ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 221 ตบหน้าครั้งที่สาม (3) ตอนที่ 222 ตบหน้าครั้งที่สาม (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 221 ตบหน้าครั้งที่สาม (3) ตอนที่ 222 ตบหน้าครั้งที่สาม (4)
ตอนที่ 221 ตบหน้าครั้งที่สาม (3)
“ดาบต่อไป ข้าจะปลิดชีวิตเจ้า” หลงฉีหรี่ตาลง มองไปที่ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นอย่างยั่วยุ
ใบหน้าของชายคนนั้นมืดครึ้มลงทันที เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเพราะหลงฉี
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่น อย่าได้เสียเวลาไปกับเจ้าพวกขยะพวกนี้ เราต้องทำงานตามที่คุณหนูใหญ่มอบหมายมาให้เสร็จก่อน ถึงเวลานั้นเจ้าอยากจะทรมานพวกมันอย่างไร พวกเราค่อยๆ เล่นกับพวกมันก็ยังไม่สาย” เมื่อเห็นสหายของตนได้รับบาดเจ็บ ศิษย์คนนั้นก็มีโทสะเหมือนกัน ในขณะที่อีกคนหนึ่งก้าวขึ้นมาข้างหน้าเตรียมพร้อมต่อสู้
การละเล่นเล็กๆ น้อยๆ จบลงแล้ว พวกเขาไม่มีเวลามากพอจะมาเสียที่นี่อีก
“เก็บชีวิตไอ้สุนัขนั่นไว้ ข้าจะเอามันไปทดสอบยาของข้า” ชายที่ได้รับบาดเจ็บสาปแช่งเสียงต่ำ เขามองไปที่หลงฉีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
“ได้ตามที่เจ้าต้องการ”
กล่าวจบ ลูกศิษย์ทั้งสี่คนของสำนักชิงอวิ๋นก็ทะยานไปยังจุดที่หลงฉียืนอยู่ทันที
ทันใดนั้นหลงฉีที่ตกอยู่ภายใต้วงล้อมโจมตีของนักสู้ระดับพลังวิญญาณขั้นสีเขียวทั้งสี่คน ก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะหอบหายใจ
ฮู้กกกก
เสียงหวีดร้องยาวสายหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะของฝูงชน เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นนกฮูกหิมะกร่อนกระดูกสีขาวกำลังบินโฉบลงมาจากประตูจวนหลินอ๋อง ด้านหลังมีบุรุษรูปร่างสมส่วนผู้หนึ่งเดินตามหลังมันออกมา!
“ท่านพ่อ โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว” วินาทีที่จวินชิงลงมือ เขาก็หันไปพูดกับจวินเสี่ยน
หลงฉีเปรียบเสมือนกับพี่ชายของเขา ในเมื่อพี่ชายคนนี้กำลังต่อสู้เพื่อปกป้องเขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้เขาทนนั่งดูพี่ชายตัวเองต้องมาต่อสู้เพื่อเขาจนตาย!
จวินเสี่ยนถอนหายใจเบาๆ กระนั้นในดวงตากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไปแล้ว! กองทัพรุ่ยหลินรับคำสั่ง ฆ่าพวกมันให้หมด!” จวินเสี่ยนสั่งการลงไป ทหารกองทัพรุ่ยหลินที่รออยู่ก่อนแล้วก็รีบปรี่ขึ้นไปล้อมคนทั้งสิบคนจากสำนักชิงอวิ๋นเอาไว้!
ศึกต่อสู้ขนาดใหญ่ที่มีคนนับร้อยเริ่มขึ้นในเวลาไม่นาน เสียงกรีดร้องคำรามดังขึ้นไม่หยุด
เมื่อเห็นว่ากองทัพรุ่ยหลินเริ่มเคลื่อนไหว คนทั้งหกที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดในที่สุดก็ขยับ!
สิ่งที่จวินเสี่ยนเป็นกังวลในตอนแรกกลายเป็นความจริงแล้วในขณะนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหกคนมีอายุเกินห้าสิบปีขึ้นไปทั้งนั้น แต่พอลงมือต่อสู้ กลับคล่องแคล่วปราดเปรียวยิ่งกว่าคนหนุ่มทั้งสี่จากสำนักชิงอวิ๋นเสียอีก! แสงสีน้ำเงินทั้งห้าสายพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ดูเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังยิ่งนัก และในบรรดาแสงเหล่านั้น ยังมีสายหนึ่งที่เป็นสีครามด้วย!
รองจากพลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่แข็งแกร่งที่สุด ก็คือสีครามนี่แหละที่ชวนให้ผู้คนครั่นคร้ามและหวาดกลัว!
ในขณะที่แสงสีครามปรากฏขึ้น กองทัพรุ่ยหลินทั้งหมดก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลชนิดที่พวกเขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน ภายใต้แรงกดดันที่ราวกับถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับไว้นี้ กองทัพรุ่ยหลินตกเป็นรองคนจากฝั่งสำนักชิงอวิ๋นทันที
ความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณขั้นสีคราม มันมากพอที่จะทำให้ทุกคนที่มีพลังวิญญาณระดับต่ำกว่าสีเขียวรู้สึกกดดันจนแทบหายใจไม่ออก อย่าว่าแต่ต่อสู้เลย แค่จะก้าวเดินก็ยังยากลำบาก
คนที่ปลดปล่อยพลังวิญญาณขั้นสีครามออกมา ก็คือชายชราที่ไว้เครายาวสีขาวที่ยืนเอามือไขว้หลังกัน เขายืนหลบอยู่ด้านหลังของทุกคน ดวงตาคู่นั้นที่คล้ายผ่านโลกมามากมองฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในขบวนของสำนักชิงอวิ๋นที่มาในครั้งนี้ มีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีครามติดตามมาด้วยสองคน คนหนึ่งแยกไปกับฉินอวี่เยียนและเจียงเฉินชิงบุกไปที่วังหลวง ส่วนอีกคนก็มุ่งหน้ามาที่จวนหลินอ๋องแห่งนี้
ภายใต้แรงกดดันจากผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังวิญญาณขั้นสีคราม ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของทหารกองทัพรุ่ยหลินฉับพลันก็ลดฮวบ มีเพียงหลงฉี จวินเสี่ยน จวินชิงและทหารอีกสองสามคนเท่านั้นที่ยังพอจะกัดฟันต่อสู้ได้ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าต่อไปก็คือ ผู้มีพลังวิญญาณขั้นสีเขียวระดับสูงและผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินอีกห้าคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า!
สถานการณ์เลวร้ายอย่างถึงที่สุด!
ในขณะที่ทุกคนในสกุลจวินตกอยู่ภายใต้การต่อสู้อันขมขื่น บาดแผลเล็กใหญ่เกิดขึ้นตามตัวทั้งร่างกาย กลิ่นคาวฉุนกึกคลุ้งกระจายไปทั่วทำเอาหายใจแทบไม่ออก
ในตอนนั้นเอง เสียงคำรามของสิงโตก็ดังขึ้นจากด้านหลังประตูจวนหลินอ๋อง
เงาร่างสีดำขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากประตูจวนหลินอ๋อง บนหลังของมันมีร่างเล็กๆ นั่งอยู่!
