ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1731 น่าสงสัย (1) / ตอนที่ 1732 น่าสงสัย (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1731 น่าสงสัย (1) / ตอนที่ 1732 น่าสงสัย (2)
ตอนที่ 1731 น่าสงสัย (1)
“เจ้าตะโกนหาอะไร ข้ายังไม่ตาย!” จูเก๋ออินตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด
เด็กหนุ่มหดคอ ดูท่าทางลังเลที่จะพูด
จูเก๋ออินยิ่งโกรธเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มคนนั้น ”คายเรื่องที่เจ้าต้องพูดออกมา หยุดทำเหมือนกำลังจะตายเสียที”
เด็กหนุ่มอยากร้องไห้อย่างมาก แต่เขาทำได้แค่พูดออกมา ”คุณชาย เมื่อสักครู่ข้าเห็น…ข้าเห็นกู่อิ่ง…”
“อย่าพูดถึงไอ้เวรนั่นต่อหน้าข้า! เจ้าคิดว่าข้ายังหงุดหงิดไม่พอหรือ” ถ้าบอกว่าคนที่จูเก๋ออินเกลียดที่สุดในตำหนักจิงหงตอนนี้คือจวินอู๋เสีย คนที่เขาเกลียดรองลงมาก็ต้องเป็นกู่อิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าจูเก๋ออินต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักมังกรสวรรค์และตำหนักมารโลหิตใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามไปพบกับกู่ซินเยียนอย่างไร กู่อิ่งก็มักจะอยู่เป็นก้างขวางคอเขาเสมอ แม้ว่าเขาจะไปหากู่ซินเยียนตอนที่กู่อิ่งไม่อยู่ แต่จู่ๆ กู่อิ่งก็จะปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และแค่คำพูดไม่กี่คำก็ทำให้จูเก๋ออินแทบอาเจียนเป็นโลหิต ความพยายามทั้งหมดในการปรับอารมณ์ของตนก่อนมาก็สูญเปล่า
เนื่องจากการขัดขวางของกู่อิ่ง ทำให้จนถึงตอนนี้จูเก๋ออินก็ไม่สามารถทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับกู่ซินเยียนใกล้ชิดกันมากขึ้นได้เลย
เมื่อเห็นว่าเวลาสิบวัน ผ่านไปเกือบครึ่งแล้ว จูเก๋ออินจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร
แค่ได้ยินคำว่ากู่อิ่ง เขาก็โมโหแล้ว
“ไม่ใช่…คุณชาย ข้าเพิ่งเห็นกู่อิ่งกับนังเด็กจากตำหนักเงาจันทราอยู่ด้วยกัน” เด็กหนุ่มรีบพูด
“อะไรนะ” เสียงของจูเก๋ออินเปลี่ยนเป็นเย็นชา
แม้แต่เฟยเยียนที่กำลังกินส้มอย่างสบายใจอยู่ด้านหนึ่งก็ยังหูผึ่งเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“เจ้าจะพูดอะไร หมายความว่าอย่างไรที่ว่าอยู่ด้วยกัน” จูเก๋ออินสังเกตเห็นความนัยในสิ่งที่เขาได้ยิน และเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
เด็กหนุ่มคนนั้นเล่าทุกสิ่งที่เขาเห็นให้จูเก๋ออินฟังอย่างละเอียด
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา กู่อิ่งมักถูกพบเห็นว่าอยู่กับจื่อจินแห่งตำหนักเงาจันทราบ่อยๆ แม้ว่าทั้งสองจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันมากนัก แต่ก็มักจะเห็นพวกเขาเดินเล่นด้วยกันในสวนช่วงบ่าย ในตอนแรกพวกผู้เยาว์จากตำหนักมังกรสวรรค์ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่หลังจากเจอพวกเขาหลายครั้งเข้า ก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรน่าสงสัย
