ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 463 พูดถึงความสำคัญของการทำตัวน่ารัก (1) ตอนที่ 464 พูดถึงความสำคัญของการทำตัวน่ารัก (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 463 พูดถึงความสำคัญของการทำตัวน่ารัก (1) ตอนที่ 464 พูดถึงความสำคัญของการทำตัวน่ารัก (2)
ตอนที่ 463 พูดถึงความสำคัญของการทำตัวน่ารัก (1) / ตอนที่ 464 พูดถึงความสำคัญของการทำตัวน่ารัก (2)
ตอนที่ 463 พูดถึงความสำคัญของการทำตัวน่ารัก (1)
เฉียวฉู่เพิ่งเข้าใจในตอนนี้ว่าทำไมจวินอู๋เสียถึงสั่งให้สัตว์ร้ายสีดำตัวนั้นจัดการฆ่าหลี่จื่อมู่ ปรากฏว่านางวางแผนแบบนี้ไว้แต่แรกแล้วนี่เอง
มันก็จริงอย่างที่นางกล่าวว่าการเข้ามาล่าสัตว์วิญญาณในป่าประลองวิญญาณ ย่อมมีศิษย์ไม่น้อยที่ถูกสัตว์วิญญาณโจมตี หากหลบพ้นก็ดีไป อาจบาดเจ็บเล็กน้อยหรือไม่เป็นอะไรเลย แต่หากหลบไม้พ้น ก็มีแต่ต้องทิ้งร่างเป็นวิญญาณเฝ้าอยู่ในป่าแห่งนี้
กลุ่มของพวกเขาอ่อนแอมากในสายตาบรรดาศิษย์คนอื่นๆ มิหนำซ้ำยังเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่มีสมาชิกกากๆ ไม่กี่คน ทั้งอ่อนแอ ไร้ประโยชน์ ไร้ความสามารถ ต่อให้มีคนที่ถือว่าแข็งแกร่งอยู่บ้างหรือก็คือฟ่านจิ่นเข้าร่วมกลุ่มด้วย แต่ฟ่านจิ่นเพียงคนเดียวจะปกป้องคุ้มครองพวกเขาทั้งกลุ่มจากอันตรายได้อย่างไร
ดังนั้นการตายของหลี่จื่อมู่จึงสรุปได้เพียงอย่างเดียวว่าเป็นฝีมือของสัตว์วิญญาณ!
“ชั่วร้าย นี่มันชั่วร้ายเกินไปแล้ว” เฉียวฉู่แทบจะหมอบกรานให้กับความคิดอันลึกซึ้งและแผนการอันแยบยลนี้ของจวินอู๋เสีย เขามองไปที่ร่างที่ตัวเล็กกว่าด้วยสายตาเทิดทูนบูชา เกรงว่าตั้งแต่ที่นางตกลงยอมรับหลี่จื่อมู่เข้ากลุ่ม แผนการทั้งหมดก็ได้ถูกเรียบเรียงไว้ในหัวสมองของนางทั้งหมดแล้ว
จวินอู๋เสียเหลือบมองเฉียวฉู่แวบหนึ่งด้วยสีหน้ำไร้ความรู้สึก แต่ไม่ได้พูดอะไร
นางสนใจเกี่ยวกับการทะลวงระดับของตัวเองมากกว่า ก่อนหน้าที่จะกลืนกินหมาป่าสีเงิน พลังวิญญาณของนางก็ติดอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตสีส้มเป็นเวลานานมากแล้ว แม้ภายหลังนางจะยังดูดซับพลังวิญญาณอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถทะลวงคอขวดนั้นขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตามการทะลวงระดับในครั้งนี้ ได้ทำให้พลังวิญญาณที่ถูกกักเก็บมาเป็นเวลานานระเบิดออกอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่นางทะลวงเข้าสู่ขั้นสีเหลือง นางก็รู้สึกได้ลางๆ ว่าพลังของนางอยู่ห่างจากระดับสีเขียวไม่ไกลแล้ว
ความเร็วในการบ่มเพาะเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนตกใจกลัวมากจริงๆ
จวินอู๋เสียลอบกำปราการกักภูติในมือแน่น หากว่ามีโอกาสอีกสักครั้ง นางก็ไม่รังเกียจหากจะล่าภูติวิญญาณอีกสักตนมาคุมขังไว้ในนี้ก่อนที่งานล่าวิญญาณในครั้งนี้จะจบลง
ทุกคนไม่มีใครรู้ว่าจวินอู๋เสียกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากพูดคุยปรึกษากันสักพัก พวกเขาก็เริ่มออกสำรวจอีกครั้ง
