ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 271 ฝันดีหรือว่าฝันร้าย (3) ตอนที่ 272 พี่ฮวา (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 271 ฝันดีหรือว่าฝันร้าย (3) ตอนที่ 272 พี่ฮวา (1)
ตอนที่ 271 ฝันดีหรือว่าฝันร้าย (3)
จวินอู๋เสียผู้ซึ่งถูกเข้าใจผิดว่าเป็นกระต่ายน้อยสีขาว ก็ได้แทรกซึมเข้าไปยังส่วนในของยอดเขาเร้นเมฆาภายใต้การนำของเฉียวฉู่ทั้งอย่างนี้
ตลอดเส้นทางเฉียวฉู่เดินนำอยู่ด้านหน้าโดยเน้นซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด พยายามหลีกเลี่ยงศิษย์ภายในยอดเขาที่มาเดินลาดตระเวนทั้งหมด
เมื่อเห็นว่าเขาคุ้นเคยกับเส้นทางมากเพียงใด จวินอู๋เสียก็ยิ่งเชื่อมั่นในสมมติฐานของตัวเอง
เฉียวฉู่ผู้นี้ เกรงว่าจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับยอดเขาเร้นเมฆาไม่น้อยกว่าไป๋อวิ๋นเซียนเลยก็ว่าได้!
เดินตามเฉียวฉู่ลัดเลาะผ่านแทบจะทุกซอกมุมของยอดเขาเร้นเมฆา จมูกที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคมไวเป็นพิเศษของจวินอู๋เสียก็ได้กลิ่นฉุนของสมุนไพรและกลิ่นยาแผ่ซ่านกระจายไปทั่วบริเวณ กลิ่นแบบนี้ ไม่ใช่เพียงกลิ่นของสมุนไพรหลากหลายชนิดที่นำมาหลอมทำเป็นยาเท่านั้น แต่มันยังมีอีกกลิ่นหนึ่งที่ฉุนแสบจมูกยิ่งกว่า ไม่ใช่กลิ่นยาสมุนไพรหรือยาบำรุงอะไรอย่างแน่นอน
ในที่สุดเฉียวฉู่ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าอาคารที่ไม่สะดุดตาหลังหนึ่ง ด้านหน้าใต้หลังคาของอาคารที่ยื่นออกมาหลังนั้น ยังมีศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาเฝ้าประตูอยู่สองคน เนื่องจากยามนี้ดึกมากแล้ว ทั้งสองคนเองก็เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก จึงหย่อนตัวลงนั่งพิงหลังไปกับกำแพงอย่างเกียจคร้าน ดวงตาทั้งสองข้างปรือๆ ดูสะลึมสะลือคล้ายจะหลับไป
ในวินาทีถัดมา ร่างของเฉียวฉู่ก็กลายเป็นลำแสงแล้วหายไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังศิษย์ทั้งสองคนนั้นด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแลบ เขายกมือขึ้นสับไปที่ท้ายทอยของทั้งสองคนอย่างแรง สองคนนั้นก็หมดสติไป ไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติใดเลย
จัดการกับลูกศิษย์ทั้งสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเสร็จแล้ว เฉียวฉู่ก็กวักมือเรียกจวินอู๋เสียที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดแล้วผลักประตูบานนั้นและเดินเข้าไปข้างใน
จวินอู๋เสียติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด และทันทีที่เท้าของนางก้าวเข้าไปในตัวอาคาร กลิ่นคาวเลือดฉุนกึกแสบจมูก ก็ทำให้จวินอู๋เสียแทบจะหายใจไม่ออก
ภายในอาคารมีเพียงแสงสลัวๆ คอยส่องนำทาง แสงไฟสลัวนั้นสะท้อนกับของตกแต่งภายในห้อง บนผนังทั้งสี่ด้าน คือชั้นวางที่เต็มไปด้วยวัสดุทางการแพทย์ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสงสัย แต่กลิ่นคาวเลือดที่ทำเอาแทบสำลักเข้าไปในปอด ก็ทำให้จวินอู๋เสียเข้าใจว่าทุกสิ่งที่เห็นตรงหน้านี้ เป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น
เฉียวฉู่สาวเท้าไปหยุดอยู่ที่มุมห้อง คุกเข่าลงและดึงแผ่นหินขนาดใหญ่แผ่นหนึ่งที่ปูอยู่บนพื้นออก อุโมงค์สีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขา ในเส้นทางที่มืดมิดนั้น กลิ่นคาวเลือดรุนแรงทะลักทะลวงออกมาจากด้านในอย่างต่อเนื่อง
“ตามข้ามา” เฉียวฉู่กระซิบบอกจวินอู๋เสียเสียงเบา เขาคว้าตะเกียงอันเล็กแล้วจุดไฟ จากนั้นค่อยอาศัยแสงสว่างนั้นก้าวลงไปยังบันไดที่มืดมิดทีละขั้น
จวินอู๋เสียเดินตามอยู่ด้านหลังเฉียวฉู่ โดยที่ไม่รู้ว่าเดินลงมาไกลแค่ไหนแล้ว แต่ความมืดมิดที่อยู่รอบด้านก็คล้ายกับเงามรณะที่ติดตามมนุษย์ไปทุกฝีก้าวอย่างไร้ซุ่มเสียง โจมตีจิตวิญญาณให้หวาดกลัวและยอมศิโรราบแก่มัน
ในไม่ช้า บันไดขั้นสุดท้ายก็ส่งพวกเขาลงมายังขุมนรกอเวจี
ในห้องใต้ดิน โอ่งที่เป็นเหมือนกับหลอดทดลองขนาดใหญ่ ข้างในบรรจุของเหลวสีเขียวเข้มหนืดมีฟองอากาศผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก็ปรากฏสู่สายตาของคนทั้งคู่ สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ ในโอ่งทุกใบยังแช่ร่างมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย!
หรือบางที…คนพวกนั้นอาจเรียกว่าเป็น ‘มนุษย์’ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ร่างที่แช่อยู่ในของเหลว เป็นเพียงผิวหนังที่เปลือยเปล่า ผิวพรรณที่มีสุขภาพดีถูกพิษกัดกร่อนและทำลายไปเป็นบริเวณกว้าง ดวงตาของพวกเขาถูกควักออก เหลือเพียงแต่หลุมดำที่กลวงโบ๋และมืดมน ปากของพวกเขาถูกเย็บติดกันด้วยเส้นด้ายสีดำสนิท คราบเลือดสีน้ำตาลแห้งกรังจับติดเป็นก้อนอยู่ที่มุมปากของพวกเขา พวกเขาถูกแช่อยู่ในโอ่งน้ำอย่างเงียบๆ หูและสมองคล้ายกับจะไม่รับรู้และไม่ได้ยินสัญญาณใดๆ อีกต่อไปแล้ว มีเพียงหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ที่แสดงให้จวินอู๋เสียเห็นว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่
พวกเขายังไม่ตาย!
ในโอ่งน้ำหลายสิบใบ เต็มไปด้วยร่างที่พิกลพิการไม่สมประกอบของมนุษย์ บนผิวโอ่งใบหนึ่ง ยังมีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกตรึงด้วยโซ่เหล็ก ร่างของเขาถูกถอดเสื้อผ้าออกจนหมด บาดแผลน้อยใหญ่ปรากฏให้เห็นตามตัวตลอดทั้งร่าง เพราะไม่ได้รับการรักษา แผลบางจุดจึงเริ่มอักเสบและมีน้ำหนองไหลส่งกลิ่นเหม็นออกมา ยังมีร่างของเด็กหนุ่มในวัยสิบสี่สิบห้าปีอีกคนหนึ่งที่ถูกตรึงอยู่บนผิวโอ่งข้างๆ กัน แต่เขาคนนี้ถูกถลกหนังส่วนบนของร่างลงมากองที่เอวทั้งหมด…
ตอนที่ 272 พี่ฮวา (1)
ฉากตรงหน้า ทำให้จิตใจของจวินอู๋เสียสั่นไหวอย่างรุนแรง วินาทีนี้คล้ายกับนางจะได้ย้อนกลับไปยังฝันร้ายของนางที่ถูกกักขังอยู่ภายใต้กรงเล็บของปีศาจร้ายอีกครั้ง ปีศาจร้ายที่บังคับให้นางเฝ้าดูเขาทำการทดลองกับมนุษย์ที่ทั้งโหดร้ายและไร้มนุษยธรรม
เฉียวฉู่เหมือนจะสังเกตเห็นถึงใบหน้าที่ซีดเซียวของของจวินอู๋เสีย เขามองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความรู้สึกผิด
“เดิมทีข้าไม่อยากให้เจ้าได้มาเห็นสิ่งเหล่านี้เลย…” เห็นได้ชัดว่าเขารู้แต่แรกแล้วว่ามีสถานที่ที่น่าขยะแขยงแบบนี้ซ่อนอยู่ในยอดเขาเร้นเมฆาด้วย
“ไม่เป็นไร” จวินอู๋เสียดึงสติของตัวเองกลับมาแล้วโบกมือให้เขา นางได้เผาทำลายนรกแห่งนั้นจนมอดไหม้ในทะเลเพลิงไปจนหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหวนคิดถึงมันอีก
นางไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป!
เฉียวฉู่ไม่รู้ว่าจะปลอบใจจวินอู๋เสียอย่างไรดี จึงทำได้เพียงเกาหัวของตัวเองอย่างหงุดหงิดแล้วเดินเข้าไปยังส่วนลึกของห้องใต้ดินนั้น
ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ ภาพที่เห็นก็ยิ่งทำใจให้ยอมรับได้ยากขึ้นเท่านั้น นี่แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากนรกบนดินที่มีแต่กองเลือดและเศษชิ้นเนื้อของมนุษย์เลย มันคือฝันร้ายที่แท้จริง!