“ใครหน้าไหนมันกล้ามาทำร้ายท่านปู่และท่านอาเล็กของข้า!” เสียงเย็นเยียบกระแทกเข้าไปในหูของทุกคน ศึกต่อสู้ที่โรมรันกันอยู่หยุดชะงักลงทันที ทุกคนพร้อมใจกันมองไปทางต้นเสียงโดยไม่รู้ตัว
บนหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำที่น่าเกรงขาม เด็กสาวผู้มีใบหน้างดงามสะกดสายตากำลังหรี่ตาลง มองไปทางกลุ่มคนด้วยสายตาเย็นเยียบ
ความเงียบพลันบังเกิดขึ้นในทันที ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงออกมาแม้แต่คนเดียว ดวงตาที่เย็นเยียบดุจดั่งขุมนรกอันลึกล้ำของเด็กสาว ทำเอาขนกายของพวกเขาลุกซู่รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับจิต
ยิ่งเมื่อพิจารณามองดูเจ้าสัตว์ร้ายสีดำที่มีแผงคอสีทองนั้นดีๆ สลับกับร่างของเด็กสาวอายุน้อยที่แผ่กลิ่นอายสังหารออกมาไม่หยุด ฉับพลันพวกเขาก็รู้สึกเหมือนร่างโดนดึงลงสู่บ่อน้ำแข็งที่เย็นเยียบอย่างไรยังงั้น
ตอนที่ 222 ตบหน้าครั้งที่สาม (4)
จวินอู๋เสียกวาดตามองสนามรบขนาดย่อมตรงหน้าพร้อมกับไฟโทสะในอก ยิ่งเมื่อนางมองไปทางจวินเสี่ยนกับจวินชิงและได้เห็นบาดแผลบนร่างกายของพวกเขา เสียงระเบิดก็ดังขึ้นในหัวของนางทันที
เดิมทีนางวางแผนที่จะใช้ความเย่อหยิ่งของสำนักชิงอวิ๋นเป็นบทเรียนเพื่อสั่งสอนมั่วเฉี่ยนยวนในการเป็นฮ่องเต้ที่ปรีชาสามารถสักหน่อย แล้วค่อยยืมมือจวินอู๋เย่าเพื่อเก็บกวาดคนพวกนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าตอนที่นางกำลังดูดซับจิตวิญญาณของเจ้าอสรพิษทะยานอยู่นั้น ในตอนที่นางยังไม่ได้สติ ศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นจะเหิมเกริมบุกมาถึงที่หน้าประตูจวนหลินอ๋องแล้วทำเรื่องงามหน้าแบบนี้!
จวินอู๋เย่าก่อนหน้านี้ก็มัวแต่สนใจที่จะคุ้มกันนางยามทะลวงระดับพลังวิญญาณขึ้นเป็นขั้นสีส้ม คิดว่าจึงไม่น่าจะทราบถึงอันตรายที่มาเยือนจวนหลินอ๋อง
เมื่อเห็นร่างที่เปื้อนโลหิตของจวินเสี่ยนและจวินชิง จวินอู๋เสียก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นในหัว!
นางจะฆ่าคนของสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมด ให้พวกมันตายแบบไร้ที่ฝังและจะไม่ไว้ชีวิตใครหน้าไหนแม้แต่คนเดียว!
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเด็กสาวและสัตว์ร้ายสีดำ ทำให้ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นรู้สึกตกใจมาก แต่เมื่อพวกเขาเห็นลักษณะของจวินอู๋เสีย พวกเขาก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกและคลายความระมัดระวังลง
ก็แค่เด็กสาวอายุสิบสี่สิบห้าปีผู้หนึ่ง ขนาดจวินเสี่ยนกับจวินชิงยังถูกพวกเขาเล่นงานเสียสะบักสะบอม ยัยเด็กนี่จะไปมีปัญญาทำอะไรได้
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น มีเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีครามที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่รู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของจวินอู๋เสีย
เขาได้แผ่พลังวิญญาณออกไปทั่วบริเวณนี้จนหมดแล้วเพื่อกดดันคู่ต่อสู้ ทุกคนที่มีพลังวิญญาณระดับต่ำกว่าขั้นสีเขียวทั้งหมดจะได้รับผลกระทบอย่างหนักและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างแน่นอน แต่เด็กสาวคนนี้กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา คล้ายไม่ได้รับผลกระทบอะไรทั้งนั้น สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ภูติวิญญาณที่นางขี่มานั้นเป็นสัตว์ร้ายประเภทใดกัน เขาที่อยู่มาจนอายุปูนนี้แล้วยังไม่อาจบอกชนิดของมันได้!
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับขั้นสีครามที่แข็งแกร่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยระดับพลังของเขาในปัจจุบันของเขา เพียงพริบตาเดียวก็สามารถประเมินระดับการบ่มเพาะของออกจวินอู๋เสียแล้ว แต่ก็เพราะแบบนั้น เขาถึงได้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็น
เด็กสาวคนนี้แม้อายุยังน้อย แต่กลับมีพลังวิญญาณอยู่ในขั้นสีส้มแล้ว!
