ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1699 เจตนาร้าย (7) / ตอนที่ 1700 เจตนาร้าย (8)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1699 เจตนาร้าย (7) / ตอนที่ 1700 เจตนาร้าย (8)
ตอนที่ 1699 เจตนาร้าย (7)
เยว่อี้อยากจะสับจูเก๋ออินให้เป็นหมื่นๆ ชิ้นใจจะขาด แต่เขาก็ต้องทนข่มกลั้นความเกลียดชังเอาไว้
เขาจะปล่อยให้จูเก๋ออินพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาไม่ได้แม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้น…น้องสาวของเขาจบสิ้นแน่
หากเรื่องถูกเปิดเผยออกมา ผู้อาวุโสเยว่จะต้องฆ่าคนปิดปาก และฆ่าน้องสาวของเขาอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นข้าคงต้องขอบคุณ…สำหรับความหวังดีของจ้าวตำหนักน้อยจูเก๋อ...” เยว่อี้สูดหายใจเข้าลึกและเงยหน้าขึ้นช้าๆ ผมที่ชุ่มเหงื่อของเขาแนบติดกับใบหน้าด้านข้าง เป็นโครงร่างใบหน้าที่หล่อเหลาของเด็กหนุ่ม
ทันใดนั้นเขาก็ยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาและออกแรงฟาดไปที่กระดูกสะบักไหล่ที่หักของเขา!
แท้จริงแล้วเขาใช้พลังวิญญาณของตัวเองบังคับให้เส้นเอ็นบริเวณนั้นฉีกออก เพื่อจะได้คลายความเจ็บปวดลงสักเล็กน้อย
วิธีการที่เด็ดขาดเช่นนี้ทำให้จูเก๋ออินตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเห็นประกายตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวในดวงตาสีอ่อนของเยว่อี้ จูเก๋ออินก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“ใช่แล้ว อย่างนี้แหละ เกมจะได้น่าสนใจ”
พวกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีประลองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างจูเก๋ออินและเยว่อี้ ทุกคนต่างทำเหมือนมันเป็นเพียงการประลองที่ดุเดือดน่าชมเท่านั้น
แต่หรงรั่วที่ยืนอยู่ด้านหลังฝูงชนไม่อาจยืนเฉยได้อีกต่อไป นางเห็นแววตาตัดสินใจเด็ดเดี่ยวของเยว่อี้แล้ว นั่นเป็นความสงบนิ่งของคนที่โยนชีวิตตัวเองทิ้งไป ในตอนที่ไม่มีใครได้สังเกต ร่างของนางก็แวบหายไปโผล่ที่ด้านข้างของเฟยเยียนอย่างเงียบๆ
เฟยเยียนกำลังเค้นสมองคิดหาวิธีว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี ทันใดนั้นเขาก็เห็นหรงรั่วเข้ามาอยู่ข้างๆ เขา สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นประหลาดใจทันที
“เกิดอะไรขึ้น จูเก๋ออินเป็นบ้าไปแล้วหรือ ทำไมเขาถึงอยากให้คนนั้นจากตำหนักเงาจันทราตาย” หรงรั่วถามเสียงกระซิบที่สามารถได้ยินกันแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
การฆ่าคนก็แค่ทำให้หัวหล่นลงพื้น แต่เห็นได้ชัดว่าจูเก๋ออินอยากทรมานเยว่อี้ทีละนิดจนกว่าจะตาย
เฟยเยียนเองตอนนี้ก็ไม่มีใจคิดเรื่องอื่นแล้ว
“จูเก๋ออินเล็งกู่ซินเยียนแห่งตำหนักมารโลหิตไว้ แต่ไม่รู้ทำไมกู่ซินเยียนถึงเอาแต่มองคนของตำหนักเงาจันทรา พอจูเก๋ออินพบเข้าก็เลยโกรธ ไอ้หมอนี่เป็นคนใจแคบมาก เขาตั้งใจจะทรมานเจ้าเด็กจากตำหนักเงาจันทรานั่นจนตาย! บ้าเอ๊ย! ข้าขึ้นไปบนนั้นตอนนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องฆ่าเขา” เฟยเยียนกำหมัดแน่น ถ้าพวกเขาไม่ได้มีภารกิจสำคัญ พวกเขาคงทนไม่ไหวและพุ่งเข้าไปจัดการกับไอ้สารเลวจูเก๋ออินแล้ว
ไอ้หมอนี่ชั่วร้ายเกินไป!
