ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 293 สวมรอย (2) ตอนที่ 294 สวมรอย (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 293 สวมรอย (2) ตอนที่ 294 สวมรอย (3)
ตอนที่ 293 สวมรอย (2)
ฮวาเหยาพาเฉียวฉู่และจวินอู๋เสียมุ่งหน้าไปยังที่พักของเคอฉังจวี ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับลูกศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆามากมาย พวกเขาทำความเคารพทันทีเมื่อเห็นฮวาเหยา ไม่เหลือความเย่อหยิ่งในตอนที่พวกเขาอยู่ร่วมกันเอง ทุกคนต่างประจบประแจงเขามาก แต่เมื่อพวกเขาเห็นจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ที่เดินตามหลัง ‘เคอฉังจวี’ มา สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
จวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ได้แสดงฉาก ‘เป็นลม’ ในลานศิษย์ใหม่เมื่อตอนเช้าตรู่ ศิษย์สายในของยอดเขาเร้นเมฆาต่างรู้จักทั้งคู่เป็นอย่างดี พวกเขาทุกคนล้วนคิดว่าจะไม่ได้เห็นทั้งสองคนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากผ่านไปเพียงแค่สองชั่วโมง เด็กหนุ่มทั้งสองคนไม่เพียงแต่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา แต่ยังเดินตามหลังผู้อาวุโสเคอออกมาอีกด้วย!
ต้องรู้ไว้ก่อนว่าแม้ว่าเคอฉังจวีจะมีฐานะเป็นอาจารย์ของลูกศิษย์กลุ่มนี้ แต่ในยอดเขาเร้นเมฆาก็ไม่มีใครกล้าเดินนำหน้าหรือเดินตามหลังผู้อาวุโสเคอแม้แต่คนเดียว
นิสัยที่แปลกประหลาดของผู้อาวุโสเคอเป็นที่รู้จักกันดีในสำนักชิงอวิ๋น นอกจากช่วงเวลาบางช่วงของทุกวันที่เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าลูกศิษย์แล้ว ช่วงเวลาที่เหลือเคอฉังจวีจะรู้สึกรังเกียจมากเมื่อลูกศิษย์เข้าใกล้ตัวเขา
ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเดินไปมารอบๆ ตัวผู้อาวุโสของยอดเขาเร้นเมฆาผู้นี้เลย!
เจ้าเด็กสองคนนี้เอายาแฝดอะไรให้ผู้อาวุโสเคอกินกัน ไม่เพียงแต่ไม่กลายเป็นปุ๋ยในสวนสมุนไพรแล้ว แต่ยังสามารถกลับออกมาจากห้องใต้ดินลับในสภาพที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้อีก!
เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยอดเขาเร้นเมฆา!
ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของลูกศิษย์ทุกคน ฮวาเหยาพาเฉียวฉู่และจวินอู๋เสียเดินตรงเข้าไปในลานที่พักที่เคอฉังจวีพักอาศัยอยู่ทันที
ที่พักของเคอฉังจวีนั้นกว้างขวางมากและของตกแต่งในห้องก็หรูหราล้ำค่า ในสำนักชิงอวิ๋น ห้องที่หรูหรากว่าเขาก็คงจะมีแค่ห้องของฉินเย่ว์ผู้เป็นเจ้าสำนักเท่านั้น
ภายในลาน คนรับใช้หลายคนที่สวมชุดคลุมสีเทากำลังก้มหน้าทำความสะอาดพื้น พวกเขาไม่ได้สังเกตการมาถึงของฮวาเหยาและทั้งสองคน จนกระทั่งพวกเขาเดินมาถึงเบื้องหน้าคนใช้เหล่านี้พวกเขาจึงจะเงยศีรษะขึ้น
แต่ทันทีที่พวกเขาเงยหน้าขึ้น เฉียวฉู่ก็ผงะเล็กน้อย