ป่าประลองวิญญาณในตอนกลางวันเดินง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับตอนกลางคืน จุดสัญลักษณ์ต่างๆ ที่แสดงในแผนที่เองก็สามารถพบเห็นได้มากขึ้น กลุ่มเล็กๆ นี้เดินสำรวจอย่างราบรื่นไปตลอดทาง แม้จะมีสัตว์วิญญาณระดับต่ำโผล่มาจู่โจมบ้างเป็นครั้งคราว ทว่าพวกมันย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเฉียวฉู่ จึงล้วนถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
ฟ่านจิ่นรู้สึกเทิดทูนบูชาคนกลุ่มนี้อย่างสุดหัวใจ ในตอนแรกเขาคิดว่าแค่มีจวินอู๋เสียที่มีพรสวรรค์ราวกับปีศาจเช่นนี้เพียงคนเดียวในกลุ่มก็นับว่าอัศจรรย์แล้ว ทว่าเมื่อเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ เขาก็มั่นใจได้เลยว่าศิษย์กลุ่มนี้ ไม่มีใครที่แข็งแกร่งด้อยไปกว่าเขาเลยแม้แต่คนเดียว
อันดับสี่ในศึกประลองภูติวิญญาณของสำนักศึกษาเฟิงหัว เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าศิษย์จากตึกรองกลับต้องรู้สึกแปลกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ทำให้ฟ่านจิ่นหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เข่นฆ่าสัตว์วิญญาณไปตลอดทาง หลายคนก็เคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ก่อนเที่ยงพวกเขาก็มาถึงทะเลสาบที่เงียบสงบแห่งหนึ่งและหยุดฝีเท้าเพื่อพักผ่อนสักครู่
“เรียกหมีหยินหยางกับงูกระดูกสองหัวออกมา” จวินอู๋เสียพูดกับฮวาเหยาและเฉียวฉู่ทันทีที่พวกเขานั่งลง
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ สังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่จวินอู๋เสียจงใจข่มขวัญหลี่จื่อมู่ก่อนหน้านี้แล้วว่า จวินอู๋เสียสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของหมีหยินหยางได้ เมื่อได้ยินจวินอู๋เสียพูดเช่นนี้ ทั้งสองคนก็เรียกภูติวิญญาณของพวกเขาออกมาทันทีโดยไม่รอช้า
เนื่องจากหมีหยินหยางได้รับการรักษาจากจวินอู๋เสียไปแล้วครั้งหนึ่ง มันจึงดูกระปรี้กระเปร่าแตกต่างจากงูกระดูกสองหัวลิบลับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการรักษาครั้งก่อนของจวินอู๋เสียหรือเปล่า ถึงทำให้หมีหยินหยางประทับใจในตัวของมนุษย์ร่างเล็กตรงหน้าเป็นอย่างมาก ทันทีที่มันถูกเรียกออกมา ร่างสูงใหญ่ราวกับเนินเขาของมันก็เดินอุ้ยอ้ายไปหยุดอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย ก่อนจะหย่อนก้นลงกับพื้นดังตุ้บ ยื่นอุ้งเท้าหน้าที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยของมันไปตรงหน้าจวินอู๋เสีย
ทันใดนั้น ใบหน้าของเฉียวฉู่ก็ขึ้นสีแดงก่ำ
“บัดซบ! เจ้าอ้วนนี่ช่วยทำตัวไร้ยางอายน้อยกว่านี้หน่อยจะได้หรือไม่ นี่ถึงกับริเริ่มประจบประแจงผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้านายของตัวเอง! น่าอับอายขายหน้าเกินไปแล้ว!” คนอื่นๆ อาจไม่รู้ แต่เฉียวฉู่เข้าใจอารมณ์ของหมีหยินหยางในตอนนี้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่ามันกำลังอ้อนขอการรักษาจากจวินอู๋เสียอยู่ ส่วนที่อุ้งเท้าที่ยื่นออกไป ก็คือข้อแลกเปลี่ยนกับจวินอู๋เสียนั่นเอง!
