ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 313 ความหวาดกลัวที่แพร่กระจายไปทั่ว (4) ตอนที่ 314 ความอุตสาหะของมู่เฉิน (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 313 ความหวาดกลัวที่แพร่กระจายไปทั่ว (4) ตอนที่ 314 ความอุตสาหะของมู่เฉิน (1)
ตอนที่ 313 ความหวาดกลัวที่แพร่กระจายไปทั่ว (4)
ไช่จัวผู้อาวุโสของยอดเขาธงเมฆาอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว ก่อนที่ฉินเย่ว์จะขึ้นมาเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋น เขาก็เป็นผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นอยู่ก่อนแล้ว เพราะอายุของเขา คำพูดของไช่จัวจึงเป็นที่น่าเชื่อถือในกลุ่มผู้อาวุโส แม้แต่ฉินเย่ว์ก็ยังต้องถ่อมตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
ไม่มีใครคิดว่า เคอฉังจวีจะพาลูกศิษย์ของเขามาที่ยอดเขาธงเมฆาแล้วแย่งลูกศิษย์ของยอดเขาธงเมฆาสองคนแล้วเดินจากไปต่อหน้าต่อตาไช่จัวที่มีหนวดเคราสีขาวจนทำให้ไช่จัวโกรธเกรี้ยวจนเกือบจะเป็นลม
จองหอง! จองหองเกินไปแล้ว!
โศกนาฏกรรมของยอดเขาเมฆาเขียวเมื่อไม่กี่วันก่อนได้เกิดขึ้นอีกครั้งในยอดเขาธงเมฆา แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นคือการกระทำของเคอฉังจวีในครั้งนี้แรงขึ้นไปอีก แย่งชิงลูกศิษย์ของไช่จัวต่อหน้าไช่จัวโดยไม่ไว้หน้าไช่จัวเลยแม้แต่น้อย
ลูกศิษย์ของยอดเขาเมฆาเขียวถูกแย่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นเพราะเจียงเฉินชิงเสียชีวิต ในยอดเขาจึงไม่มีผู้อาวุโสปกป้องพวกเขา
แต่เรื่องของยอดเขาธงเมฆาได้ยกระดับความจองหองของเคอฉังจวีให้สูงขึ้นไปอีก
ผู้อาวุโสของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ เจ้ายังกล้าแย่งคนต่อหน้าผู้อาวุโสของพวกเขา เจ้าคิดว่าสำนักชิงอวิ๋นนี้เป็นของเจ้าคนเดียวหรือ
ไช่จัวที่โกรธจนจะกระอักเลือดออกมา ได้ถูกลูกศิษย์พยุงตัวไปหาฉินเย่ว์แล้วฟ้องเรื่องไม่ดีของเคอฉังจวีพร้อมทั้งน้ำตา กล่าวว่าจนคอแหบแห้งแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ยินคำด่าหรือตำหนิเคอฉังจวีจากฉินเย่ว์เลยสักประโยคเดียว
ฉินเย่ว์แค่พูดปลอบใจไช่จัวและกล่าวว่าการรับสมัครครั้งหน้าของสำนักจะให้ไช่จัวเลือกลูกศิษย์ที่เก่งก่อน นอกจากคำเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรอีก
ตอนที่ไช่จัวเดินออกมาจากห้องของฉินเย่ว์ ใบหน้าของเขาเย็นชามาก ขณะที่เขาเดินออกจากประตูลานพัก เขาก็โมโหเป็นลมหมดสติไปทันที ลูกศิษย์ที่ตามไปด้วยก็รีบแบกตัวเขาแล้วกลับไปที่ยอดเขาธงเมฆาด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อมีแบบอย่างของยอดเขาธงเมฆาแล้ว ผู้อาวุโสท่านอื่นก็ไม่สามารถหัวเราะได้อีกต่อไป เคอฉังจวีทำเรื่องรุนแรงเยี่ยงนี้แต่เจ้าสำนักกลับไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเขาจะปล่อยให้เคอฉังจวีทำเรื่องแบบนี้ต่อไป!
ตอนนี้คือยอดเขาเมฆาเขียวและยอดเขาธงเมฆา ไม่แน่อีกไม่นานภัยพิบัตินี้ก็อาจจะเกิดขึ้นกับยอดเขาของพวกเขา!
สำหรับผู้อาวุโสทุกคนการที่ลูกศิษย์ลดลงหนึ่งถึงสองคนไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาสนใจจริงๆ คือการกระทำที่จองหองของเคอฉังจวี! ที่ตรงเข้าไปในยอดเขาแล้วแย่งชิงลูกศิษย์ต่อหน้าผู้อาวุโส ต้องจองหองเยี่ยงนี้เลยหรือ
ยอดเขาเมฆาเขียวและเคอฉังจวีเป็นอย่างไรในสำนักชิงอวิ๋น ผู้อาวุโสและลูกศิษย์ทุกคนรู้ดี หากผู้อาวุโสทุกคนปล่อยให้เคอฉังจวีแย่งลูกศิษย์ของตัวเองไปต่อหน้าต่อตา พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มันเป็นการแสดงให้ลูกศิษย์ทุกคนรู้ว่าผู้อาวุโสของพวกเขาเป็นคนขี้ขลาดที่มีคนมาขี่คอถ่ายราดบนตัวแล้วยังไม่กล้าพูดอะไร แม้แต่ลูกศิษย์ของตัวเองก็ปกป้องไม่ได้
นี่เป็นการตบหน้าผู้อาวุโสทุกคนชัดๆ
เรื่องนี้ยากเกินกว่าจะทนได้
ในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้อาวุโสของยอดเขาทั้งหมดต่างก็เริ่มเตรียมตัวอย่างจริงจัง และเหล่าลูกศิษย์ของแต่ละยอดเขาต่างก็ตกอยู่ในอันตราย
ทว่าภัยพิบัติก็ยังคงบังเกิด
ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน เคอฉังจวีก็กวาดล้างไปหกยอดเขา นำลูกศิษย์ของพวกเขาไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา เหล่าผู้อาวุโสต่างหน้าเสียไปตามๆ กัน
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเคอฉังจวีมีท่าทีที่เด็ดขาด การกระทำที่จองหอง ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาใช้ชื่อของฉินเย่ว์ซึ่งทำให้ผู้อาวุโสทุกคนโมโหจนแทบกระอักเลือด
ภาพลักษณ์ที่ดีในใจของเหล่าลูกศิษย์ที่มีต่อผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นได้หายไปภายในเวลาหนึ่งเดือน เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาต้องเผชิญกับสายตาที่ไม่เชื่อใจของเหล่าลูกศิษย์ของพวกเขา บนใบหน้าของผู้อาวุโสทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ศักดิ์ศรีของการเป็นผู้อาวุโสหายไปและภาพลักษณ์ในใจของเหล่าลูกศิษย์ก็พังทลาย ท่ามกลางการด่าว่าที่ไม่สิ้นสุด เหล่าผู้อาวุโสทุกคนต่างด่าว่าเคอฉังจวีและเกลียดแค้นฉินเย่ว์ที่ตามใจและไม่สนใจอะไรเลย
…………..
ตอนที่ 314 ความอุตสาหะของมู่เฉิน (1)
ในขณะที่ฮวาเหยาใช้ฐานะของเคอฉังจวีในการเสี้ยมเขาควายให้ชนกันไปทั่วสำนักชิงอวิ๋น จวินอู๋เสียก็ไม่ได้นิ่งเฉย ในเวลากลางคืนนางใช้ไข่มุกเสริมพลังเพื่อฝึกฝนพลังวิญญาณ ในเวลากลางวันนางเลือกยาสมุนไพรที่เหมาะสมในยอดเขาเร้นเมฆาเพื่อหลอมโอสถวิเศษใหม่
ในช่วงเวลาดังกล่าว จวินอู๋เสียก็ได้ลงจากยอดเขาแล้วนำโอสถที่สามารถปรับปรุงเส้นลมปราณมอบให้แก่หรงเหิง
หรงเหิงไม่เคยคิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่เขาส่งไปที่ยอดเขาเร้นเมฆาในวันนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ ตอนที่เขาได้รับโอสถเหล่านั้น หรงเหิงรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เอาแต่กล่าวขอบคุณจวินอู๋เสียไม่หยุด ก่อนจากกันยังไม่ลืมที่จะกำชับจวินอู๋เสียให้ระมัดระวังตัวเองให้ดีตอนอยู่ยอดเขาเร้นเมฆา เพราะช่วงนี้เคอฉังจวีได้หาเรื่องยอดเขาอื่นๆ มากมาย จึงกำชับให้จวินอู๋เสียว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าออกจากยอดเขาเร้นเมฆา
ไม่เยี่ยงนั้นอาจเป็นไปได้ที่จะพบกับลูกศิษย์ของยอดเขาอื่นแล้วถูกทำร้ายได้
จวินอู๋เสียฟังโดยไม่กล่าวอะไร แต่ในใจของนางก็พอใจอย่างมากกับสถานการณ์ที่วุ่นวายในปัจจุบันของสำนักชิงอวิ๋น
เพียงแค่ทำให้สำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดอยู่ในความกลัวและตื่นตระหนก แผนการของนางจึงจะสามารถดำเนินต่อไปได้!
