ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1729 ไม่ไว้ใจ (5) / ตอนที่ 1730 ไม่ไว้ใจ (6)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1729 ไม่ไว้ใจ (5) / ตอนที่ 1730 ไม่ไว้ใจ (6)
ตอนที่ 1729 ไม่ไว้ใจ (5)
“ตามใจเจ้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า แต่…” คำพูดของจวินอู๋เย่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“หากในอนาคต เมื่อความร่วมมือระหว่างเจ้ากับตำหนักหยกวิญญาณสิ้นสุดลง พวกมันไม่ใช่พันธมิตรของเจ้าอีกต่อไป ข้าสามารถฆ่าพวกมันได้ใช่หรือไม่” ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จวินอู๋เย่าจะสามารถระงับความต้องการฆ่าในใจของเขาได้เพื่อเห็นแก่จวินอู๋เสีย แต่การขอให้เขาเลิกคิดอย่างสิ้นเชิงนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อจื่อจินหยาบคายกับจวินอู๋เสียเช่นนั้น!
จวินอู๋เสียถอนหายใจยาวโดยไม่ตอบคำถามของจวินอู๋เย่าตรงๆ
การร่วมมือของนางกับตำหนักหยกวิญญาณจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่สิบสองตำหนักถูกทำลายซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะนานขนาดไหน ถึงตอนนั้น จวินอู๋เย่าจะจำคนอย่างจื่อจินได้หรือเปล่ายังเป็นคำถามอยู่
อย่างไรเสีย หลังจากที่พวกเขาออกจากตำหนักจิงหง จวินอู๋เสียก็ไม่คิดว่านางจะปล่อยให้จื่อจินอยู่ข้างกายนางอีก
การละเว้นชีวิตจื่อจิน ไม่ใช่เพราะจวินอู๋เสียเมตตานาง แต่เป็นเพราะตำหนักหยกวิญญาณเท่านั้น
แต่ไม่รู้ว่าจื่อจินจะเข้าใจหรือเปล่าว่าชีวิตของนางหมิ่นเหม่เกือบไม่รอดมากแค่ไหน
หลังจากที่จื่อจินออกจากห้องของเยว่อี้ น้ำตานางยังคงไหลออกมาอย่างเงียบๆ ศิษย์จากตำหนักอื่นเริ่มสงสัยเมื่อเห็นนางในสภาพนั้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปพูดคุย
จื่อจินก้มหัวลงเช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ แล้วนางก็บังเอิญชนเข้ากับไหล่กว้าง
จื่อจินเงยหน้าขึ้น และพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือกู่อิ่งที่ช่วยนางไว้ในสวนเมื่อครู่!
ดวงตายิ้มแย้มของกู่อิ่งมองไปที่ใบหน้าของจื่อจินซึ่งกำลังร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสาย แล้วเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมอะไร ทำไมถึงเสียใจขนาดนี้” กู่อิ่งยกมือขึ้น ขณะที่จื่อจินยังคงตกตะลึงอยู่นั้น เขาก็เช็ดน้ำตาให้นางอย่างอ่อนโยน
จื่อจินยืนจ้องมองกู่อิ่งที่ดูเหมือนเทพจากสวรรค์อย่างโง่งม ทันใดนั้น ความรู้สึกปวดร้าวในใจนางก็ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นภายใต้ความห่วงใยที่อ่อนโยนจากกู่อิ่ง น้ำตาของนางไหลอาบแก้มไม่หยุดราวกับเขื่อนแตก
“สาวงามไม่ควรร้องไห้ ไม่อย่างนั้นจะไม่สวยเอานะ” กู่อิ่งพูดพลางหัวเราะเบาๆ
คำพูดของเขาทำให้จื่อจินหัวเราะออกมา ใบหน้านางมีน้ำตาไหลเป็นทางขนาดนั้น แถมหน้ากากแปลงโฉมบนใบหน้าก็เรียบง่ายธรรมดามาก แต่กู่อิ่งก็ยังเรียกนางว่าสาวงาม