เมื่อมองดูจากอายุของนาง ภูติวิญญาณของนางน่าจะเพิ่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้ไม่นานกระมัง ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ นางกลับสามารถทะลวงระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นสีส้มได้ นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับขั้นสีส้มเล็กๆ ในสายตาของเขาแล้วแทบไม่นับว่าเป็นตัวอันใด แต่ไม่ใช่กับเด็กสาวอายุน้อยอย่างจวินอู๋เสีย!
อายุเพียงสิบกว่าปีก็สามารถเลื่อนขั้นขึ้นมาอยู่ในขั้นสีส้มได้แล้ว แถมยังสามารถทนต่อแรงกดดันของพลังวิญญาณของเขาได้อีก นี่เป็นเรื่องที่ยากจะทำใจยอมรับได้จริงๆ!
“เสี่ยวเฮย” จวินอู๋เสียพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฆ่า!”
ทันทีที่สิ้นประโยค จวินอู๋เสียก็กระโดดลงจากหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ แม้ว่านางเพิ่งจะเลื่อนระดับพลังขึ้นมาอยู่ในขั้นสีส้ม แต่ตอนนี้คนสำคัญในครอบครัวของนางกำลังได้รับบาดเจ็บหนัก! นางไม่สามารถระงับความเกลียดชังและเคียดแค้นที่อยู่ในหัวใจไว้ได้อีกต่อไป
สัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนายมันก็พุ่งเข้าใส่ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นอย่างบ้าคลั่ง โดยมีเป้าหมายแรกก็คือศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นที่กำลังต่อสู้กับจวินเสี่ยนอยู่
เดิมทีชายคนนั้นที่เห็นเจ้าสัตว์ร้ายสีดำและสาวน้อยที่เป็นเจ้าของผู้ผูกพันธสัญญาภูติวิญญาณ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ด้วยอย่างไรก็คิดว่านางคงไม่มีปัญญาทำอะไรพวกเขาได้ จึงหันไปสนใจจวินเสี่ยนต่อ ทว่าในวินาทีต่อมา เมื่อร่างของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า เขาก็อดตกตะลึงไม่ได้
ทำไมมันถึงได้รวดเร็วขนาดนี้!
ไม่ทันให้เขาได้มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับ เจ้าคนที่ประเมินศัตรูต่ำเกินไปก็ถูกสัตว์ร้ายสีดำกัดเข้าที่คอ เขี้ยวอันแหลมคมบั่นคอของเขาจนขาดออกจากร่างด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว!
โฮก!!! เจ้าสัตว์ร้ายสีดำคำรามเสียงดังลั่นพร้อมกับสะบัดหัวของมันอย่างแรง เหวี่ยงศีรษะมนุษย์ที่ไร้ร่างนั้นออกไป
ขณะที่ศีรษะมนุษย์นั้นกำลังลอยขึ้นไปในอากาศ โลหิตสีแดงสดที่พุ่งกระฉูดออกมาจากร่างก็สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณราวกับสายฝน จนเหล่าศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นและคนอื่นๆ บริเวณนั้นถูกย้อมไปด้วยสีเลือดและกลิ่นคาวที่น่าสะอิดสะเอียน
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าภูติวิญญาณที่มองระดับไม่ออกนั้นจะลงมือได้รวดเร็วถึงเพียงนี้!
“วันนี้ พวกเจ้าทุกคน…อย่าหวังว่าจะมีใครรอดชีวิตกลับไป!” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง พลังวิญญาณขั้นสีส้มถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างเล็ก
พลังวิญญาณขั้นสีส้มที่เปล่งรัศมีและหลั่งไหลออกมาจากร่างบาง ทำให้ทั้งเก้าคนที่เหลือที่มาจากสำนักชิงอวิ๋นมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความตกใจ
พลังวิญญาณระดับสีส้ม สามารถแผ่พลังออกมาจากร่างได้ด้วยหรือ!
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา เป็นเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีส้มที่อ่อนแอและไม่สะดุดตา นางน่าจะอ่อนแอกว่าจวินเสี่ยนและคนอื่นๆ มากด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พอถูกจ้องมองจากสายตาที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งคู่นั้น พวกเขาก็รู้สึกราวกับจะถูกปีศาจร้ายดึงลงสู่ขุมนรก สั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