็มาจนถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องเล่นงานฉากหน้าที่เป็นความมั่นคงของสิบสองตำหนักเสียหน่อย
“เยี่ยกูอยู่ไหน” จวินอู๋เสียถือกระดาษไว้เหนือเทียนที่กำลังลุกไหม้ และมองดูไฟกลืนกินมันไปทีละน้อย
“หัวหน้ากำลังเฝ้าดูการเคลื่อนไหวในตำหนักจิงหงตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่ขอรับ ตอนที่ข้ากลับมาที่นี่ ข้าไปแวะดูมาแล้ว ตามที่หัวหน้าบอก ดูเหมือนจ้าวตำหนักจิงหงกับพวกผู้อาวุโสกำลังประชุมลับเกี่ยวกับงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้อยู่ ท่าทางไม่มีความสุขกัน” เยี่ยซารายงานสิ่งที่เขาได้ยินมาทั้งหมด
ด้วยพลังของเยี่ยกู ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครจับสัมผัสตัวตนของเขาได้ ความแข็งแกร่งของผู้บัญชาการใหญ่กองทัพราตรีเป็นรองแค่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเท่านั้น อย่าว่าแต่ตำหนักจิงหงแค่นี้เลย ต่อให้เขาไปแอบฟังอยู่ในห้องนอนของจ้าวตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ ก็ไม่มีใครตรวจพบเขาได้
เพราะฉะนั้น หน้าที่สอดแนมเช่นนี้มอบให้กับเยี่ยกูจึงเหมาะสมที่สุด
จวินอู๋เสียเอามือเท้าคาง แล้วถามตาใสว่า ”ไม่มีความสุข พวกเขาต้องไม่มีความสุขอยู่แล้ว ตำหนักจิงหงอยู่อันดับล่างสุดในสิบสองตำหนัก แม้ว่าจะเป็นวันเกิดของจ้าวตำหนักและได้รับของขวัญเป็นจำนวนมาก แต่มองไปทางไหน ในตำหนักก็เต็มไปด้วยยอดฝีมือรุ่นใหม่จากตำหนักอื่น พอนึกถึงศิษย์ที่พวกเขาเพิ่งเสียไป พวกเขาจะมีความสุขได้อย่างไร”
ตอนที่ 1672 เคยเห็นมาก่อน (4)
ถึงจะเรียกว่าเป็นงานเลี้ยงวันเกิด แต่มันก็คืองานที่สิบสองตำหนักอวดความแข็งแกร่งของตน เป็นการจำลองลำดับชั้นอำนาจของพวกเขา ตำหนักจิงหงดึงตัวคนเก่งๆ จากงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งล่าสุดมาได้ไม่มากนัก และตอนเดินทางกลับจากสำนักธาราเมฆ พวกเขาก็เสียศิษย์ไปคนหนึ่งด้วย พอได้เห็นตำหนักอื่นส่งผู้เยาว์ที่โดดเด่นและเก่งกาจมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเป็นจำนวนมากแล้ว…
แทนที่จะบอกว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออวยพรวันเกิด น่าจะบอกว่าพวกเขามาเพื่อทำให้ตำหนักจิงหงโกรธยิ่งกว่าเดิมมากกว่า
การที่จ้าวตำหนักจิงหงและเหล่าผู้อาวุโสไม่ได้โยนทุกคนออกไปพร้อมกับทำหน้าถมึงทึงนั้น ก็เป็นการแสดงความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
นอกจากนี้ ในบรรดาผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดนี้ยังมีเฟยเยียนที่ตำหนักจิงหงมีความแค้นอยู่ด้วย
ไม่ต้องคิดก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าตำหนักจิงหงต้องเจ็บใจมากแน่ๆ
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่คุณหนูใหญ่ตั้งใจจะโจมตีตอนไหนหรือขอรับ” เยี่ยซาถาม
จวินอู๋เสียส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่ต้องรีบ ยังมีเวลาอีกสิบวัน เรามีเวลาเล่นกับพวกเขาอีกเหลือเฟือ”
เยี่ยซาไม่ถามอะไรอีกและหายตัวออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ
…
ในตอนเย็น ตำหนักจิงหงจัดงานเลี้ยงสำหรับผู้ที่มาร่วมอวยพรทุกคน เหล่าผู้เยาว์ที่เหนื่อยล้าจากการเดินทาง เมื่อได้พักผ่อนมาตลอดช่วงบ่าย ก็กลับมาร่าเริงและมีสีหน้าที่ดีขึ้น
เนื่องจากเป็นเพียงอาหารเลี้ยงต้อนรับ จ้าวตำหนักจิงหงจึงไม่ได้เข้าร่วม แต่ส่งผู้อาวุโสคนหนึ่งของตำหนักมาเป็นตัวแทน
งานเลี้ยงถูกแบ่งออกเป็นสองด้านของห้องโถงใหญ่ ศิษย์ของสิบสองตำหนักนั่งอยู่แถวหน้า และยิ่งอยู่ด้านหลังก็หมายความว่าพวกเขาอ่อนแอกว่านั่นเอง