ข้าให้เจ้าลูบข้าแล้ว รีบๆ ทำให้ข้าหายป่วยเร็วเข้า
ตอนที่ 464 พูดถึงความสำคัญของการทำตัวน่ารัก (2)
เฉียวฉู่รู้สึกอับอายจริงๆ ตอนนี้เขาแทบจะไม่กล้ามองหน้าจวินอู๋เสียแล้ว ภูติวิญญาณของตัวเองทำเรื่องงามหน้าอย่าง ‘เสียเอกราชและเสียเกียรติภูมิของชาติ’ ออกมาซะได้ โชคยังดีที่หมีหยินหยางพูดภาษามนุษย์ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากมันพูดออกมา เขาคงได้กระโดดทะเลสาบข้างๆ ตายเพื่อล้างอายจริงๆ…
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น มองไปที่หมีหยินหยางที่ก้มศีรษะลงและเหยียดอุ้งเท้าหน้าของมันเข้ามาหานาง ดวงตาที่เย็นชาของนางหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปและปัดอุ้งเท้าหน้าของมันไปด้านข้าง
อ๊าวว หมีหยินหยางตัวใหญ่ส่งเสียงครางต่ำอย่างน่าสงสาร มันมองไปที่จวินอู๋ซีพร้อมกับกอดอุ้งเท้าหน้าข้างที่โดนทิ้งไว้ที่อกของมันด้วยสีหน้าเจ็บปวดและน้อยใจ
“งูกระดูกสองหัวอาการหนักกว่าเจ้า รักษามันก่อน” จวินอู๋เสียตีสีหน้าขรึมและดุหมีหยินหยางออกไป
หมีหยินหยางหันไปมองงูกระดูกสองหัวที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นอย่างซึมเศร้า จากนั้นก็หันศีรษะกลับมามองจวินอู๋เสีย มันย้ายร่างที่ใหญ่โตอุ้ยอ้ายไปข้างหลังเพื่อให้พื้นที่แก่จวินอู๋เสียได้รักษางูกระดูกสองหัวเพิ่มขึ้น อุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยไขมัน ดันร่างไร้เรี่ยวแรงของงูกระดูกสองหัวเข้ามาแทนที่จุดเดิมที่มันเคยยืนอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย ขณะที่ตัวมันก็บิดก้นและเดินไปหย่อนตัวลงข้างหลังร่างเล็ก เหยียดขาที่เล็กป้อมทั้งสองข้างออกไปทางซ้ายและทางขวาของจวินอู๋เสีย ให้ร่างบางยืนอยู่ตรงกลางท่ามกลางร่างที่ใหญ่โตของมัน
เนื่องจากขนาดตัวของหมีหยินหยางตัวใหญ่มาก เพียงระยะห่างระหว่างขาป้อมสั้นทั้งสองข้างของมันก็เพียงพอให้จวินอู๋เสียได้ทำการรักษางูกระดูกสองหัวแล้ว
เฉียวฉู่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วที่จะได้เห็นวงแหวนภูติวิญญาณของตัวเองทำตัวปัญญาอ่อน เขายกมือขึ้นกุมหน้าอกและเบือนหน้าหนีไปอีกทาง พิงศีรษะของเขาไว้บนไหล่ของเฟยเยียนด้วยความรู้สึกที่เจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ
“ข้าขอเปลี่ยนวงแหวนภูติวิญญาณได้หรือไม่ นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว…กุ๋นกุ่นของข้าไม่สามารถทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ได้!”
เฉียวฉู่อยากจะจดจำเพียงด้านที่ ‘แข็งแกร่งและทรงอำนาจ’ ของหมีหยินหยางของเขาเท่านั้น จะให้เขาเชื่อมโยงภาพเจ้าหมีอ้วนหน้าโง่ที่แกล้งทำตัวน่ารักอยู่ข้างหลังผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้านายของมันได้อย่างไร
วงแหวนภูติวิญญาณเป็นร่างวิญญาณ ดังนั้นแม้ว่าพวกมันจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ พวกมันก็จะไม่เหมือนกับมนุษย์ที่รู้สึกเจ็บปวดผ่านทางกระดูกและกล้ามเนื้อ แต่มันจะให้ความรู้สึกที่อึดอัดมากและอ่อนแรงแทน ความรู้สึกเจ็บปวดทางจิตวิญญาณนั้นแทบไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เลย นับตั้งแต่ที่กุ๋นกุ่นรู้ว่าหากจวินอู๋เสียสัมผัสโดนตัวมันก็จะรู้สึกสบายตัวมาก แถมจิตวิญญาณยังค่อยๆ ได้รับการฟื้นฟูกลับมาอีก ร่างที่ใหญ่โตอุ้ยอ้ายก็ตั้งปณิธานไว้แล้วว่ามันจะเกาะขาของเจ้ามนุษย์ตัวเล็กคนนี้ไว้ให้มั่น แล้วให้นางช่วยรักษามันจนหายให้ได้
