ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 539 ตำบลชานหลิน (2) ตอนที่ 540 ตำบลชานหลิน (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 539 ตำบลชานหลิน (2) ตอนที่ 540 ตำบลชานหลิน (3)
ตอนที่ 539 ตำบลชานหลิน (2) / ตอนที่ 540 ตำบลชานหลิน (3)
ตอนที่ 539 ตำบลชานหลิน (2)
“ใกล้จะถึงตำบลชานหลินแล้ว น้องเสียจะซื้ออะไรหรือไม่” ฟ่านจัวหน้าแดงเล็กน้อยขณะที่อุ้มเจ้าแมวดำตัวน้อยอย่างระมัดระวัง เขาไม่กล้าขยับมากนัก เขาใช้เพียงปลายนิ้วลูบขนเจ้าแมวดำตัวน้อยอย่างอ่อนโยน
“ดูก่อน” จวินอู๋เสียใช้มือสองข้างลูบขนแกะของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ ดวงตาของนางหรี่ลงอย่างพึงพอใจ
ของที่ต้องซื้อมีไม่มาก แต่ของที่จะขายนั้นมีเป็นกอง
นอกจากหินวิญญาณที่ได้รับจากป่าประลองวิญญาณแล้ว ในมือของจวินอู๋เสียยังมีโอสถวิเศษที่กักตุนไว้อยู่มากมาย ล้วนเป็นโอสถวิเศษที่นางหลอมไว้ตอนที่นางอยู่สำนักชิงอวิ๋น
ครั้งนี้ นางตั้งใจมาโรงประมูลเพื่อดูว่ามีเตาหลอมโอสถที่เหมาะสำหรับหลอมโอสถหรือสิ่งอื่นๆ ที่น่าสนใจหรือไม่ เวลาว่างตอนอยู่สำนักศึกษาเฟิงหัว นางจะได้มีอะไรทำ ตั้งแต่นางได้ถุงเอกภพจากเยี่ยนปู้กุยนางก็ไม่เคยกังวลเลยว่าโอสถวิเศษจะมากเกินไปจนไม่มีที่เก็บ
แม้ว่าฟ่านจิ่นจะใจดีมากเกินไป แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาก็ทำได้ดีมาก เขาไม่เพียงแต่จัดเตรียมรถม้าไว้ให้จวินอู๋เสียและฟ่านจัว เขายังจัดเตรียมไว้ให้กลุ่มเฉียวฉู่ด้วย แม้แต่ที่พักของทั้งสองกลุ่มในตำบลชานหลินเขาก็ได้จัดเตรียมไว้แล้ว เมื่อถึงตำบลชานหลิน จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะรวมตัวกันไม่ได้
การที่เขาจัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้วทำให้สองคนที่ชื่นชอบสัตว์ตัวน้อยที่มีขนต่างนั่งอุ้มสัตว์ไว้คนละตัวอยู่บนรถม้าและลูบสัตว์ในอ้อมแขนตัวเองอย่างมีความสุข
ในที่สุดรถม้าก็มาถึงตำบลชานหลิน
มันเป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี บนถนนในตำบลชานหลินเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มีคนมากมายที่สวมใส่ชุดเครื่องแบบของสำนักศึกษาเฟิงหัวแล้วถือกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กเดินอยู่ทั่วทุกมุมในตำบลชานหลินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
สำหรับศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวสิ่งที่ไม่ขาดแคลนก็คือเงิน
คนขับรถม้าส่งทั้งสองตรงหน้าโรงเตี๊ยมที่ฟ่านจิ่นได้จัดเตรียมไว้ จากนั้นก็ขับรถม้าไปพักที่อื่น
เป็นครั้งแรกที่ฟ่านจัวได้เห็นบรรยากาศที่คึกคักเช่นนี้ พ่อค้าแม่ค้าทั้งสองฝั่งถนนตะโกนขายของไม่หยุด แม้ว่าจะเป็นเวลากลางวัน แค่โคมไฟที่แขวนอยู่บนที่สูงก็ยังดูรื่นเริงมาก ดวงตาของฟ่านจัวเต็มไปด้วยความปีติยินดีเมื่อเห็นผู้คนเดินไปมา
ทั้งสองคนสวมชุดลำลองเมื่อเทียบกับศิษย์ที่สวมชุดสำนักศึกษาเฟิงหัวแล้วพวกเขาจึงไม่โดดเด่นมากนัก
หลังจากดูจนพอใจแล้ว ฟ่านจัวจึงจะก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยมพร้อมกับจวินอู๋เสีย
แต่ในขณะที่เขากำลังซึมซับสิ่งต่างๆ ที่พบเห็นในวันนี้ เสียงตะโกนลั่นก็ดังออกมาจากโรงเตี๊ยม!
