ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1695 เจตนาร้าย (3) / ตอนที่ 1696 เจตนาร้าย (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1695 เจตนาร้าย (3) / ตอนที่ 1696 เจตนาร้าย (4)
ตอนที่ 1695 เจตนาร้าย (3)
จูเก๋ออินต้องรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของผู้อาวุโสเยว่แน่ ทุกคำพูดที่ซ่อนความนัยของเขาราวกับกำลังเตือนเยว่อี้ว่า หากไม่ทำ ความจริงที่รับไม่ได้นั่นจะถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าทุกคน
เยว่อี้ไม่สนใจว่าชื่อเสียงตัวเองจะเป็นอย่างไร แต่เขาไม่สนใจน้องสาวของเขาไม่ได้!
จื่อจินยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อเขา แต่เยว่อี้จับไหล่จื่อจินไว้ เขาก้าวออกมา พยายามข่มความตื่นตระหนกในใจลง และมองไปที่จูเก๋ออิน
“ข้าเข้าใจเจตนาของจ้าวตำหนักน้อยจูเก๋อแล้ว ท่านอยากให้ข้าขึ้นเวทีประลองใช่หรือไม่”
“ใช่ ข้าอยากให้เจ้ามีคำตอบดีๆ ให้กับปู่เจ้าตอนกลับไป นี่ข้าเจตนาดีนะเนี่ย” จูเก๋ออินยิ้มกว้าง
“เช่นนั้น เยว่อี้ก็ขอขอบคุณจ้าวตำหนักน้อยจูเก๋อสำหรับความหวังดีนี้” เยว่อี้สูดหายใจเข้าลึกๆ และส่งสายตาบอกจื่อจินให้วางใจ จากนั้นก็หันไปอย่างเด็ดเดี่ยว และเดินขึ้นไปบนเวทีประลองท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของทุกคน
บนเวทีประลอง ศิษย์สองคนที่มีพลังวิญญาณขั้นสีครามกำลังต่อสู้ติดพัน พวกเขาไม่รู้ถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนอกเวที แต่จู่ๆ พวกเขาก็เห็นร่างที่รวดเร็วจนน่าตกใจปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างพวกเขา
แขนทั้งคู่ผลักเด็กหนุ่มทั้งสองออกจากกัน กำลังอันมากมายนั้นทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองไม่อาจต่อต้านได้ พวกเขาถูกผลักออกจากเวทีในชั่วพริบตา!
ในตอนที่เด็กหนุ่มทั้งสองตกจากเวทีประลอง พวกเขายังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง พวกเขาถึงได้สติขึ้นมา ทั้งสองลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความโกรธ และจ้องไปที่เยว่อี้ซึ่งยืนอยู่คนเดียวบนเวทีประลอง
“ไอ้เวร! ทำเหี้ยอะไรวะ!”
“แม่ง! อยากตายเรอะ!”
ทั้งสองด่าอย่างดุเดือดโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่เยว่อี้ที่ยืนอยู่บนเวทีประลองไม่สนใจเสียงโวยวายของพวกเขา เขายืนอยู่บนเวทีด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาเย็นชา สายตาของเขามองข้ามทุกคนไปยังจูเก๋ออินที่ยืนอยู่กลางฝูงชน
นี่คือผลลัพธ์ที่จูเก๋ออินต้องการ
“ผู้น้อยเยว่อี้ โปรดชี้แนะด้วย” เยว่อี้ถอนสายตากลับมาและประสานมือคารวะ
เด็กหนุ่มทั้งสองที่ถูกเยว่อี้ผลักตกเวทีอยากจะพุ่งเข้าไปสั่งสอนเจ้าหนุ่มหน้าขาวที่ไม่รู้กฎนั่นมาก
แต่พอเยว่อี้โค้งตัวคารวะ พลังวิญญาณขั้นสีม่วงก็ปกคลุมร่างกายของเขาทันที
พลังวิญญาณขั้นสีม่วง!
แสงวิญญาณสีม่วงส่องสว่างเจิดจ้าภายใต้ดวงอาทิตย์ ศิษย์ทั้งสองที่อยากพุ่งขึ้นไปบนเวทีประลองชะงักนิ่งอยู่กับที่ ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีกแม้แต่ก้าวเดียว
ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มเก็บตัวจากตำหนักเงาจันทราคนนี้จะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง!