ในที่สุด เฉียวฉู่ก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้ากำแพงด้านหนึ่ง บนผนังร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มถูกตอกติดกับกำแพง ตะปูขนาดใหญ่เจาะทะลุผ่านกระดูกสะบักทั้งสองข้างของเขา และทั่วทั้งร่างก็ถูกตอกด้วยตะปูถึงเก้าจุด มือทั้งสองข้างของเขาถูกล่ามด้วยโซ่แล้วลากออกไปด้านข้าง แขวนร่างที่สูงโปร่งนั้นให้ลอยอยู่กลางอากาศ บนพื้นเลือดที่ไหลลงมาจากร่างมารวมกันอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้ากลายเป็นแอ่งโลหิตขนาดย่อม
ศีรษะของเขาพับลง ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดผ่านออกมา ดูราวกับคนที่เสียชีวิตไปแล้วก็ไม่ปาน
“เจ้ามาแล้วหรือ” จู่ๆ น้ำเสียงที่นุ่มนวลทว่าแฝงไปด้วยความเย็นชาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มที่ลอยอยู่กลางอากาศฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
มันเป็นใบหน้าที่งดงามจนแทบหยุดหายใจ และแยกออกได้ยากว่าเป็นของบุรุษหรือสตรีกันแน่ ดวงตาหงส์ที่ทรงเสน่ห์ของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ไฝเม็ดเล็กๆ ที่อยู่ใต้ตาก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์และความงดงามให้กับบุรุษตรงหน้า ทำให้รู้สึกทนไม่ได้หากจะทำลายให้มันเกิดความเสียหายแม้เพียงน้อยนิด
“พี่…พี่ฮวา…” เฉียวฉู่เบิกตากว้าง มองฉากที่น่าสังเวชทว่ากลับยังคงงดงามในสายตาของเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก
จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อย มองไปที่บุรุษที่ถูกจับแขวนให้ลอยอยู่กลางอากาศอย่างพิจารณา คนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บมากถึงเจ็ดแปดส่วน แต่ก็ยังสามารถครองสติไว้ได้แม้ร่างกายจะบาดเจ็บร้ายแรงมากขนาดนี้ก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเป็นบุรุษที่มุ่งมั่นและมีจิตใจที่แข็งแกร่งยิ่งนัก
บุรุษรูปงามขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่จวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉียวฉู่
“นางเป็นใครหรือ”
เฉียวฉู่กลืนน้ำลายดังอึกแล้วตอบว่า “นี่ก็คือเด็กหนุ่มที่ข้าเคยเล่าให้ท่านฟังก่อนหน้านี้อย่างไรเล่า ปีศาจน้อยที่ข้าเคยพบตอนที่อยู่ในเมืองผีนั่นอย่างไร”
ปีศาจน้อย? จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
คราวนี้เปลี่ยนเป็นฝั่งของบุรุษรูปงามที่ต้องเลิกคิ้วขึ้นบ้าง ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังมองภาพตรงหน้าไม่กะพริบตา ฉากอันน่าอัศจรรย์และแปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของนาง!
ร่างที่ถูกตอกตรึงและพันธนาการด้วยโซ่ของชายหนุ่มจู่ๆ ก็ขยับ มือทั้งสองข้างที่ถูกรัดอย่างแน่นหนา เพราะอยู่ๆ กระดูกที่มือและแขนทั้งหมดคล้ายสลายหายไป โซ่ที่พันร่างเขาอยู่จึงไม่อาจรั้งร่างสูงนั้นให้ลอยอยู่กลางอากาศได้อีก ชายหนุ่มออกแรงสะบัดไหลทั้งสองข้าง แรงเหวี่ยงที่มหาศาลก็พาให้ร่างนั้นหลุดออกมาจากตะปูดอกโต คล้ายกับเทพเซียนที่เพิ่งหลุดออกจากที่คุมขังสวรรค์ ร่างงามนั้นลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะค่อยๆ ร่อนลงกับพื้นอย่างมั่นคงและสง่างาม เท้าที่เปลือยเปล่าของเขาแตะสัมผัสกับพื้นและย่ำลงไปบนแอ่งโลหิตที่ยังอุ่นๆ ของตัวเอง
พี่ฮวาที่หลุดจากพันธนาการได้สำเร็จ หลังจากลงมายืนบนพื้นแล้วก็ปรับสภาพมือของเขาให้กลับมาเป็นปกติ กระดูกทั่วทั้งตัวที่เคลื่อนที่กลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม เขาค่อยๆ ดึงตะปูออกจากร่างกายทีละตัวๆ อย่างไม่แยแสนัก
ตะปูทั้งเก้าดอกถูกถอนออกจากผิวหนังจนหมด เลือดสีแดงสดไหลลงมาตามรอยแผลแต่เขากลับไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย ดวงตาสวยเพียงหรี่ลงและมองมาทางจวินอู๋เสียอย่างพิจารณา
กระบวนการทั้งหมดในการปลดเครื่องพันธะการของเขา มันทั้งน่าทึ่ง ดูสง่างาม และผ่อนคลาย
“เจ้าพานางมาที่นี่ด้วยทำไม” พี่ฮวาหันไปถามเฉียวฉู่ด้วยสายตาเย็นชา แต่สายตาคนงามยามโกรธไหนเลยจะน่ากลัว ตรงกันข้ามมันกลับเพิ่มเสน่ห์ให้รูปลักษณ์นั้นยิ่งน่ามองมากขึ้นไปอีก