ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1783 ต่างฝ่ายต่างได้ (4) / ตอนที่ 1784 ต่างฝ่ายต่างได้ (5)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1783 ต่างฝ่ายต่างได้ (4) / ตอนที่ 1784 ต่างฝ่ายต่างได้ (5)
ตอนที่ 1783 ต่างฝ่ายต่างได้ (4)
ในห้องโถงใหญ่ของตำหนักเงาจันทรา ผู้อาวุโสเยว่และผู้อาวุโสอิ่งยืนอยู่สองข้างของห้องโถง จ้าวตำหนักนั่งนวดขมับอย่างปวดหัวอยู่บนเก้าอี้จ้าวตำหนัก ขณะมองผู้อาวุโสทั้งสองที่โต้เถียงกันอย่างดุเดือดจนหน้าแดง
“นี่คือคำตอบที่ผู้อาวุโสอิ่งสัญญาไว้อย่างนั้นหรือ ฉางฮวนทำร้ายศิษย์ตำหนักเงาจันทราไปตั้งหลายคน แต่โดนลงโทษแค่ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินเพื่อทบทวนความผิดของตัวเองเนี่ยนะ ผู้อาวุโสอิ่ง วิธีจัดการของเจ้ามันทำแบบขอไปทีเกินไปหรือไม่” ผู้อาวุโสเยว่ดูแคลนขณะมองไปที่ผู้อาวุโสอิ่ง เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้อาวุโสอิ่งจะลงโทษจวินอู๋เสีย จึงรีบนำเรื่องขึ้นรายงานจ้าวตำหนักและเอะอะโวยวายใหญ่โต การกำจัดจวินอู๋เสียไม่สำเร็จทำให้เขาแทบกระอักโลหิตอยู่แล้ว ถ้ายังไม่สามารถเล่นงานจวินอู๋เสียได้อีก และกำราบผู้อาวุโสอิ่งลงเสียบ้าง เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเขาเสียฮูหยินแล้วยังเสียขุนศึกซ้ำอีก
“ฉางฮวนเพิ่งกลับมาจากตำหนักจิงหง ได้เห็นศิษย์ร่วมตำหนักของตนตายกับตาตัวเอง ทำให้เขาทุกข์ใจไม่น้อย ท่านจ้าวตำหนักก็รู้ เด็กฉางฮวนนั่นขี้ขลาดตาขาวมาตั้งแต่เด็ก เวลาโดนคนอื่นรังแก เขาไม่กล้าสู้กลับด้วยซ้ำ เหตุการณ์วันนี้เป็นเพราะเขากลัวมากจนเสียสติไปชั่วขณะ จึงได้ทำเรื่องผิดเช่นนั้น เนื่องจากความซื่อสัตย์จงรักภักดีที่เขามีต่อตำหนักเงาจันทรา อีกทั้งยังสามารถบรรลุขั้นพลังวิญญาณได้แล้ว ข้าทำใจลงโทษเขารุนแรงเกินไปไม่ได้ ถึงอย่างไรเด็กคนนั้นก็เจอเรื่องสะเทือนใจอย่างมากจนทำให้จิตใจสับสน คิดไม่ถึงว่าจะมีความโชคดีในโชคร้าย ทำให้เขาทะลวงเข้าสู่ขอบเขตพลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้!” ผู้อาวุโสอิ่งใช้เคล็ดทักษะสี่ตำลึงปาดพันชั่งแก้ไขทักษะวาจาบีบคั้นคนของผู้อาวุโสเยว่ และยังกล่าวถึง ‘การบรรลุ’ ของจวินอู๋เสียอีกด้วย
จ้าวตำหนักที่รู้สึกปวดหัว เมื่อได้ยินว่า ‘ฉางฮวน’ บรรลุขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วง เขาก็กระปรี้กระเปร่าดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ฉางฮวนบรรลุขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงอย่างนั้นหรือ ผู้อาวุโสอิ่งพูดจริงหรือ” จ้าวตำหนักเงาจันทราถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
อำนาจของตำหนักเงาจันทราอ่อนแอลงเรื่อยๆ ในอาณากลางที่ซึ่งผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ มันยากที่พวกเขาจะก้าวหน้า น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถดึงตัวผู้เยาว์เก่งๆ ในงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งล่าสุดมาได้เลย คนเก่งๆ จำนวนมากถูกตำหนักอื่นชิงตัวไปหมด ทำให้ตำหนักเงาจันทราซึ่งย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งลำบากมากขึ้น
สิ่งที่ตำหนักเงาจันทราขาดมากที่สุดในตอนนี้ก็คือศิษย์ที่มีความสามารถในบรรดาศิษย์รุ่นใหม่ มีเพียงพัฒนาการของพวกเขาที่ทำให้ตำหนักเงาจันทรามีหวังขึ้นมาได้!