ในสามโลกชั้นกลาง สถานการณ์แบ่งลำดับชั้นของอำนาจอย่างชัดเจนเช่นนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดามาก มันเป็นสิ่งเตือนใจคนเหล่านั้นถึงสถานะของตน
พวกที่มาจากกลุ่มอำนาจที่อ่อนแอกว่าได้นั่งอยู่ในห้องจัดเลี้ยงก่อนแล้วเพื่อพูดคุยกัน และคว้าโอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์ต่อกันเพื่อจะดึงมาเป็นพวก แต่ศิษย์ของสิบสองตำหนักจะมาถึงช้ากว่า พวกเขาจะเกาะกลุ่มกันเอง ไม่คิดจะพูดคุยกับคนจากกลุ่มอำนาจอื่นมากนัก
“นั่นคนจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว ข้าได้ยินว่าตำหนักเปลวเพลิงปีศาจได้ตัวผู้เยาว์ที่น่าเหลือเชื่อมาคนหนึ่งในงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งล่าสุดด้วย อายุยังน้อยแต่บรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสามแล้ว จุ๊ๆ…พลังขนาดนี้ ข้าว่าอีกไม่นานเขาก็คงสามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้อาวุโสของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจได้”
“อายุไม่เท่าไร…ก็บรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสามแล้ว สัตว์ประหลาดแบบไหนกันเนี่ย”
“ชู่ว! อยากตายหรืออย่างไร เด็กหนุ่มคนนั้นมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดในฐานะตัวแทนของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจด้วยนะ ถ้าเขาได้ยินเข้าละก็ เจ้าไม่อยากเก็บชีวิตน้อยๆ ของเจ้าเอาไว้แล้วหรือ”
คนกลุ่มหนึ่งนั่งซุบซิบกันอย่างตื่นเต้นที่ด้านหลัง ดวงตาของพวกเขามองไปที่เหล่าผู้เยาว์ในชุดเครื่องแบบตำหนักเปลวเพลิงปีศาจที่เดินเข้ามาช้าๆ ด้วยความอิจฉา ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจเป็นตำหนักที่โดดเด่นในหมู่สิบสองตำหนักมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งได้สูญเสียผู้อาวุโสสองคนไปติดๆ กันอย่างรวดเร็วด้วยเหตุผลบางประการ ตำหนักมารโลหิตที่ทนอยู่เงียบๆ ด้านหลังก็กระโจนออกมาทันที นำมาสู่สถานการณ์ที่พยัคฆ์ร้ายสองตัวต่อสู้แข่งขันกันอย่างดุเดือด
สิบสองตำหนักในสายตาของผู้คนในสามโลกชั้นกลางนั้นเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงจนเกินที่พวกเขาจะเอื้อมถึง หากต้องการเข้าร่วมสิบสองตำหนัก แม้แต่ตำหนักที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นไปไม่ได้หากคนผู้นั้นไม่มีความสามารถอยู่บ้าง
ต่อให้สุ่มเลือกศิษย์คนไหนก็ได้มาสักคนจากตำหนักจิงหงที่อ่อนแอที่สุด แล้ววางไว้ในกลุ่มอำนาจที่พวกซุบซิบนินทาพวกนั้นอยู่ ศิษย์คนนั้นก็จะกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ล้ำค่ามากขึ้นมาทันที
ทันทีที่กลุ่มผู้เยาว์จากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจมาถึง คนของตำหนักมารโลหิตก็เดินเข้ามาพอดี
ในบรรดาคนกลุ่มนั้น คนที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดก็คือกู่ซินเยียนผู้งดงามที่อยู่ในชุดสีขาวทั้งตัว
กู่ซินเยียนมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นอย่างมาก นางได้รับการดูแลอย่างดีจากกู่อี้มาตั้งแต่เล็ก บรรยากาศสูงส่งสง่างามรอบตัวนางไม่ใช่สิ่งที่สาวงามทั่วไปจะเปรียบเทียบได้
กู่ซินเยียนแค่เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ นางก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที บางคนเริ่มกระซิบกระซาบกันว่ารูปลักษณ์ของกู่ซินเยียนสมควรได้รับฉายาว่าสาวงามอันดับหนึ่งแห่งสิบสองตำหนักอย่างแท้จริง