ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 429 โรคภัยหรือพิษร้าย (4) ตอนที่ 430 โรคภัยหรือพิษร้าย (5)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 429 โรคภัยหรือพิษร้าย (4) ตอนที่ 430 โรคภัยหรือพิษร้าย (5)
ตอนที่ 429 โรคภัยหรือพิษร้าย (4) / ตอนที่ 430 โรคภัยหรือพิษร้าย (5)
ตอนที่ 429 โรคภัยหรือพิษร้าย (4)
คนหนึ่งหมดสติไปแล้ว อีกคนก็โผล่มา ทันใดนั้นมือของจวินอู๋เสียที่จับชีพจรของฟ่านจัวไว้ก็มีเส้นเลือดปูดโปนออกมา
“ถ้าเจ้าไม่อยากให้เขาตาย ก็ทำตามที่ข้าบอก” จวินอู๋เสียไม่มีเวลามาอธิบายให้ฟ่านจิ่นฟัง นางจึงพนันว่าฟ่านจิ่นจะเชื่อใจนางหรือไม่
“เจ้า…” ฟ่านจิ่นมองอาจิ้งที่หมดสติแล้วมองฟ่านจัวที่ชักเกร็งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน
สิ่งที่เขาเห็นตรงหน้าได้ส่งสัญญาณอันตรายถึงเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นภาพนี้ก็ต้องคิดว่าจวินอู๋เสียต้องการทำร้ายฟ่านจัว
แต่ว่า…
“เจ้าบอกมา ข้าจะทำ” มีเสียงหนึ่งในใจบอกกับฟ่านจิ่นว่าฟังจวินอู๋เสียไม่ผิดแน่นอน
“น้ำร้อนกับสุราอุ่นๆ” จวินอู๋เสียไม่สามารถแยกร่างได้เพราะตอนนี้นางไม่สามารถออกห่างจากฟ่านจัวได้
ฟ่านจิ่นหันหลังเดินออกไปเตรียมโดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย
เจ้าแมวดำนั่งอยู่ด้านข้าง มองดูการกระทำที่คล่องแคล่วของฟ่านจิ่นแล้วกระดิกหางเล็กน้อย
ยังดีที่รู้ตัว เจ้านายของข้าช่วยชีวิตของน้องชายของเจ้าเช่นนี้ก็ไม่ถือว่าไร้ประโยชน์
หลังจากนั้นไม่นาน ฟ่านจิ่นก็เตรียมสิ่งที่จวินอู๋เสียต้องการเสร็จแล้วนำเข้ามาให้นาง จวินอู๋เสียก็ไม่ได้สนใจเขาเพราะนางกำลังจดจ่ออยู่กับการรักษาฟ่านจัว
ฟ่านจิ่นวางของไว้ ในห้องเงียบจนเขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง เขาย่อตัวลงตรวจสอบอาการบาดเจ็บของอาจิ้งแล้วพบว่าอาจิ้งมีเลือดออกเล็กน้อยตรงรอยข่วนที่คอแล้วหมดสติไปเท่านั้น ไม่ได้อาการหนักหลังจากยกอาจิ้งไปไว้อีกห้องหนึ่ง ฟ่านจิ่นก็กลับมายืนข้างเตียงและดูจวินอู๋เสียรักษาฟ่านจัวอย่างเงียบๆ
แต่ภาพที่เขาเห็นกลับทำให้ฟ่านจิ่นตกใจเป็นอย่างมาก ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดว่าจวินอู๋เสียจะทำอะไร แต่หลังจากที่เขาเห็นจวินอู๋เสียป้อนโอสถวิเศษและทายาบนจุดชีพจรให้ฟ่านจัวโดยไม่หยุดพัก สีหน้าของเขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก
“น้องเสีย… เจ้ากำลังรักษาเสี่ยวจัวอยู่หรือ” ฟ่านจิ่นกล่าวด้วยความตกใจ
“หุบปาก” จวินอู๋เสียเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ฟ่านจิ่นจึงรีบปิดปากตัวเองทันที
หลายปีต่อมา เมื่อใดก็ตามที่ฟ่านจิ่นคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ในเวลานั้นเขามอบน้องชายที่ป่วยหนักของเขาให้กับชายหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบสี่ปีรักษา เขาต้องบ้าเพียงใด
หลังจากที่ฟ่านจัวชักเกร็งมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็หยุดลง ดวงตาของเขาปิดสนิทและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จวินอู๋เสียนำน้ำร้อนมาทำความสะอาดเลือดบนตัวของฟ่านจัวและเทสุราอุ่นๆ เข้าไปในปากของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ฟ่านจัวก็ชักเกร็งอีกครั้ง!