จวินอู๋เสียเลิกสนใจเจ้ากุ๋นกุ่นที่ทำตัวน่ารักชั่วคราว แต่ยกมือขึ้นและรวบรวมพลังวิญญาณไว้ที่ฝ่ามือของนางและถ่ายเทมันเข้าสู่ร่างกายของงูกระดูกสองหัวทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆ ซ่อมแซมจิตวิญญาณส่วนที่ขาดหายไป
การซ่อมแซมจิตวิญญาณนั้นเป็นเรื่องที่เรียบง่าย แต่ก็ซับซ้อนมากเช่นกัน จิตวิญญาณหากกล่าวให้ชัดเจนหน่อยก็คือสิ่งที่ไร้รูปร่าง ดังนั้นเมื่อพวกมันได้รับบาดเจ็บพวกมันก็จะอ่อนแอลง และการที่จะเติมเต็มหรือชดเชยส่วนที่ขาดหายไป จึงจำเป็นต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปและต้องอาศัยความอดทนในระดับหนึ่ง
การซ่อมแซมจิตวิญญาณให้กับภูติวิญญาณ สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ นั่นก็คือความสามารถในการควบคุมที่แม่นยำและความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของผู้ที่ทำการรักษา หากการไหลเวียนของพลังจิตวิญญาณระหว่างการรักษาอ่อนแอเกินไป ภูติวิญญาณจะไม่สามารถรับพลังนั้นได้ หรือหากรับได้ ก็จะได้ไม่เต็มที่เป็นผลให้การรักษามีประสิทธิภาพที่ด้อยลง แต่หากพลังจิตวิญญาณที่ส่งเข้าไปในตัวของภูติตนนั้นมากเกินไป มันจะไปเผาผลาญจิตวิญญาณของภูติตนนั้นโดยตรงทำให้ได้รับบาดเจ็บหนักขึ้นกว่าเก่า หรือดีไม่ดีพลังจิตวิญญาณอาจจะสะท้อนกลับเข้าสู่ร่างของผู้ที่ทำการรักษา ซึ่งนั่นเป็นผลลัพธ์ที่แย่มากที่สุด
ในระหว่างการรักษาที่ยาวนาน จวินอู๋เสียจำเป็นต้องรักษาการไหลเวียนพลังวิญญาณให้คงที่อย่างต่อเนื่องไม่อย่างนั้นมันจะขาดตอนและสิ่งที่ทำไปทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
จวินอู๋เสียคุ้นเคยกับงานประเภทที่จำเป็นต้องอาศัยสมาธิและความแม่นยำนี้มาก และนางพบว่าหลังจากที่พลังวิญญาณของนางทะลวงขึ้นมาอยู่ในขั้นสีเหลือง พลังจิตวิญญาณของนางก็ทรงพลังและสามารถใช้ได้คล่องมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษางูกระดูกสองหัวและหมีหยินหยางทั้งสองตัวให้หายภายในครั้งเดียว แต่มันก็ช่วยย่นระยะเวลาและทำให้อาการบาดเจ็บโดยรวมของทั้งคู่ฟื้นตัวขึ้นมาก เนื่องจากอาการบาดเจ็บของทั้งงูกระดูกสองหัวและหมีหยินหยางเบากว่าบัวหิมะซังอวี้หลายเท่า หากไม่มีเรื่องที่ไม่คาดฝันใดเกิดขึ้น ก่อนสิ้นสุดงานล่าวิญญาณจวินอู๋เสียเชื่อว่านางจะสามารถรักษาทั้งสองตัวให้หายกลับมาเป็นปกติได้
จวินอู๋เสียทำการรักษาให้กับงูกระดูกสองหัวอย่างเงียบๆ ในขณะที่คนอื่นๆ นั่งเงียบไม่กล้าเข้าไปก้าวก่ายหรือรบกวนนาง แม้แต่เฉียวฉู่ที่รู้สึกอับอายเหลือเกินในพฤติกรรมน่ารักของวงแหวนภูติวิญญาณของเขา เขาก็ยังทำตัวกลมกลืนไปกับคนทั้งกลุ่มและกลืนเสียงบ่นกระปอดกระแปดของตัวเองลงไป เขาเดินไปนั่งยองๆ และกินอาหารแห้งอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างเชื่อฟัง ขณะที่จับตาดูทุกๆ การกระทำของจวินอู๋เสียอย่างไม่คลาดสายตา