ตำหนักเงาจันทราไม่ได้โดดเด่นท่ามกลางสิบสองตำหนัก และคนส่วนใหญ่ที่มาตำหนักจิงหงครั้งนี้ก็เป็นผู้เยาว์อายุน้อยทั้งนั้น ในวัยพวกเขา การที่สามารถบรรลุขั้นวิญญาณสีม่วงได้ก็หมายความว่ามีพรสวรรค์ที่แทบจะท้าทายสวรรค์ได้เลยทีเดียว กระทั่งในตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ ผู้เยาว์ที่ส่งมาครั้งนี้ก็มีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงแค่คนเดียวคือเฉียวฉู่
จินตนาการได้เลยว่าในวัยของเยว่อี้นั้น พลังวิญญาณขั้นสีม่วงมีความหมายอย่างไร!
เยว่อี้ยืดตัวขึ้นยืนตรง ใบหน้าไม่มีความภูมิใจในตัวเองหรือความโอ้อวดเลยแม้แต่น้อย เขายืนนิ่งเงียบอยู่บนเวทีประลองราวกับรูปปั้น รอคอยการท้าทายจากคนอื่น
ศิษย์สองคนที่อยากเล่นงานเขาเมื่อครู่หดหัวหลบไปอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียง พลังวิญญาณขั้นสีครามของพวกเขาจะไปประลองแข่งขันกับพลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้อย่างไร หาเรื่องโดนกระทืบชัดๆ!
“เยว่อี้มีพรสวรรค์สูงจริงๆ พลังวิญญาณขั้นสีม่วงหายากมากเลยนะ” เสียงของจูเก๋ออินดังขึ้นอีกครั้ง เขาเดินออกมาจากฝูงชนและมองเยว่อี้ที่อยู่บนเวทีประลองพร้อมกับหัวเราะ
“ในเมื่อไม่มีใครอยากแลกเปลี่ยนคำชี้แนะกับเจ้า เช่นนั้นข้าคงต้องฝึกฝนกับคุณชายเยว่เองเสียแล้ว” พูดจบ จูเก๋ออินก็กระทืบเท้าและเหินขึ้นไปบนเวทีประลอง!
ตอนที่ 1696 เจตนาร้าย (4)
เยว่อี้หรี่ตาลงมองจูเก๋ออินพร้อมกับเย้ยหยันอยู่ในใจ ช่างกล้าพูดจริงๆ ถ้าเขายังมองไม่ออกว่าจูเก๋ออินเตรียมการไว้ก่อน เขาก็คงเป็นไอ้โง่แล้ว!
แต่เพื่อปิดปากจูเก๋ออิน เยว่อี้จึงต้องทำอย่างไม่มีทางเลือก
ทุกคนได้มารวมตัวกันที่ด้านล่างเวทีประลอง การต่อสู้ก่อนหน้านี้หลายคนคิดว่ามันน่าเบื่อและไม่น่าสนใจ แต่การต่อสู้ในตอนนี้นั้นต่างกันมาก
เยว่อี้ที่มีพลังวิญญาณขั้นสีม่วงปะทะกับจูเก๋ออินจ้าวตำหนักน้อยแห่งตำหนักมังกรสวรรค์ จะต้องเป็นการประลองที่ไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน
เยว่อี้ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก แตกต่างกับจูเก๋ออินที่เป็นจ้าวตำหนักน้อยของตำหนักมังกรสวรรค์ ศิษย์จากตำหนักอื่นๆ ต่างเคยได้ยินชื่อเขามาก่อน
จูเก๋ออินไม่เพียงเป็นจ้าวตำหนักน้อยของตำหนักมังกรสวรรค์เท่านั้น แต่เขายังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเด็กรุ่นใหม่ของสิบสองตำหนักในปีนั้น
ก่อนที่งานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งล่าสุดจะถูกจัดขึ้น ตอนที่พวกเฉียวฉู่ยังไม่ได้แสดงพลังที่น่าตกตะลึง กล่าวกันว่าจูเก๋ออินคือคนที่แข็งแกร่งเหนือกว่าพวกเขาทุกคน ไม่ว่าตำหนักมารโลหิตและตำหนักเปลวเพลิงปีศาจจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่คนของพวกเขาก็ไม่มีใครที่มีพรสวรรค์เทียบเคียงกับจูเก๋ออินได้ จูเก๋ออินเป็นความภูมิใจของตำหนักมังกรสวรรค์ เป็นที่เคารพนับถือของคนมากมาย
ในปีนั้น ตอนที่จูเก๋ออินบรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วง เขาอายุแค่สิบหกปีเท่านั้น เรียกได้ว่าเหนือกว่าผู้เยาว์จำนวนมากที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ตอนนี้หกปีผ่านไปแล้ว พลังของเขาก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดลง!