“จับเขาไว้” จวินอู๋เสียก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวและกล่าวกับฟ่านจิ่น
ฟ่านจิ่นรีบเดินไปที่ข้างเตียงแล้วมองน้องชายของเขาด้วยความสงสาร เขายื่นมือออกมากดไหล่เขาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาดิ้นมากเกินไป
อ้วกกก!
ทันใดนั้นฟ่านจัวก็อ้าปากแล้วมีของเหลวสีดำมากมายพุ่งออกมาจากปากของเขาโดนใบหน้าฟ่านจิ่นเต็มๆ
ของเหลวนั้นมีกลิ่นเหม็นมากจนเกือบทำให้ฟ่านจิ่นเป็นลม แต่ฟ่านจิ่นก็ไม่กล้าขยับตัว เขาทำได้เพียงมองดูฟ่านจัวอาเจียนของเหลวสีดำเหล่านั้นออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้ากังวล
“พลิกข้าง” เสียงของจวินอู๋เสียดังขึ้นมาอีกครั้ง
ฟ่านจิ่นเข้าใจในทันทีว่านางหมายถึงอะไร เขาพลิกตะแคงตัวฟ่านจั่วให้เขานอนตะแคงบนเตียง
ฟ่านจัวอาเจียนไม่หยุด แต่อาการชักเกร็งของเขาก็ค่อยๆ ลดลง และของเหลวที่อาเจียนออกมาก็น้อยลงเรื่อยๆ ในที่สุดหลังจากที่ไม่เหลืออะไรให้อาเจียนแล้ว จวินอู๋เสียจึงจะโบกมือแล้วกล่าวว่า “ให้เขานอนลงดีๆ”
ฟ่านจิ่นทำตามทันที เขาพบว่าสีหน้าของฟ่านจัวตอนนี้ดีกว่าเมื่อครู่มาก สีหน้าเขียวได้หายไปจากใบหน้าของเขาแล้ว
ตอนที่ 430 โรคภัยหรือพิษร้าย (5)
“น้องเสีย สีหน้าของเสี่ยวจัว…” ฟ่านจิ่นหันไปมองจวินอู๋เสียด้วยความดีใจ แต่กลับเห็นจวินอู๋เสียกำลังใช้สายตารังเกียจมองเขาอยู่
ฟ่านจิ่นมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความสงสัยและกำลังจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แต่จวินอู๋เสียกลับรีบก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวทันที
“อย่าเข้ามา” จวินอู๋เสียกล่าวด้วยสายตาเย็นชา
หัวใจของฟ่านจิ่นกระตุกวูบ เขารู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเพราะเขานึกขึ้นได้ว่าเขาสงสัยในตัวจวินอู๋เสียตอนที่เขาก้าวเข้ามาแล้วเห็นภาพที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดีขึ้นของฟ่านจัว แม้ว่าฟ่านจิ่นจะไม่รู้วิชาแพทย์แต่ก็สามารถเข้าใจในทันทีว่าทุกสิ่งที่ จวินอู๋เสียทำนั้นก็เพื่อช่วยชีวิตฟ่านจัวแต่เขากลับสงสัยในเจตนาของนาง
“น้องเสีย ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสงสัยเจ้า แต่ภาพที่ข้าเห็นทันทีที่ข้าก้าวเข้ามามันทำให้ข้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ข้าขอโทษจริงๆ” ฟ่านจิ่นกล่าวอย่างจริงใจ เขาไม่อยากให้จวินอู๋เสียมองเขาด้วยสายตารังเกียจแบบนั้น
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความมึนงง นางไม่เข้าใจว่าฟ่านจิ่นขอโทษเรื่องอะไรและสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นางก็ไม่ได้สนใจ
“สกปรก” จวินอู๋เสียไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดฟ่านจิ่นจึงขอโทษนาง แต่ตอนนี้นางปิดจมูกตัวเองแล้วชี้ไปที่ใบหน้าของฟ่านจิ่น
