ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 233 ตบหน้าครั้งที่สี่ (1) ตอนที่ 234 ตบหน้าครั้งที่สี่ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 233 ตบหน้าครั้งที่สี่ (1) ตอนที่ 234 ตบหน้าครั้งที่สี่ (2)
ตอนที่ 233 ตบหน้าครั้งที่สี่ (1)
ฉินอวี่เยียนคาดเดาว่าชายหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นกำลังเสริมที่จวินอู๋เสียเชิญมาจากที่อื่น
เพียงแต่ว่าคุณหนูจากจวนหลินอ๋องเล็กๆ อย่างจวินอู๋เสีย นางจะให้ข้อเสนอดีๆ อะไรแก่ผู้อื่นได้ สิ่งที่นางสามารถให้เขาได้ สำนักชิงอวิ๋นของนางก็ให้ได้เช่นกัน
บนโลกนี้ไม่มีพันธมิตรหรือมิตรภาพที่ยั่งยืน สิ่งที่เรียกว่าความจงรักภักดี มันก็แค่การปฏิบัติที่ตั้งอยู่บนผลประโยชน์และข้อเสนอที่แข็งแกร่งก็เท่านั้น
ฉินอวี่เยียนเชื่อว่าระหว่างจวนหลินอ๋องกับสำนักชิงอวิ๋น แม้แต่คนโง่ที่สุดก็รู้ว่าต้องเลือกอย่างหลัง
บัวหิมะมัวเมาหรี่ตาลงอย่างดูถูก มองดูสตรีที่เสแสร้งแล้วก็ให้มุมปากกระตุกด้วยความรังเกียจ
“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระจบหรือยัง ถ้าพูดจบแล้วก็ลงมารับความตายแต่โดยดีเสีย! สำนักชิงอวิ๋นเป็นตัวอะไร มันไม่มีค่าพอที่จะถือรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ำ!” ยกสำนักของมนุษย์มาเสนอเงื่อนไขแก่ภูติวิญญาณอย่างนั้นหรือ สตรีนางนี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร
สีหน้าของฉินอวี่เยียนแข็งค้างไปทันทีที่โดนปฏิเสธ น้ำเสียงและการวางตัวที่ไม่มีความเกรงใจเลยของบัวหิมะมัวเมา ทำเอานางสะอึกพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
คำว่า ‘สำนักชิงอวิ๋น’ สามคำนี้ กวาดสายตามองไปทั่วทั้งใต้ล่างไม่เคยมีใครปฏิเสธมันมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกตบหน้านางอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้!
“บัวหิมะมัวเมา” เสียงของจวินอู๋เสียดังขึ้น
“ขอรับ!”
“เลิกพูดมาก ลงมือได้แล้ว” จวินอู๋เสียขมวดคิ้วมุ่น นางไม่มีอารมณ์จะมาเสวนากับสำนักชิงอวิ๋นอีก นับตั้งแต่ที่พวกมันหันปลายดาบมาที่สองพ่อลูกสกุลจวิน จุดจบของพวกมันก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องตาย
แล้วทำไมนางจะต้องมาฟังคนตายพร่ำเพ้อพรรณนาด้วย
“รับบัญชาเจ้านาย!” บัวหิมะมัวเมายิ้มที่มุมปาก เมื่อได้ยินคำสั่งจากจวินอู๋เสีย กลิ่นอายสังหารและความบ้าคลั่งที่ถูกสะกดข่มมาตั้งแต่เมื่อสักครู่ ก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่คิดจะซ่อนเร้นอีกต่อไป ร่างเปื้อนโลหิตพุ่งเข้าหาเจียงเฉินชิงทันที
“เสี่ยวเฮย!”
เหมียว…โฮกกก
“ไปเอาตัวเขาออกมาที่นี่” จวินอู๋เสียสั่งเสียงเบา
นางกับเจ้าสัตว์ร้ายสีดำของนางมีจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงกัน มันจึงรู้ได้โดยธรรมชาติว่า ‘เขา’ ที่ว่านั้น ก็คือมั่วเฉี่ยนยวนในสภาพใกล้ตายแล้วนั่นเอง!