ทุกๆ สองสามวัน นางจะไปหาเรื่องแต่ละยอดเขากับฮวาเหยาและเฉียวฉู่ ช่วงนี้จวินอู๋เสียได้รู้สถานการณ์ภายในของแต่ละยอดเขาทั้งหมดแล้ว ผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นแต่ละคนมีนิสัยที่แตกต่างกัน บางคนใจเย็น บางคนอารมณ์ร้อน บางคนเย็นชา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฮวาเหยาที่ได้รับอำนาจมา เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างต้องพ่ายแพ้และเสียหน้า
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดของสำนักชิงอวิ๋น ตั้งแต่ผู้อาวุโสไปจนถึงลูกศิษย์ไม่มีใครสามารถนอนหลับอย่างสงบสุขได้เลย
หลังจากกวาดล้างยอดเขาของเหล่าผู้อาวุโสหลายท่านแล้ว จวินอู๋เสียก็พุ่งเป้าหมายสุดท้ายของนางไปที่ยอดเขาเทียมเมฆาที่มู่เฉินดูแลอยู่!
ยอดเขาเทียมเมฆาเป็นยอดเขาที่ไม่เด่นที่สุดในสิบสองยอดเขา และเป็นยอดเขาที่มีลูกศิษย์น้อยที่สุด ในบรรดายอดเขาทั้งหมด ลูกศิษย์ทั้งหมดรวมกันมีแค่ยี่สิบกว่าคนเท่านั้น ยอดเขาเทียมเมฆาที่ใหญ่โตมีเพียงมู่เฉินและลูกศิษย์ยี่สิบกว่าคนนั้นมาโดยตลอด เงียบเหงาเหมือนภูเขาร้าง
เมื่อเทียบกับยอดเขาอื่นที่มีลูกศิษย์หลายร้อยคน จำนวนลูกศิษย์ฝั่งนี้ของมู่เฉินดูน่าสงสารเล็กน้อย
มู่เฉินไม่ค่อยรับสมัครลูกศิษย์ เขาคิดว่ายอมขาดแคลนดีกว่าได้ของด้อยคุณภาพ ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ เขาก็ไม่อยากได้แม้แต่คนเดียวและรวมไปถึงการกดขี่ที่เปิดเผยและกดขี่อย่างลับๆ ของฉินเย่ว์ ยอดเขาเทียมเมฆาจึงกลายเป็นยอดเขาที่ไม่เด่นที่สุดของเทือกเขาเมฆา
“ดูเหมือนว่ามู่เฉินคนนี้จะไม่เหมือนกับผู้อาวุโสท่านอื่น” เฉียวฉู่ลูบคาง ช่วงนี้เขาเดินหาเรื่องตามพี่ฮวา จนเขารู้สึกว่าคางของเขากลมขึ้น
“อืม ถ้ามีอะไรที่สะอาดเหลืออยู่ในสำนักชิงอวิ๋นก็มีเพียงแค่ยอดเขาเทียมเมฆาของมู่เฉินเท่านั้น แม้ว่าอายุเขาไม่มากแต่เขากลับใจเย็นและซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ไม่เคยทำเรื่องชั่วร้าย ถือว่าเป็นคนพิเศษของสำนักชิงอวิ๋น” ฮวาเหยาพยักหน้าเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็มีความประทับใจที่ดีต่อมู่เฉินคนนี้
จวินอู๋เสียยืนอยู่ที่เชิงเขาของยอดเขาเทียมเมฆา นางเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อยและมองไปทางด้านบนสุดของยอดเขา
บนยอดเขา นางเหมือนเห็นคนคนหนึ่งสวมชุดสีฟ้ายืนอยู่ท่ามกลางสายลม
คนคนนั้นก็ดูเหมือนจะมองมาทางพวกเขาเช่นกัน
“มู่เฉินใช้ได้หรือไม่” ฮวาเหยามองจวินอู๋เสียที่เงียบมาตลอด ผู้อาวุโสทุกคนที่พวกเขาเหยียบย่ำมาล้วนเป็นคนที่จวินอู๋เสียเลือก แต่มู่เฉินคนนี้กลับถูกจวินอู๋เสียเก็บไว้เป็นคนสุดท้าย และก่อนที่พวกเขาจะมา จวินอู๋เสียได้พูดเรื่องอื่นกับเขา ฮวาเหยาเข้าใจดีว่าในใจของจวินอู๋เสียมู่เฉินนั้นแตกต่างจากผู้อาวุโสท่านอื่น
ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือฐานะของเขา ล้วนแตกต่างกับสำนักชิงอวิ๋นนี้
“ใช้ได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเลือกอะไร” จวินอู๋เสียก้มศีรษะลง
ฮวาเหยาพยักหน้าเล็กน้อย
เฉียวฉู่หัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “มา! เราแสดงความจองหองของเราออกมากันเถิด!”
แต่สิ่งที่เขาได้รับคือดวงตาเย็นชาจากจวินอู๋เสียและฮวาเหยา!
…………..