“น้องเสียไม่ได้มาหรือ” หรงรั่วกวาดสายตามองหาไปทั่วฝูงชน แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของจวินอู๋เสียเลย
เฟยเยียนส่ายหน้า
ถ้าจวินอู๋เสียอยู่ที่นี่ แผนการชั่วร้ายของจูเก๋ออินจะสำเร็จได้อย่างไร
”ข้าส่งข่าวผ่านแผ่นหยกไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าน้องเสียจะรู้หรือไม่ว่าข้าหมายถึงอะไร” เฟยเยียนรู้สึกกังวลในเรื่องนี้ แผ่นหยกสามารถส่งได้หนึ่งตัวอักษรเท่านั้น เขาจึงเขียนได้แค่คำว่า ’ประลอง’ อย่างไรเสีย เยว่อี้ก็เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับจวินอู๋เสีย พวกเขาจึงไม่สามารถยืนอยู่เฉยๆ ดูจูเก๋ออินทรมานเยว่อี้จนตายได้!
“คนจากตำหนักเงาจันทรานั่นต้องโดนจูเก๋ออินจับจุดอ่อนอะไรไว้ได้แน่ๆ เมื่อครู่ข้าเห็นเขาไม่มีความคิดจะขึ้นไปบนเวทีประลองเลย เป็นเพราะคำพูดของจูเก๋ออินที่บังคับให้เขาขึ้นไปบนนั้น” หรงรั่วขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ว่ากันตามจริงแล้ว เยว่อี้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก อายุแค่สิบเจ็ดปีก็บรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้แล้ว เป็นเพราะช่องว่างห้าปีระหว่างเขากับจูเก๋ออิน ถ้าพวกเขาอายุเท่ากันละก็ จูเก๋ออินอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยว่อี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เยว่อี้อายุน้อยกว่า และจูเก๋ออินก็จับจุดอ่อนของเขาไว้ได้ บนเวทีประลองนั่น เยว่อี้ไม่กล้าออกมือออกเท้าเลย ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทนรับหมัดอยู่ฝ่ายเดียว
ตอนที่ 1700 เจตนาร้าย (8)
“คงเป็นอย่างนั้นแหละ ดูเหมือนตำหนักมังกรสวรรค์จะกุมความลับของตำหนักอื่นๆ เอาไว้ไม่น้อย” เฟยเยียนพูดพลางพยักหน้า
หรงรั่วเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า ”เราต้องให้น้องเสียมาที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นมันจะสายเกินไป” พวกเขาได้รับหน้าที่ให้แฝงตัวอยู่ในตำหนักต่างๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเขาออกหน้าในสถานการณ์นี้ สายตาของหรงรั่วหันไปมองจื่อจินอีกครั้ง
พลังของจื่อจินไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก นางจึงไม่เข้าใจแผนร้ายที่เกิดขึ้นบนเวทีประลอง แต่เมื่อนางเห็นว่าใบหน้าซีดเซียวของเยว่อี้เริ่มย่ำแย่ลงเรื่อยๆ นางก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ขณะที่จื่อจินกำลังกระวนกระวายใจอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลังนาง
“ถ้าเจ้าอยากช่วยเยว่อี้ ก็ไปตามศิษย์น้องอู่ของเจ้าให้มาที่นี่”
จู่ๆ เสียงนั้นก็ดังขึ้น จื่อจินจึงสะดุ้งเล็กน้อย นางหันกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ด้านหลังนางก็มีแค่พวกผู้เยาว์กลุ่มเดิมที่กำลังตื่นเต้นกับการประลอง นางจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าเสียงนั้นมาจากใคร
ศิษย์น้องอู่…
คุณชายจวิน…
หมอกภายในใจที่สับสนวุ่นวายอย่างมากของจื่อจินแยกออกจากกันด้วยเสียงนั้น และแสงสว่างก็ส่องลงมา
คุณชายจวินสามารถช่วยเยว่อี้ได้!