พวกเขาตามทั้งสองคนอยู่ห่างๆ อยากจะฟังว่ากู่อิ่งพูดอะไรกับจื่อจิน แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรที่เป็นประโยชน์เลย แต่บ่อยครั้งที่เห็นว่ากู่อิ่งทำให้จื่อจินหัวเราะได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
“หือ ข้ามักจะพูดว่ากู่อิ่งทำตัวแปลกๆ เป็นสตรีตลอดเวลา เจ้านั่นมีปัญหาทางสายตาหรือไง” จูเก๋ออินจำได้ว่าจื่อจินมี ‘หน้าตา’ อย่างไร ว่ากันตามตรง ตามมาตรฐานของเขา จื่อจินไม่สามารถดึงดูดความสนใจเขาได้เลย นอกจากหุ่นที่ไม่เลวแล้ว ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรดีเลย
แต่ในฐานะจ้าวตำหนักน้อยแห่งตำหนักมารโลหิต กู่อิ่งกลับเกิดสนใจเด็กสาวหน้าตาธรรมดาจากตำหนักเงาจันทราขึ้นมาจริงๆ และยังพยายามนัดพบเพื่อเดินเล่นด้วยกันอีก! จูเก๋ออินจะไม่คิดว่ามันตลกได้อย่างไร
ไม่ต้องพูดถึงใครอื่น แค่น้องสาวของกู่อิ่ง กู่ซินเยียน ก็สวยบาดใจขนาดนั้นแล้ว อยู่กับความสวยเช่นนั้นมานาน กู่อิ่งยังสามารถตกหลุมรักนังคนที่ไม่มีอะไรดีนั่นได้ น่าสนใจจริงๆ
“พวกเจ้าได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันหรือไม่” จูเก๋ออินถามต่อ
เด็กหนุ่มคนนั้นส่ายหัว
“ทั้งสองคนพูดกันเบามาก และกู่อิ่งก็มีพลังที่แข็งแกร่ง พวกเราไม่กล้าเข้าไปใกล้เกินไป กลัวว่าจะถูกจับได้ จึงได้แต่ตามพวกเขาอยู่ห่างๆ แต่ครั้งหนึ่งพวกเราบังเอิญได้ยินพวกเขาพูดถึงคนอื่นจากตำหนักเงาจันทรา แต่ก็ฟังไม่เข้าใจเลย”
จูเก๋ออินลูบคาง สัญชาตญาณอันเฉียบคมของเขากำลังทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างน่าสงสัยภายใต้เรื่องทั้งหมดนี้
ตอนที่ 1732 น่าสงสัย (2)
จูเก๋ออินลูบคาง สัญชาตญาณอันเฉียบคมของเขากำลังทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างน่าสงสัยภายใต้เรื่องทั้งหมดนี้
เฟยเยียนแอบขมวดคิ้วขณะฟังเรื่องทั้งหมด จื่อจินเป็นคนที่อยู่ข้างกายจวินอู๋เสีย จากที่เขาได้ยินมาจากเฉียวฉู่ ดูเหมือนนางเป็นคนของตำหนักหยกวิญญาณ เขาเคยเห็นเด็กสาวคนนั้นมาก่อน นางยังอายุน้อย ดวงตามีแต่ความวิตกกังวล เห็นได้ทันทีว่านางยังอ่อนต่อโลก เป็นคนที่ยังเห็นโลกมาไม่มากนัก
แล้วกู่อิ่งเป็นใครกันเล่า
นั่นคือคนที่ยากจะจัดการ ขนาดจวินอู๋เสียยังต้องจัดการกับเขาอย่างระมัดระวัง
สองคนนี้มาคู่กันได้อย่างไร
ถ้าบอกว่ากู่อิ่งตกหลุมรักจื่อจิน ตีเขาให้ตายเฟยเยียนก็ไม่มีวันเชื่อ แต่เด็กสาวที่ไร้เดียงสาและโง่เขลาอย่างจื่อจินจะเอาชนะกู่อิ่งได้อย่างไร
ทันใดนั้น เฟยเยียนก็เริ่มกังวล ไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียรู้เรื่องนี้หรือไม่ ถ้ายังไม่รู้ นั่นจะเป็นอันตรายอย่างมาก!