ใบหน้าของพวกเขาไม่สามารถเรียกว่าใบหน้าได้เลย เพราะนอกจากตากับปากแล้วก็ไม่สามารถแยกแยะอะไรได้อีก ทั้งใบหน้าเหมือนถูกไฟไหม้ ผิวหนังทั้งหมดถูกละลายรวมกันจนไม่เหลือผิวหนังที่ดี ริมฝีปากถูกตัดออกและริมฝีปากส่วนใหญ่ถูกเย็บปิดปากไว้เหลือเพียงช่องว่างเล็กๆ หูและจมูกของพวกเขาถูกตัดให้แบนราบและศีรษะทั้งหมดของพวกเขาไม่มีส่วนไหนที่นูนเว้าออกมาเหมือนก้อนเนื้อหนึ่งก้อนที่ผ่านการเผาไหม้มา
หากใบหน้าของเคอฉังจวีที่เรียกว่าอัปลักษณ์แล้ว ใบหน้าของคนใช้เหล่านี้ก็เรียกได้ว่าน่าขยะแขยง
“คนเหล่านี้ … ” เฉียวฉู่ตกใจมากกับใบหน้าที่ไม่เหมือนผู้เหมือนคนของคนรับใช้เหล่านี้
“ทั้งหมดนี้เป็นศิษย์เก่าของยอดเขาเร้นเมฆา เพราะทำให้เคอฉังจวีไม่พอใจจึงถูกจับมาที่ลานของเขาแล้วกลายเป็นคนรับใช้ของเขา” เสียงของฮวาเหยาตอบกลับมาเป็นน้ำเสียงชายหนุ่มอีกครั้ง
“พวกเขาไม่ได้ยินและพูดไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะเผยความลับอะไรออกไป ในสายตาของพวกเขา ข้าคือเคอฉังจวี” ฮวาเหยากล่าว
จวินอู๋เสียมองไปที่ใบหน้าของคนเหล่านั้นและไม่พบความโกรธใดๆ บทสนทนาระหว่างเฉียวฉู่และฮวาเหยาดูเหมือนจะไม่เข้าหูพวกเขา พวกเขาแค่ลืมตาที่เย็นชาคู่นั้นแล้วมองไปที่ฮวาเหยาด้วยท่าท่างหวาดกลัว ความกลัวที่พวกเขามีต่อเคอฉังจวีนั้นชัดเจนมาก
ตอนที่ 294 สวมรอย (3)
“เคอฉังจวีคนนี้สมควรตายจริงๆ” เฉียวฉู่กล่าวแล้วถอนหายใจ
ทั้งสามคนเข้ามาในห้อง ฮวาเหยาหยิบเสื้อผ้าสะอาดในตู้ของเคอฉังจวีออกมาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เสื้อผ้าของเคอฉังจวีมีแต่สีเข้ม เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็ไม่ต่างกัน
ในห้องหนังสือของเคอฉังจวีเต็มไปด้วยหนังสือทางการแพทย์มากมาย เมื่อพิจารณาจากสภาพความทรุดโทรมแล้ว เคอฉังจวีน่าจะเปิดอ่านบ่อยครั้ง ในบรรดาหนังสือทั้งหมด หนังสือที่ทรุดโทรมที่สุดคือหนังสือสองสามเล่มที่บันทึกเกี่ยวกับยาพิษ จวินอู๋เสียเปิดอ่านอย่างไม่ใส่ใจแล้วโยนมันทิ้งไปที่มุมห้อง
“พี่ฮวายังมีความสามารถในการเปลี่ยนเสียงได้ด้วยหรือ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้รู้จริงๆ” เฉียวฉู่นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง เมื่อครู่เขาได้ยินฮวาเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่แตกต่างจากเคอฉังจวีเลย
ฮวาเหยาเพิกเฉยต่อเขา เขามองไปที่จวินอู๋เสียแล้วกล่าวว่า “เจ้าจะทำอย่างไรต่อ”
เป้าหมายของจวินอู๋เสียไม่ขัดแย้งกับเป้าหมายของพวกเขา แต่กระนั้นก็ไม่ได้เหมือนกัน
“พวกเจ้าบอกข้ามาก่อนว่าพวกเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” จวินอู๋เสียนั่งลงช้าๆ การร่วมมือกับฮวาเหยาและเฉียวฉู่ดูเหมือนจะราบรื่นดี
ฮวาเหยาและเฉียวฉู่สบตากัน สุดท้ายก็เป็นฮวาเหยาที่กล่าวออกมาว่า “พวกข้าต้องการตามหาแผนที่”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ตอนแรกข้าสงสัยว่าแผนที่แผ่นนั้นอยู่ในมือของเคอฉังจวี ข้าจึงเข้ามาที่ยอดเขาเร้นเมฆาในฐานะลูกศิษย์ แต่เมื่อครู่ข้าได้ค้นหาทั่วลานพักแห่งนี้แล้วแต่ก็ไม่พบสิ่งนั้น หากข้าเดาไม่ผิดแผนที่แผ่นนั้นน่าจะอยู่ในมือของฉินเย่ว์” ฮวาเหยากล่าว
“ข้าฆ่าคน ส่วนพวกเจ้าก็เอาแผนที่ไป” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“…” เฉียวฉู่พูดอะไรไม่ออกแล้ว นายท่านผู้นี้ ท่านกล่าวเรื่องฆ่าชิงทรัพย์ด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งแบบนี้ได้หรือ
นี่มันนิ่งสงบเกินไปจริงๆ
“เจ้าจะลงมือเมื่อไหร่” ฮวาเหยากล่าว
“ไม่ต้องรีบร้อน สิ่งที่ข้าต้องการคือสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมด” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อย นางไม่รีบร้อนที่จะลงมือเพราะสำนักชิงอวิ๋นนั้นใหญ่มาก แม้ว่าจะเป็นนางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำลายสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ฆ่าฉินเย่ว์ไม่ยาก ฆ่าผู้อาวุโสก็ไม่ยากแต่สิ่งที่ยากคือการส่งคนของสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดไปลงนรกพร้อมๆ กัน
ลูกศิษย์ทั้งในและนอกสำนักชิงอวิ๋นเกือบพันคนกระจายไปทั่วเทือกเขาและยอดเขาทั้งสิบสองนั้นก็มีลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่ ถ้าพวกเขาตรงเข้าไปฆ่าฉินเย่ว์แล้วถูกผู้อาวุโสของยอดเขาอื่นพบเข้า มันไม่ง่ายเลยที่จวินอู๋ซีจะถอยกลับมาได้
อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยพวกเขาอยู่แล้ว
จะว่านางใจร้ายหรือโหดเหี้ยมก็ได้
เพราะลูกศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นไม่ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในสายตานาง
เพื่อหยกวิญญาณฉินอวี่เยียนไม่ลังเลที่จะทำลายรัฐชีทั้งหมด ในเวลานั้นนางเคยคิดถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์นับล้านคนในรัฐชีหรือไม่
ในสายตาของจวินอู๋เสีย ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้ามาทำร้ายท่านปู่และท่านอาเล็กของนางจะต้องตายและนางจะไม่แก้แค้นแค่ผู้บงการแต่แม้แต่สมาชิกในครอบครัวนางก็จะไม่ปล่อยมันไป
ถ้าต้องการทำลายสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดในช่วงเวลาสั้นๆ จวินอู๋เสียยังคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการเตรียมตัว
“ความสัมพันธ์ระหว่างเคอฉังจวีและฉินเย่ว์นั้นพิเศษมาก อยู่ในร่างนี้ข้าอาจจะได้ข้อมูลสำคัญบางอย่าง” ฮวาเหยาพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันมาก ถ้าไม่ใช่เพราะจวินอู๋เสียเขาก็ไม่สามารถปลอมตัวเป็นเคอฉังจวีได้อย่างแน่นอน การฆ่าเคอฉังจวีนั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่เขาก็ไม่สามารถสวมรอยเคอฉังจวีได้ แต่จวินอู๋เสียกลับแก้ปัญหาใหญ่ให้เขา
“ถ้าเจ้าต้องการอะไร ขอแค่พูดออกมา ขอแค่เป็นเรื่องที่พวกข้าสามารถทำได้ พวกข้าจะทำอย่างเต็มที่” ฮวาเหยากล่าว