“ไม่ต้องปลอบข้า ข้าไม่สวยสักนิด” จื่อจินพูดพลางเช็ดน้ำตา
กู่อิ่งยิ้มและพูดต่อว่า ”ความสวยของคนไม่ได้ตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่ดูจากภายใน ใบหน้าเดี๋ยวก็แก่แล้ว”
จื่อจินกัดริมฝีปาก
“เจ้ามีเวลาหรือไม่” กู่อิ่งเห็นว่าอารมณ์ของจื่อจินดูเหมือนจะดีขึ้น จึงถามอย่างอ่อนโยน
จื่อจินมองกู่อิ่งอย่างมึนงง
“ไม่ทราบว่าข้าจะได้รับเกียรติให้ไปสหายสาวงามท่านนี้ชมดอกไม้หรือเปล่า” กู่อิ่งยื่นมือออกไปอย่างสง่างาม
จื่อจินมองกู่อิ่งอย่างประหลาดใจ ใบหน้าแดงระเรื่อ ดวงตามีแววตกใจและเขินอาย นางยืนนิ่งอึ้งอยู่พักหนึ่งกว่าจะระงับความหวั่นไหวในใจได้ และส่ายหน้าอย่างลังเล
“ข้ายังมีบางอย่างต้องทำ เกรงว่าวันนี้…”
“อย่างนั้นพรุ่งนี้เล่า”
เมื่อเผชิญกับรอยยิ้มที่สดใสของเด็กหนุ่ม จื่อจินก็ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้จริงๆ จึงได้แต่พยักหน้า
“อย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าจะรอเจ้า” กู่อิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
จื่อจินพึมพำตอบรับเสียงเบา แล้ววิ่งหนีไปด้วยความอาย
กู่อิ่งมองด้านหลังที่ห่างออกไปของจื่อจิน รอยยิ้มในดวงตาของเขายิ่งรุนแรงขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ทำให้ผู้คนอยากเข้าใกล้
“ท่านกำลังทำอะไร” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังของกู่อิ่ง
กู่อิ่งหันกลับไปและพบกู่ซินเยียนยืนอยู่ด้านหลังเขา ใบหน้าของนางดูไม่พอใจอย่างมาก
“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า” มุมปากของกู่อิ่งยกขึ้นเล็กน้อย และมองน้องสาวของตนด้วยสายตาเฉื่อยชา
ตอนที่ 1730 ไม่ไว้ใจ (6)
“นั่นเป็นศิษย์ของตำหนักเงาจันทรา เราไม่เคยติดต่อกับตำหนักเงาจันทรามาก่อน ท่านวางแผนอะไรอยู่” กู่ซินเยียนขมวดคิ้วมองกู่อิ่ง ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้กู่ซินเยียนตกใจไม่น้อย สีหน้าอ่อนโยนขนาดนั้นเป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นจากกู่อิ่งมาก่อน ช่างไม่คุ้นเคยและน่ากลัวมาก
นิสัยของกู่อิ่ง นางยิ่งกว่ารู้ดี ความกระหายเลือดที่โหดร้ายซึมลึกถึงกระดูกของเขา การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ไม่ได้ทำให้กู่ซินเยียนรู้สึกดีเลย แต่กลับทำให้นางรู้สึกว่ากู่อิ่งมีเจตนาอื่นแฝงเร้นอยู่
กู่อิ่งหรี่ตาลงมองกู่ซินเยียนที่ระแวงเขาอย่างมาก แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจ้องกู่ซินเยียน พร้อมกับพูดว่า ”อะไร ข้าเจอสตรีที่ชอบแล้วตามจีบไม่ได้หรือ”
ตอนที่กู่อิ่งพูดคำเหล่านั้น น้ำเสียงของเขาเฉยเมยอย่างมาก และไม่ได้จริงจังแม้แต่น้อย
กู่ซินเยียนไม่เชื่อคำพูดเหล่านั้นเลยสักนิด สตรีแบบเดียวกับจื่อจิน เป็นไปได้อย่างไรที่กู่อิ่งจะไม่เคยพบเห็นมาก่อน ในบรรดาสตรีพวกนั้น คนที่โชคดีก็ยังมีชีวิตอยู่ได้และเพ้อฝันต่อไป ขณะที่บางคนกลายเป็นเหยื่อความกระหายเลือดของกู่อิ่งไปแล้ว
ถ้ากู่อิ่งตกหลุมรักจื่อจินจริงๆ มันคงเป็นเรื่องตลกที่สุดในโลก!
“ตำหนักเงาจันทราเพิ่งมีความขัดแย้งกับตำหนักมังกรสวรรค์ ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจว่าเราต้องไม่หาเรื่องให้ผู้คนซุบซิบนินทาเราในตำหนักจิงหงนี้ คนของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด หากมีอะไรผิดพลาด ทั้งท่านและข้าจะไม่สามารถแบกรับได้” กู่ซินเยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ว่าจะกับใคร กู่อิ่งคือตัวอันตรายสำหรับทุกคน
กู่อิ่งเลิกคิ้วมองกู่ซินเยียนที่มีสีหน้าจริงจัง
“เจ้ายังไม่โตเลย แต่พูดเป็นยายแก่เชียว องค์สตรีน้อยของข้า เจ้ายังเป็นแค่เด็กน้อยที่ไม่โตจริงๆ” กู่อิ่งพูดกับกู่ซินเยียนอย่างยิ้มแย้ม น้ำเสียงล้อเลียน
กู่ซินเยียนหน้าซีด ร่างกายแข็งทื่อทันที
กู่อิ่งล้อเล่นพอแล้วก็ไม่ได้มองกู่ซินเยียนอีก เขาเดินออกห่างจากกู่ซินเยียนอย่างช้าๆ พร้อมเสียงหัวเราะที่น่ากลัวตามหลังเขา
…
เนื่องจากการประลองก่อนหน้านี้เกือบมีคนถูกฆ่าตาย ตำหนักจิงหงจึงไม่กล้าใช้วิธีเดียวกันนี้เบี่ยงเบนความสนใจของบรรดาศิษย์สิบสองตำหนักอีก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้กำลังคนมากขึ้นเพื่อเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้สำหรับผู้เยาว์เลือดร้อนพวกนี้ก็คือจัดให้มีกิจกรรมสบายๆ มากขึ้น น่าเสียดายที่กิจกรรมเช่นการชมดอกไม้และการเที่ยวชมสถานที่ไม่ได้รับความสนใจมากนัก คนส่วนใหญ่จึงเลือกอยู่ในห้องของตัวเองเพื่อวิเคราะห์และพูดคุยกับสหายของพวกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตำหนักจิงหงจนปัญญาแล้ว พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากอธิษฐานในใจให้เวลาสิบวันผ่านไปเร็วๆ พวกเขาจะได้ส่งเทพหายนะพวกนี้กลับออกไปเสียที
เวลาผ่านไปทุกนาทีทุกวินาที คนที่พบว่ามันทรมานมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นจูเก๋ออินคนที่โหดร้ายและหยิ่งผยองมากที่สุด หลังจากเหตุการณ์ที่เวทีประลอง ไม่ว่าจูเก๋ออินจะเดินไปที่ใด เขาก็จะเห็นสายตาไม่เป็นมิตรพุ่งตรงมาที่เขา สายตาระแวงที่เขาเห็นอยู่ทั่วทุกที่ทำให้จูเก๋ออินรู้สึกหงุดหงิดมาก
จูเก๋ออินไม่สนใจกิจกรรมที่ตำหนักจิงหงจัดเตรียมไว้ แต่การให้เขานั่งอยู่ในห้องเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยหลังจากถูกบังคับให้กินยาขมเช่นนั้น จูเก๋ออินรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนหมุด หนึ่งวันรู้สึกเหมือนหนึ่งปี แม้ว่าศิษย์ของตำหนักมังกรสวรรค์จะพยายามทุกวิธีเพื่อทำให้จูเก๋ออินมีความสุขขึ้น แต่ใบหน้าของจูเก๋ออินกลับยิ่งมืดมนขึ้นทุกที
หลังจากทนทุกข์ทรมานอยู่นาน จูเก๋ออินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาลุกขึ้นและเริ่มเดินวนไปมาในห้อง เฟยเยียนนั่งปอกเปลือกส้มอยู่ด้านหนึ่ง มองจูเก๋ออินหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างสบายอารมณ์
“คุณชาย!”
ผู้เยาว์คนหนึ่งจากตำหนักมังกรสวรรค์วิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องด้วยท่าทางลนลาน