“จริงขอรับท่านจ้าวตำหนัก ฉางฮวนบรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงแล้วจริงๆ เด็กนั่นมีพรสวรรค์ที่ดีตั้งแต่เด็ก แต่เป็นเพราะเขาใจเสาะและขี้ขลาดเกินไป ทำให้ขัดขวางความก้าวหน้าของพลังวิญญาณของเขาอย่างมาก อาจเป็นเพราะการเดินทางไปตำหนักจิงหงครั้งนี้ทำให้เขาได้เห็นภาพนองโลหิตที่น่ากลัวท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างสิบสองตำหนัก เขาจึงตระหนักได้ว่าไม่สามารถอ่อนแอต่อไปได้แล้ว ศักยภาพทั้งหมดที่เก็บกักไว้ในร่างกายของเขาจึงระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน” ผู้อาวุโสอิ่งอธิบายโดยใช้ประโยชน์จากสถานการณ์
ผู้อาวุโสเยว่ที่อยู่อีกด้านทำตาถมึงทึงโกรธจัดจนหนวดกระดิก ไม่รู้ว่าทำไมหัวข้อเรื่องความผิดถึงได้เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ได้
เมื่อเห็นสีหน้าดีอกดีใจของจ้าวตำหนักเงาจันทรา ผู้อาวุโสเยว่ก็รู้ว่าแผนเล่นงานผู้อาวุโสอิ่งและจวินอู๋เสียของเขาล้มเหลวแล้ว!
“โอ้ เด็กนั่นมีศักยภาพยอดเยี่ยมเช่นนั้นจริงหรือ มิน่าเล่าตอนนั้นผู้อาวุโสอิ่งถึงบอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็อยากเก็บเขาเอาไว้ ข้านึกว่าผู้อาวุโสอิ่งเห็นว่าเขาน่าสงสารถึงได้ปกป้องเขา แต่เป็นข้าที่ตาบอดเอง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผู้อาวุโสอิ่งต้องทุ่มเทพยายามไม่น้อยเลย ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ ที่ฝึกฝนอัจฉริยะเช่นนี้ออกมาให้แก่ตำหนักเงาจันทราของเรา” จ้าวตำหนักเงาจันทรากล่าวชมเชยพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
“ทั้งหมดเป็นบุญบารมีของท่านจ้าวตำหนัก ศิษย์ทุกคนในตำหนักเงาจันทราเป็นของท่านจ้าวตำหนัก ข้าไม่กล้ารับความดีความชอบ” ผู้อาวุโสอิ่งกล่าวอย่างถ่อมตัว
ตอนที่ 1784 ต่างฝ่ายต่างได้ (5)
“ผู้อาวุโสอิ่งถ่อมตัวไปแล้ว” จ้าวตำหนักเงาจันทราหัวเราะและพูดต่อว่า ”ผู้อาวุโสอิ่งสมกับเป็นผู้สืบทอดของสกุลจ้านจริงๆ ความเชี่ยวชาญในการบ่มเพาะพลังวิญญาณของเจ้าเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่อาจเทียบได้เลย ข้าหวังว่าผู้อาวุโสอิ่งจะสามารถฝึกฝนศิษย์ที่มีความสามารถให้กับตำหนักเงาจันทราเราได้มากขึ้นอีกในอนาคต”
ผู้อาวุโสอิ่งยิ้มและพยักหน้า แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา
“เอาล่ะ ฉางฮวนต้องได้รับความตกใจมาไม่น้อย ในเมื่อมันกลายเป็นโชคดีเช่นนี้ ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรมากนักกับวิธีจัดการของผู้อาวุโสอิ่ง เหตุการณ์ทั้งหมดก็แค่การทะเลาะเบาะแว้งเล็กน้อยระหว่างศิษย์ พวกเขาเป็นแค่วัยรุ่นเลือดร้อน บางครั้งก็ทำเกินขอบเขตกันไปบ้าง ผู้อาวุโสเยว่ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนตรงไปตรงมา พักเรื่องนี้ไว้เถอะ ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องโมโหโกรธากับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้” จ้าวตำหนักเงาจันทราอารมณ์ดีมาก เขาถึงกับสั่งกำชับผู้อาวุโสเยว่