สัตว์ร้ายสีดำวิ่งเข้าไปในท้องพระโรงอย่างรวดเร็ว และพุ่งตรงไปยังทิศทางที่ร่างของมั่วเฉี่ยนยวนนอนอยู่
ฉินอวี่เยียนได้แต่มองดูฉากทั้งหมดตรงหน้าด้วยความตกตะลึง นางไม่ได้คาดหวังว่าจวินอู๋เสียจะสามารถออกคำสั่งเด็กหนุ่มคนนั้นได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ สิ่งที่ทำให้นางคาดไม่ถึงยิ่งไปกว่านั้นก็คือ โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทันทีที่คำสั่งจบลงคนพวกนั้นก็ลงมืออย่างไม่ลังเล!
วิธีการที่เย่อหยิ่งและจองหองนี้ ไม่ต่างอะไรกับการเหยียบหน้าสำนักชิงอวิ๋นไว้ใต้ฝ่าเท้าเลย!
“รังแกกันมากเกินไปแล้ว! จวินอู๋เสีย เจ้าอย่าได้หยิ่งผยองให้มันมากนัก เจ้าคิดว่าคนของสำนักชิงอวิ๋นสามารถรังแกกันได้ง่ายๆ จริงหรือ ทุกท่าน วันนี้ข้าฉินอวี่เยียนมีข้อเสนอดีๆ จะยื่นให้แก่พวกท่าน หากใครก็ตามสามารถเด็ดหัวของจวินอู๋เสียกับบัวหิมะมัวเมาในท้องพระโรงนี้ได้ สำนักชิงอวิ๋นจะติดหนี้น้ำใจของพวกท่านหนึ่งอย่าง และไม่ว่าในอนาคตพวกท่านจะมีคำขอร้องใด พวกเราก็ยินดีตอบสนองทุกอย่าง ข้าขอยืนยันเงื่อนไขนี้ในนามท่านพ่อของข้า!” ฉินอวี่เยียนโกรธมาก จึงได้ยื่นข้อเสนอที่แสนหอมหวานนี้ออกไป
ในที่นี้นอกจากศิษย์สำนักชิงอวิ๋นไม่กี่คน ที่เหลือต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่สำนักชิงอวิ๋นเชิญมาจากภายนอกทั้งสิ้น คนสิบกว่าคนแต่เดิมก็อยากได้ความช่วยเหลือจากสำนักชิงอวิ๋นอยู่แล้ว เวลานี้เมื่อได้ยินข้อเสนอดังกล่าวของฉินอวี่เยียน มีหรือที่พวกเขาจะยอมโง่และปล่อยมันให้หลุดมือไปง่ายๆ ทุกคนเข้าร่วมการต่อสู้อย่างไม่ลังเลทันที
ทันใดนั้น ผู้เชี่ยวชาญสิบกว่าคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ลุกขึ้นมา ทุกคนไม่มีใครมีระดับพลังวิญญาณต่ำกว่าขั้นสีน้ำเงินเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจียงเฉินชิงที่เกือบแตะขอบขั้นสีครามแล้ว!
ฉินอวี่เยียนขบกรามแน่นมองไปที่จวินอู๋เสีย เมื่อตอนที่นางยื่นข้อเสนอออกไป นางก็จงใจเพิกเฉยต่อบุรุษรูปงามที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสีย!
คนผู้นั้นยืนเงียบมาตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่แสดงสถานะใดออกมา หากว่าเขารู้สถานการณ์แล้วเปลี่ยนใจหันมายืนข้างสำนักชิงอวิ๋นแล้วฆ่าจวินอู๋เสีย นางจะพาเขากลับไปที่สำนักชิงอวิ๋นด้วย แต่ถ้าไม่…
ดวงตาของฉินอวี่เยียนเย็นเยียบลงเล็กน้อย โอ่งยาพิษที่ตั้งอยู่ในเรือนหลังของนางยังสามารถใส่ได้อีกร่างหนึ่ง!
ตอนที่ 234 ตบหน้าครั้งที่สี่ (2)
ชั่วพริบตา ก็เกิดความโกลาหลขึ้นในท้องพระโรง นางกำนัลและขันทีในวังหลวงที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง เริ่มส่งเสียงกรีดร้องเมื่อเห็นว่ามีการเปิดฉากฆ่าแล้ว
“หืม คิดจะเข้ามาพร้อมๆ กันเลยอย่างนั้นหรือ นี่มันเยี่ยมไปเลย!” เมื่อเผชิญหน้ากับคนมากกว่าสิบที่ล้อมเข้ามา บัวหิมะมัวเมาไม่ได้รู้สึกกดดันหรือแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับยกไหสุราขึ้นซดอย่างตื่นเต้น เมื่อสุราสีใสไหลลงไปในท้อง พลังวิญญาณมหาศาลก็ถูกกระตุ้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาโยนไหสุราเปล่าไปที่กำแพง บัวหิมะมัวเมาในสภาพตัวแดงแจ๋ใบหน้าแดงก่ำก็คำรามก้อง หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะโอหังไปได้อีกนานแค่ไหน! ฆ่าเขาซะ!” เจียงเฉินชิงจ้องไปที่บัวหิมะมัวเมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตลอดทั้งชีวิตของเขาไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน เขาจะเลาะกระดูกไอ้เด็กนั่นแล้วทำให้มันตายทั้งเป็น!
เหล่าลูกศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นและกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังวิญญาณอยู่ในขั้นสีน้ำเงินเข้าล้อมบัวหิมะมัวเมาเอาไว้ตรงกลาง สัตว์ร้ายสีดำฉวยโอกาสจากความชุลมุนนั้นเร่งฝีเท้าวิ่งผ่านฝูงชนเข้าไป ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินสองคนพยายามจะขวางทางมันไว้ แต่ความเร็วของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำก็ช่างมากเหลือเกิน มันผ่านปราการของพวกเขาไปได้ง่ายๆ ในขณะที่พวกเขาไม่แม้แต่จะสัมผัสโดนขนของมันด้วยซ้ำ!
เจ้าพวกโง่! พวกเจ้าค่อยๆ เล่นสนุกไปเถอะ ข้าผู้นี้ขอไปช่วยคนตามคำสั่งเจ้านายก่อน!
เจ้าสัตว์ร้ายสีดำสะบัดหางของมันไปมา มันไม่มีความคิดจะเข้าไปตะลุมบอนกับคนพวกนั้นสักนิด เป้าหมายของมันมีแค่มั่วเฉี่ยนยวนเท่านั้น!
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีครามเพียงคนเดียว พุ่งไปที่จวินอู๋เสียโดยมีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินอีกสามคนไล่ตามหลัง เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนี้ก็คือคนที่ออกคำสั่งเจ้าสัตว์ร้ายสีดำกับไอ้เด็กหนุ่มแปลกประหลาดนั่น ตราบเท่าที่พวกเขาฆ่าเด็กสาวคนนี้ได้ พวกเขาก็จะมีเวลาอีกเหลือเฟือเอาไปเล่นกับเจ้าเด็กหนุ่มและสัตว์ร้ายสีดำตัวนั้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเพิกเฉยต่อบุรุษรูปงามที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสียโดยสิ้นเชิง
จวินอู๋เย่าที่ยกยิ้มอยู่ตลอดเวลา มองดูคนทั้งสี่ที่พุ่งเข้ามาหาจวินอู๋เสียอย่างรวดเร็ว คิ้วของเขาเลิกก็ขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าพลังวิญญาณสีครามนั้นกำลังจะสัมผัสโดนตัวจวินอู๋เสีย เขาก็ยื่นมือออกไปแล้วดึงจวินอู๋เสียเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเขาที่บินไปในอากาศนั้น ช่างดูอิสระและสง่างามเหลือเกิน
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์ ไม่ใช่คนที่มือสกปรกของพวกเจ้าจะสามารถแตะต้องได้” จวินอู๋เย่ายิ้มทรงเสน่ห์ แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ไปถึงดวงตาเลย
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีครามมองไปที่จวินอู๋เย่าผู้มีใบหน้างดงามด้วยสายตาที่สนใจ
จวินอู๋เย่าขยับปลายนิ้วมือของเขาเบาๆ เส้นด้ายเล็กๆ สีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งไปที่ใบหน้าของคนทั้งสี่ราวกับสายฟ้า!