แม้ว่าเฟยเยียนจะรู้สึกกังวลอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมา ในใจเขากำลังคิดว่าจะส่งข่าวนี้ให้จวินอู๋เสียได้อย่างไร แต่อนิจจา เนื่องจากช่วงนี้จูเก๋ออินอารมณ์ไม่ดี เวลาที่ศิษย์คนอื่นอยู่ต่อหน้าเขาจะเจอกับการด่าว่าและคำพูดที่รุนแรง หลายคนถึงกับโดนเตะต่อยด้วย เฟยเยียนเป็นเพียงคนเดียวที่ทนอยู่กับเขาได้
เมื่อถูกจูเก๋ออินจับตาดูขนาดนี้ โอกาสเดียวที่เขาจะหลบออกไปได้ก็คงเป็นตอนกลางคืนเท่านั้น
“พวกเจ้าตามดูพวกเขาต่อไป ถ้าพบอะไรก็กลับมาบอกข้าทันที” จูเก๋ออินโบกมือไล่ เด็กหนุ่มคนนั้นถอยออกไปข้างนอกทันที จูเก๋ออินอารมณ์ดีขึ้นมาก เขาเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เฟยเยียน
“เสี่ยวเยียน เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ผิดปกติอะไรหรือไม่” ช่วงนี้จูเก๋ออินเคยชินกับการขอความเห็นของเฟยเยียน
เฟยเยียนหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า ”เรื่องแบบนี้ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
จูเก๋ออินยิ้ม พัดที่เขาไม่ได้ใช้มาพักหนึ่งถูกคลี่ออกพัดให้ตัวเอง ”เสี่ยวเยียนคิดว่าเจ้ากู่อิ่งนั่นเป็นคนแบบไหน”
“ข้าไม่รู้ ข้ารู้อย่างเดียวว่าเขาชอบต่อต้านคุณชายของเรา” เฟยเยียนช่วยกระพือความเกลียดชังที่มีต่อกู่อิ่ง
อย่างที่คาด จูเก๋ออินส่งเสียงหึอย่างดูถูก ”อย่างมันมีอะไรมาต่อต้านข้า ก็แค่เป็นจ้าวตำหนักน้อยแห่งตำหนักมารโลหิตแค่ชื่อเท่านั้น ในตำหนักมารโลหิตไม่มีที่ให้มันหรอก จ้าวตำหนักมารโลหิตคนต่อไปคือกู่ซินเยียนแน่นอนอยู่แล้ว”
“โอ้” คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เฟยเยียนได้ยินเป็นครั้งแรก
ดูเหมือนจูเก๋ออินจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับกู่อิ่ง แต่ทุกครั้งที่เอ่ยถึงกู่อิ่ง จูเก๋ออินก็มักจะไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน ทำให้เฟยเยียนอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวเยียน เจ้าคอยดูนะ คำพูดของข้าไม่ผิดอย่างแน่นอน ตอนนี้ข้าจะปล่อยมันไปก่อน รอวันหน้า…หึๆ…ไม่ช้าก็เร็วข้าจะคิดบัญชีกับมัน” จูเก๋ออินหรี่ตาลง ดวงตาฉายแววแห่งความเกลียดชัง
เฟยเยียนแค่มองเขาและไม่ได้ตอบกลับ พอจูเก๋ออินเผลอ เขาก็แอบหยิบแผ่นหยกที่เชื่อมโยงกับคนอื่นๆ ออกมาเขียนตัวอักษรคำว่า ‘จิน’ ลงไป
เขาจะไปหาจวินอู๋เสียตอนกลางคืนได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจส่งคำเตือนให้จวินอู๋เสียก่อน หวังว่าจวินอู๋เสียจะฉลาดพอที่จะเข้าใจความหมายของเขา
อีกด้านหนึ่ง จวินอู๋เสียนั่งอยู่ในห้องของตน มองดูข้อมูลทั้งหมดที่พวกเยี่ยเม่ยรวบรวมในตำหนักจิงหงช่วงที่ผ่านมานี้ นางรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวแทนที่สิบสองตำหนักส่งมาที่ตำหนักจิงหงแล้ว พวกเขาไม่ได้ขาดแคลนผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์เลย
ตอนนั้นเอง จวินอู๋เสียก็สังเกตเห็นความผิดปกติของแผ่นหยกที่ห้อยอยู่ที่เอวนาง นางหยิบมันขึ้นมาดู บนแผ่นหยกแสดงตัวอักษร ‘จิน’ อย่างชัดเจน!