ผู้อาวุโสเยว่มีสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทนต่อความไม่พอใจนั้นและฝืนยิ้มออกมา
“ทุกอย่างจะเป็นไปตามคำสั่งท่านจ้าวตำหนัก”
“ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้าสองคนออกไปได้” จ้าวตำหนักเงาจันทราโบกมือไล่
ผู้อาวุโสอิ่งถอยออกไปจากห้องทันที
ผู้อาวุโสเยว่กำลังจะก้าวเท้าข้ามธรณีประตูห้องโถงของตำหนัก จ้าวตำหนักเงาจันทราก็พูดขึ้นว่า
“ผู้อาวุโสเยว่”
“ข้าน้อยอยู่นี่” ผู้อาวุโสเยว่ชะงักเท้าและหันกลับไปตอบรับ
จ้าวตำหนักเงาจันทราหาวและพูดว่า ”ช่วงนี้ข้ารู้สึกไม่ดีเลย ให้เย่เอ๋อร์มาที่ห้องข้า”
ผู้อาวุโสเยว่ยิ้มออกมาทันทีและพูดว่า ”ขอรับ”
จ้าวตำหนักเงาจันทราลุกขึ้นและเดินออกจากห้องโถง ส่วนผู้อาวุโสเยว่ก็เดินไปที่เรือนหลังเล็กของเยว่เย่
ภายในเรือน เยว่เย่แต่งกายด้วยชุดเรียบง่าย นั่งยองๆ อยู่ข้างแปลงดอกไม้ พร้อมกับถือพลั่วเล็กๆ ไว้ในมือและทำการดูแลต้นไม้ดอกไม้ให้งอกงาม
ผู้อาวุโสเยว่มองใบหน้าด้านข้างที่งดงามของเยว่เย่
เยว่เย่อายุสิบสองปีแล้ว ค่อยๆ เบ่งบานเผยความงามของหญิงสาวออกมาขึ้นทีละนิด เทียบกับเยว่อี้แล้ว รูปลักษณ์ของเยว่เย่เหมาะกับรสนิยมของผู้อาวุโสเยว่มากกว่า
แต่…
ผู้อาวุโสเยว่สงบจิตใจของตัวเอง กระแอมในลำคอและพูดว่า ”เย่เอ๋อร์”
เมื่อเยว่เย่ได้ยินเสียงของผู้อาวุโสเยว่ นางก็เงยหน้าขึ้นทันที พลั่วเล็กในมือแกว่งเล็กน้อย ทำให้เศษดินบนพลั่วติดบนใบหน้าของเยว่เย่
“ท่านปู่” เยว่เย่กะพริบตามองผู้อาวุโสเยว่
ผู้อาวุโสเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดว่า ”มานี่”
เยว่เย่ทำคอหดและลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง เดินช้าๆ เข้าไปยืนตรงหน้าผู้อาวุโสเยว่
“โยนพลั่วทิ้งไป” ผู้อาวุโสเยว่กล่าวเสียงแข็ง
เยว่เย่ทิ้งพลั่วเล็กนั้นลงกับพื้นทันที ทำให้เกิดเสียงดังแคร้ง
สายตาของผู้อาวุโสเยว่กวาดมองใบหน้าของเยว่เย่อย่างเข้มงวด เมื่อเขาเห็นดินเปื้อนใบหน้าของนาง สีหน้าของเขาก็ยิ่งไม่พอใจ
“เป็นสตรี มายุ่งอะไรกับต้นไม้พวกนี้ นี่เป็นหน้าที่ที่คนสวนควรทำ”
เยว่เย่ตัวสั่นเล็กน้อย นางก้มหน้าและพูดเสียงเบาว่า ”เย่เอ๋อร์ทราบแล้ว”
ผู้อาวุโสเยว่สูดหายใจเข้าลึก ”เอาล่ะ รีบไปล้างให้สะอาดเสีย แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่านจ้าวตำหนักต้องการพบเจ้า”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘จ้าวตำหนัก’ เยว่เย่ก็ตัวสั่น มือเล็กๆ ของนางบิดบุรุษเสื้ออย่างประหม่า แสดงอาการหวาดกลัว
ผู้อาวุโสเยว่ทำไม่รู้ไม่เห็นต่อความกลัวของเยว่เย่ และพูดต่อไปว่า ”สุขภาพของท่านจ้าวตำหนักแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก แม้ว่าเจ้าจะเป็นหลานสาวของข้า แต่เจ้าก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของตำหนักเงาจันทรา ปัญหาของท่านจ้าวตำหนัก ก็คือปัญหาของเจ้าและข้าด้วย การดูแลท่านจ้าวตำหนักให้ดีคือหน้าที่ของเจ้า เข้าใจหรือไม่”
“เย่เอ๋อร์เข้าใจค่ะ…”