จู่ๆ เบื้องหน้าของพวกเขาก็มีด้ายสีดำเส้นเล็กๆ พุ่งเข้ามา ทว่าก่อนที่มันจะโดนตัวพวกเขา เส้นด้ายเหล่านั้นก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนแล้วกลายร่างเป็นอสรพิษกลืนปราณสีดำขนาดหนาเท่านิ้วมือ! เกล็ดบนร่างของอสรพิษกลืนปราณนั้น แผ่ออกคล้ายกับใบมีดแล้วเจาะเข้าไปที่หน้าผากของพวกเขาจนเป็นรูกว้าง ไอวิญญาณสีดำทมิฬเคลือบสีโลหิต ปกคลุมไปทั่วใบหน้าของคนทั้งสี่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนรูที่หน้าผากที่มีไอสีดำเข้มพุ่งออกมาอย่างน่ากลัว
ขณะที่อสรพิษกลืนปราณชอนไชเข้าไป เสียงกรีดร้องเจ็บปวดของผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่คนก็ดังลั่นท้องพระโรง!
เนื้อบนใบหน้าของพวกรู้สึกร้อนราวกับถูกไฟเผาอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกเจ็บปวดเกินจะทานทน แพร่กระจายจากใบหน้าลงไปยังทุกส่วนของร่างกาย
“งูตัวนี้มีพิษ! รีบโคจรพลังวิญญาณปกป้องร่างกายของพวกเจ้าเร็วเข้า!” ผู้มีพลังวิญญาณขั้นสีครามตอบสนองได้เป็นคนแรก เขาปลดปล่อยพลังวิญญาณสีครามน่ามองออกมาปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ เมื่อเห็นว่าแม้แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีครามก็ยังตื่นตระหนกขนาดนี้ อีกสามคนที่เหลือจึงไม่รอช้ารีบโคจรพลังวิญญาณเช่นเดียวกัน!
“คิดว่าพลังวิญญาณเล็กน้อยแค่นั้น จะสามารถขับอสรพิษกลืนปราณของข้าออกมาได้จริงรึ” จวินอู๋เย่าหัวเราะเสียงต่ำ
พวกเขาทั้งสี่คนปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาห่อหุ้มตัวเองไว้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พยายามยับยั้งการโจมตีของอสรพิษกลืนปราณจากภายใน แต่พลังวิญญาณเล็กน้อยของพวกเขา ไหนเลยจะสามารถต่อกรกับอสรพิษกลืนปราณของจวินอู๋เย่าได้ ร่างเล็กๆ ที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทมิฬ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปยังทุกส่วนของร่างกาย ทิ้งรอยไหม้น่ากลัวตั้งแต่ใบหน้าลามลงไปจนถึงลำคอ!
พลังวิญญาณของพวกเขาไม่มีประโยชน์จริงๆ ด้วย!
อย่าว่าแต่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินเลย แม้แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีครามก็ยังถูกเล่นงานจากเจ้าอสรพิษกลืนปราณตัวเล็กๆ จนทรมานไปหมด
อสรพิษกลืนปราณพวกนี้ มันมีขนาดเล็กมากและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มันเคลื่อนไหวใต้ผิวหนังของพวกเขาอย่างอิสระและเอาแต่ใจ และในชั่วพริบตา อาภรณ์ของทั้งสี่คนก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ร่างของผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่ล้มลงไปนอนกับพื้น ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด
ผู้ที่ทำให้เกิดฉากทั้งหมดนี้ขึ้นอย่างจวินอู๋เย่า กลับทำเพียงมองดูผลงานชิ้นเอกของตนด้วยรอยยิ้มเท่านั้น!