จื่อจินไม่สนใจอะไรแล้ว นางยกบุรุษกระโปรงขึ้นและวิ่งออกไปจากฝูงชน
ทันทีที่จื่อจินออกไป ร่างของเยว่อี้ก็ปรากฏขึ้นจากภายในเส้นแสงสีม่วง การเคลื่อนไหวของเขาถูกขัดจังหวะ ร่างสูงโปร่งของเขาถูกโจมตีหล่นลงมากระแทกพื้นเวทีอย่างแรงส่งให้เกิดเสียงดังสนั่น
“คุณชายเยว่ เอาแต่สู้แบบขอไปทีอย่างนี้ไม่ดีนะ” จูเก๋ออินทำราวกับตนเป็นผู้ชนะ เขาเดินช้าๆ เข้าไปตรงหน้าเยว่อี้และมองร่างที่นอนกุมท้องอยู่บนพื้น ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกราวกับกำลังมองดูกองขยะ
เยว่อี้นอนตัวงอไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนพื้น กรามของเขาขบกันแน่น สีหน้าดูย่ำแย่อย่างมาก
อวัยวะภายในของเขาราวกับถูกมีดสับอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดทำให้สมองของเขาว่างเปล่า
เทียบกับร่างที่ดูน่าสังเวชของเยว่อี้ในตอนนี้แล้ว เสื้อผ้าของจูเก๋ออินไม่มีรอยยับเลยแม้แต่รอยเดียว
จูเก๋ออินปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของเขาขณะมองดูเยว่อี้อย่างไม่แยแส
“สมเป็นคนที่ผู้อาวุโสเยว่ฝึกฝนมาด้วยตัวเองจริงๆ เจ้าหัวแข็งถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ข้าไม่ได้ยินเสียงร้องจากเจ้าเลยสักแอะ” จูเก๋ออินหรี่ตาลง แววตาทอประกายชั่วร้ายน่ากลัว
เยว่อี้นอนนิ่งไม่ขยับอยู่บนพื้น หูของเขาอื้ออึงไปหมด ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
เขายังคงนอนนิ่งอยู่บนเวทีประลอง พวกผู้เยาว์ที่อยู่ด้านล่างเวทีมองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ยสมน้ำหน้า
พลังวิญญาณขั้นสีม่วง
พลังวิญญาณขั้นสีม่วงแล้วอย่างไร
ก็ต้านทานการโจมตีไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ
“ตำหนักเงาจันทราไม่ได้เรื่องอย่างที่คิดจริงๆ พลังวิญญาณขั้นสีม่วงทั้งคู่ แต่เยว่อี้เทียบจูเก๋ออินไม่ได้เลยสักนิด”
“อย่าว่าแต่จะเทียบได้เลย เขาไม่สามารถโต้ตอบได้เลยด้วยซ้ำ! น่าขายหน้าชะมัด”
พวกผู้เยาว์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดที่ด้านล่างเวที
“พวกเจ้าทุกคนหุบปากเน่าๆ ของเจ้าเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้นจากด้านหลังผู้เยาว์กลุ่มนั้น
พวกผู้เยาว์ขี้นินทาหันไปมองยังทิศทางของเสียงอย่างประหม่าทันที พวกเขาเห็นใบหน้าของเฉียวฉู่จากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจถมึงทึงมากและดูน่ากลัวอย่างยิ่ง ทั้งร่างมีกลิ่นอายที่น่ากลัวแผ่กระจายออกมาจนไม่มีใครกล้ายืนใกล้เขา
“เฉียว…เฉียวฉู่…เจ้าเป็นอะไรไป” ขนาดศิษย์คนอื่นจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจยังตกใจกลัวจากเสียงตะโกนนั้น
ก็แค่สุนัขจากตำหนักมังกรสวรรค์กับตำหนักเงาจันทรากัดกันเอง เขาหงุดหงิดอะไร
เฉียวฉู่ข่มความโกรธในใจลง และพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า ”ไอ้เวรพวกนี้ ขัดความสนุกในการดูของข้า”