ความวุ่นวายรอบๆ เวทีดึงดูดความสนใจของกู่ซินเยียน นางขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นจูเก๋ออินกำลังเผชิญหน้ากับเยว่อี้บนเวทีประลอง ด้วยความเฉลียวฉลาดของนาง นางย่อมเข้าใจได้ในทันทีว่าสายตาเหม่อลอยของนางเมื่อครู่ได้นำหายนะมาสู่เยว่อี้แล้ว
ตำหนักเงาจันทราไม่เคยเป็นที่สนใจของผู้คนมากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อครู่นางเอาแต่สนใจพวกเขา ทำไมจูเก๋ออินถึงต้องไปสู้กับตำหนักเงาจันทราด้วย
แต่ตอนนี้เยว่อี้ถูกบังคับให้ขึ้นไปบนเวทีประลองแล้ว แม้ว่ากู่ซินเยียนจะอยากพูดอะไรเพื่อพลิกสถานการณ์ ก็ไม่มีอะไรที่นางสามารถทำได้แล้ว เวทีประลองย่อมมีกฎการประลองอยู่ ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาได้ แม้ว่านางจะช่วยเขาออกจากเวทีได้ แต่มันจะจบไม่ดีอย่างแน่นอน
การที่มีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่บนเวทีประลอง ถ้าเยว่อี้ลงจากเวทีโดยไม่ต่อสู้ ตัวเขาไม่เพียงจะอับอายขายหน้า แต่ตำหนักเงาจันทราก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย
กู่ซินเยียนแอบตำหนิตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกได้ ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน
จื่อจินที่ยืนอยู่ด้านล่างเวทีประลองก็กังวลไม่แพ้กัน แต่เมื่อจื่อจินเห็นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงบนร่างของเยว่อี้ ความกังวลนั้นก็คลายลงเล็กน้อย นางอดยึดความหวังนั้นเอาไว้ไม่ได้ เยว่อี้ไม่ได้เผยพลังของเขาต่อหน้าจื่อจินมาก่อน นางไม่รู้ว่าพลังของเยว่อี้อยู่ขั้นไหน แต่ด้วยพลังวิญญาณขั้นสีม่วงของเขา มันคงจะไม่กลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินไปนัก หรือนำปัญหามาให้พวกเขามากเกินไป แม้ว่าเขาจะขึ้นไปบนเวทีประลองแล้วก็ตาม
“คุณชายเยว่ โปรดชี้แนะด้วย” จูเก๋ออินประสานมือคารวะ คำพูดที่ออกจากปากเขาสุภาพมาก แต่ใบหน้าที่เชิดเล็กน้อยและท่าทางหยิ่งผยองของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาดูถูกเยว่อี้
เยว่อี้ประสานมือคารวะ แววตาระแวดระวัง
จูเก๋ออินยิ้มมุมปาก ในขณะที่เขาเอามือลง แสงพลังวิญญาณขั้นสีม่วงก็เปล่งประกายเจิดจ้าบนร่างของเขา!
พลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นหนึ่ง!
แม้ว่าพลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นหนึ่งจะสูงกว่าผู้ที่เพิ่งบรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วงแค่หนึ่งขั้น แต่ความแตกต่างของหนึ่งขั้นนั้นก็ห่างกันราวฟ้ากับดิน!
หลังจากก้าวเข้าสู่ขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วง ความก้าวหน้าในทุกระดับขั้นนั้นเป็นช่องว่างที่ยากจะข้ามผ่าน
หลังจากทุกคนรู้ถึงพลังที่แท้จริงของจูเก๋ออิน ทุกอย่างก็กระจ่างขึ้นทันที ไม่น่าแปลกใจที่จูเก๋ออินขึ้นไปท้าทายเยว่อี้อย่างมั่นใจขนาดนั้น เป็นเพราะเขามีพลังที่เหนือกว่านั่นเอง!