“บ้าไปแล้วหรือ! มาก่อนได้ก่อนเจ้าไม่รู้หรือ พวกข้าได้จองห้องนี้ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว แล้วจะเป็นของพวกเจ้าไปได้อย่างไร” จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา จวินอู๋เสียซึ่งเดินอยู่ข้างๆ ฟ่านจัวจึงเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย
สิ่งที่นางเห็นคือในห้องโถงชั้นหนึ่ง มีชายหนุ่มสองกลุ่มยืนอยู่คนละฝั่งกำลังโต้เถียงกันอยู่
หนึ่งในกลุ่มนั้นสวมชุดสำนักศึกษาเฟิงหัวกำลังยืนเชิดหน้าด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
อีกฝั่งหนึ่งคือบุรุษสามคนกับสตรีอีกหนึ่งคน อายุไม่มาก ชายหนุ่มที่มีใบหน้างดงามคนหนึ่งในกลุ่มนั้นกำลังเหยียบเก้าอี้อยู่บนบันไดเพื่อขวางทางที่จะขึ้นไปชั้นสอง
แขกคนอื่นๆ ในห้องโถงก็ต่างมองไปที่พวกเขาด้วยความสนใจ แต่เถ้าแก่ร้านกับผู้ช่วยอยากจะเข้าไปห้ามแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่ยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้ากังวล
หนึ่งในกลุ่มชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดสำนักศึกษาเฟิงหัวก้าวออกมาหนึ่งก้าวแล้วมองชายหนุ่มที่ขวางทางด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“สุนัขที่ดีย่อมไม่ขวางทาง มาก่อนมาหลังอะไร โรงเตี๊ยมคือที่ค้าขาย ใครจ่ายมากกว่าใครอยู่ หากผู้ใดรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมก็สามารถจ่ายในราคาที่สูงกว่า หากสู้ไม่ไหวก็ไม่ต้องมายืนเห่าตรงนี้”
ตอนที่ 540 ตำบลชานหลิน (3)
“ข้าอยากถามหน่อย ห้องที่มีคนจองแล้วสามารถจ่ายเพิ่มแล้วเปลี่ยนเจ้าของได้หรือ” ชายหนุ่มที่ยืนขวางบันไดไว้กล่าวถาม
“ได้หรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถตัดสินได้ ในโลกนี้ ผู้ใดจะปฏิเสธเงินที่มากกว่า ได้เงินไม่เอา เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนโง่หรือ” ศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวกล่าว
เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายกำลังจะต่อสู้กัน จวินอู๋เสียก็เดินเข้าไปหาพวกเขาทันที
“จองแล้วเปลี่ยนได้หรือไม่” จวินอู๋เสียกล่าวถามเถ้าแก่ร้านที่ยืนอึ้งอยู่ด้านข้าง
เถ้าแก่ร้านหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วรีบส่ายหัวทันที
“โรงเตี๊ยมไม่เคยมีกฎข้อนี้ แต่เพราะช่วงนี้ สำนักศึกษาเฟิงหัวหยุดมีลูกศิษย์มากมายเดินทางมาที่นี่ทำให้ห้องพักเต็มทุกแห่ง จึงทำให้…” เถ้าแก่ร้านรู้สึกหดหู่ใจมาก เพราะโรงเตี๊ยมแห่งนี้ของพวกเขาถือว่าเป็นโรงเตี๊ยมที่ขึ้นชื่อที่สุดของตำบลชานหลิน แม้ราคาจะค่อนข้างสูง แต่ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวก็ไม่เคยขาดแคลนเงินจึงทำให้โรงเตี๊ยมนี้เป็นโรงเตี๊ยมยอดนิยมสำหรับศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัว
แต่โรงเตี๊ยมก็ใหญ่แค่นี้ ไม่กี่วันก่อน มีคนมาจองห้องไว้หลายห้อง เถ้าแก่ร้านก็รับเงินมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ก็ไม่รู้ว่าศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวกลุ่มนี้ไปรู้มาได้อย่างไรว่าชั้นบนยังมีห้องว่างอยู่สองสามห้องจึงยืนกรานที่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเอาห้องเหล่านั้น ในตอนนั้นเองแขกที่จองไว้ก็ได้เดินทางมาถึงพอดี ทั้งสองฝ่ายได้พบกันจึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
เถ้าแก่ร้านก็ปวดหัวมากเช่นกัน ศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวเขาก็ไม่กล้ามีเรื่อง แต่จะให้เขาละเมิดกฎของโรงเตี๊ยมเขาก็ทำไม่ได้
หลังจากที่จวินอู๋เสียฟังคำพูดของเถ้าแก่ร้านจนจบ นางก็เดินเข้าไปหาศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวที่หยิ่งผยองกลุ่มนั้น
ทันใดนั้น ร่างเล็กๆ ก็กลายเป็นแสงสีเหลืองทันที และก่อนที่ชายหนุ่มกลุ่มนั้นจะรู้สึกตัว พวกเขาก็ถูกพลังอันทรงพลังพัดโยนออกไปนอกโรงเตี๊ยมทันที!
ทันใดนั้น ทั้งโรงเตี๊ยมก็เงียบลง ทุกคนต่างจ้องไปที่ชายหนุ่มที่ลงมืออย่างกะทันหัน
ชายหนุ่มกลุ่มนั้นถูกพัดจนมึนงง เวียนหัว ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมา พวกเขาลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนว่า “ผู้ใดกล้าลงมือกับพวกข้า อยากตายหรือ!”
พวกเขาเพ่งมองอย่างตั้งใจ ร่างเล็กๆ ที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยม ใบหน้าที่งดงามและดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นมองมาที่พวกเขา
“ไม่ได้ยินที่เถ้าแก่ร้านพูดหรือ” จวินอู๋เสียมองชายหนุ่มกลุ่มนั้นด้วยสายตาเย็นชา ดวงตาคู่นั้นปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
“จวิน…จวินเสีย…” หนึ่งในกลุ่มนั้นจำจวินอู๋เสียได้ พวกเขาหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นร่างเล็กๆ นั้น
แต่กลุ่มที่มีเรื่องกับพวกเขากลับหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นแผ่นร่างนั้น
“น้องเสีย ในที่สุดเจ้าก็มา” เฉียวฉู่วางเท้าลงแล้วรีบเดินไปหาทันที
จวินอู๋เสียชำเลืองมองเขาเล็กน้อย จากนั้นก็หันกลับมามองศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวกลุ่มนั้น นางยกมือเล็กๆ ของนางขึ้น แล้ววางลงบนเสาหินอ่อนหน้าประตูโรงเตี๊ยม
ทันใดนั้น เสาหินอ่อนที่แข็งก็แตกละเอียดเป็นผงภายใต้พลังวิญญาณบนฝ่ามือของนาง
ชายหนุ่มกลุ่มนั้นสั่นไปทั้งตัว
“ไปให้พ้น” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มกลุ่มนั้นวิ่งหนีไปทันที จวินอู๋เสียโดนด่าว่ามากมายในสำนักศิกษาเฟิงหัว แต่ความแข็งแกร่งของนางก็แผ่กระจายไปทั่วสำนักศึกษา ศิษย์ทุกคนรู้ว่านางทะลวงพลังวิญญาณระดับสีส้มตั้งแต่นางอายุสิบสี่ปี แต่ไม่คิดว่าวันนี้พลังวิญญาณบนร่างกายของนางจะเปล่งประกายสีเหลืองออกมา
นั่นคือพลังวิญญาณระดับสีเหลืองชัดๆ