ฟ่านจิ่นรู้สึกตัวขึ้นมาทันที เขาก้มมองเสื้อด้านหน้าของตัวเองแล้วพบว่าทั้งตัวและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยของเหลวที่ฟ่านจัวอาเจียนออกมา แต่สถานการณ์เมื่อครู่ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่ได้สนใจกลิ่นเหม็นนี้ แต่ตอนนี้เมื่อถูกจวินอู๋เสียพูดขึ้นมาประสาทรับกลิ่นของเขาก็กลับมาทำงานทันที กลิ่นเหม็นเข้าสู่จมูกของเขาจนทำให้เขาแทบจะอาเจียนออกมา
เขารีบปิดปากตัวเอง โบกมือให้จวินอู๋เสียแล้วรีบวิ่งออกจากห้องทันที
ผ่านไปสักพักก็มีเสียงอาเจียนดังมาจากด้านนอกตามมาด้วยเสียงน้ำไหล
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วและมองไปที่ฟ่านจัว ข้างเตียงเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกที่ฟ่านจัวอาเจียนออกมา แต่สุดท้ายนางก็ก้าวเข้าไปตรวจอาการของฟ่านจัว
ความวุ่นวายในร่างกายบรรเทาลงแล้ว แต่ร่างกายของฟ่านจัวก็ยังคงอ่อนแออย่างน่ากลัว แม้ว่าวันนี้เขาจะผ่านไปได้แล้ว แต่สภาพร่างกายแบบนี้เขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
หากต้องการให้ร่างกายของฟ่านจัวดีขึ้นอย่างสมบูรณ์ก็ต้องรักษาตั้งแต่รากฐานของร่างกายเขาและนี่มิใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน
หลังจากฟ่านจิ่นทำความสะอาดตัวเองและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินเข้ามาในห้อง เขาเห็นจวินอู๋เสียยืนตรวจชีพจรของฟ่านจัวอยู่ข้างเตียง สายตาของเขาก็อ่อนโยนลงทันที
เมื่อครู่ยังหาว่าเขาสกปรกแต่ตอนนี้กลับยืนอยู่ข้างเตียงเสี่ยวจัว สิ่งสกปรกที่อยู่ข้างเตียงเสี่ยวจัวนั้นมากกว่าสิ่งสกปรกที่อยู่บนตัวเขาอีก
“ขอบคุณ” ฟ่านจิ่นกล่าวขอบคุณจวินอู๋เสียจากใจจริง
“ไม่จำเป็น” จวินอู๋เสียหันกลับไปมองฟ่านจิ่น นางแค่ทำให้ฟ่านจัวสามารถผ่านวันนี้ไปได้ แต่ร่างกายของฟ่านจัวในตอนนี้อ่อนแอเกินไป แม้ว่าจวินอู๋เสียอยากจะรักษาเขาก็ไม่ควรเลือกรักษาเวลานี้ เพราะร่างกายที่เพิ่งผ่านความเจ็บปวดและทรมานมาไม่สามารถรับอะไรได้อีก
“เสี่ยวจัว เขาเป็นอย่างไรบ้าง” ฟ่านจิ่นกล่าวถาม
“ตอนนี้ยังไม่เป็นไร แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปี” จวินอู๋เสียพูดอย่างช้าๆ และสุดท้ายนางก็พูดอีกประโยคว่า “ตอนนี้โอสถวิเศษทุกอย่างที่ให้เขาทานเป็นการเร่งให้เขาตายเร็วขึ้น”
ดวงตาของฟ่านจิ่นเบิกกว้างแล้วมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างไม่เหลือเชื่อ
“อะ…อะไรนะ” ทานโอสถวิเศษเป็นการเร่งให้เขาตายเร็วขึ้น
“ร่างกายของเขารับไม่ไหว” จวินอู๋เสียเหลือบตาขึ้นบนใส่ฟ่านจิ่น นางขี้เกียจมาอธิบายความรู้พื้นฐานของคำว่าโอสถทุกอย่างมีโทษของมันให้คนที่ไม่รู้วิชาแพทย์ฟัง
“แล้ว…แล้วต้องทำอย่างไร เดิมทีท่านพ่อตั้งใจจะส่งเสี่ยวจัวไปที่สำนักชิงอวิ๋น แต่สำนักชิงอวิ๋นกลับล่มสลายไปแล้ว” ฟ่านจิ่นก้มศีรษะลง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล