ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 719 ความเจ็บปวด (3) ตอนที่ 720 ตบหน้าครั้งที่แปด (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 719 ความเจ็บปวด (3) ตอนที่ 720 ตบหน้าครั้งที่แปด (1)
ตอนที่ 719 ความเจ็บปวด (3) / ตอนที่ 720 ตบหน้าครั้งที่แปด (1)
ตอนที่ 719 ความเจ็บปวด (3)
หลังจากจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ จากไปแล้ว เยี่ยซายังคงอยู่ที่สำนักศึกษาเฟิงหัวต่อเพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ เมื่อเขาได้ยินบทสนทนาระหว่างกู่อิ่งและหนิงรุ่ย เขาก็รีบตรงมาที่ตำบลชานหลินเพื่อแจ้งข่าวแก่จวินอู๋เสียทันที
สายตาของจวินอู๋เสียทอประกายเย็นเยียบ นางไม่คิดว่าหนิงรุ่ยจะไปไกลถึงขั้นนั้น!
ส่งศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวทุกคนไปที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้าอย่างนั้นหรือ
หลังจากจวินอู๋เสียกับสหายของนางได้รับประสบการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวจากผาสุดขอบฟ้ามาแล้ว นางก็แน่ใจได้ว่าต่อให้ศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวมีเป็นพันคน การลงไปที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้านั้น ผลที่ออกมาก็จะเป็นเพียงแค่การกวาดล้างพวกเขาทุกคนจนหมดสิ้นเท่านั้นเอง!
หนิงรุ่ยตั้งใจจะใช้สำนักศึกษาเฟิงหัวทั้งสำนักเพื่อเอาชนะใจคนของสิบสองตำหนักจริงๆ น่ะหรือ!
“เป็นหนิงรุ่ยใช่หรือไม่” จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรสักคำในตอนที่ฟ่านจัวถามขึ้น เขาหรี่ตาลงอย่างน่ากลัว
ถึงแม้ฟ่านฉีจะไม่ใช่บิดาแท้ๆ ของเขา แต่ฟ่านจัวก็เป็นหนี้บุญคุณที่อีกฝ่ายเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นหนิงรุ่ยหรือกู่อิ่ง ตอนนี้ทั้งสองคนคือศัตรูตัวฉกาจของเขาตลอดกาล!
“เรามีเวลาแค่สามวัน ดูเหมือนต้องดำเนินแผนขั้นต่อไปแล้ว” จวินอู๋เสียลูบคางขณะที่ใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว
“น้องเสีย เจ้าวางแผนอะไรไว้หรือ” ฟ่านจัวรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะจมอยู่กับความเจ็บปวดสิ้นหวัง ศัตรูยังคงลอยนวลอยู่ เขาจะปล่อยให้ตัวเองหมกมุ่นอยู่กับโศกเศร้าต่อไปโดยไม่ทำอะไรเลยได้อย่างไร
ในใจของเขาเศร้าเสียใจกับการสูญเสียฟ่านฉี และเจ็บปวดจากการที่รู้ว่าฟ่านจิ่นได้เสียสติไปแล้ว
ก่อนจะแก้แค้นได้สำเร็จ เขาก็ไม่มีหน้าไปพบกับฟ่านจิ่นได้
“ข้าเคยบอกแล้วนี่ มีเพียงเจ้าที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฟ่านจิ่นได้” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับมองไปที่ฟ่านจัว
ฟ่านจัวยิ้ม เข้าใจสิ่งที่จวินอู๋เสียพูดในทันที
“ถูกต้อง มีเพียงคนที่แอบอ้างเป็นบุตรชายที่แท้จริงของท่านอาจารย์ใหญ่เท่านั้นที่ทำให้ทุกคนเชื่อได้”
ถ้าหนิงรุ่ยสามารถโยนความผิดข้อหาฆาตกรรมฟ่านฉีให้ฟ่านจิ่นได้เนื่องมาจากฟ่านจิ่นไม่ใช่ ‘บุตรชายแท้ๆ’ เช่นนั้นหากฟ่านจัวออกมาเปิดเผยความจริงต่อทุกคน มันก็จะลบล้างแรงจูงใจในการฆ่าที่หนิงรุ่ยกล่าวอ้างมาได้!
ในฐานะบุตรชายแท้ๆ ของฟ่านฉี จึงเป็นไปไม่ได้ที่ฟ่านจิ่นจะสังหารบิดาบังเกิดเกล้าของเขาเองเพื่อยึดตำแหน่งที่เป็นสิทธิ์ของเขาอยู่แล้ว!
จวินอู๋เสียคิดเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้อยู่แล้ว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่นางบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัวทั้งหมดให้แก่ฟ่านจัวได้รับรู้ เพราะเพียงแค่ฟ่านจัวแสดงตัวต่อหน้าศิษย์ทุกคนเท่านั้น การใส่ร้ายป้ายสีที่เหลวไหลนี้ก็จะถูกทำลายลงจนหมด!
หนิงรุ่ยคิดว่าเขาสามารถใช้ตัวตนของฟ่านจิ่นในฐานะบุตรบุญธรรมมาใช้ประโยชน์ได้ แต่เขาไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เขารู้มาตลอดเกือบยี่สิบปีนั้น แท้จริงแล้วเป็นคำโกหกมาตั้งแต่แรก!
ฟ่านฉีมีบุตรชายแท้ๆ เพียงคนเดียวซึ่งก็คือฟ่านจิ่นมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว!
“แต่ข้าต้องการคนอีกผู้หนึ่ง” จวินอู๋เสียหันไปมองเยี่ยซา “เจ้าส่งคนไปแจ้งข่าวกับพี่ฮวาหรือยัง”
แค่ให้ฟ่านจัวไปแสดงตัวคนเดียวนั้นไม่พอ นางต้องการอีกคน ก่อนที่จะสามารถกระทืบหนิงรุ่ยให้จมดินได้!
หมากทุกตัวของนางประจำตำแหน่งแล้ว นางต้องการหมากอีกเพียงตัวเดียวเท่านั้น!
เยี่ยซาตอบว่า “ข้าส่งอสรพิษทมิฬออกไปแล้วขอรับ เชื่อว่าคุณชายฮวาจะมาถึงที่นี่ในเวลาไม่ช้า”
แม้ว่าอสรพิษทมิฬของเยี่ยซาจะพูดไม่ได้ แต่มันกลืนจดหมายเข้าไปได้ เมื่อฮวาเหยาและคนอื่นๆ เห็นจดหมาย พวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที
แผนการของจวินอู๋เสียมีมากกว่าสิ่งที่นางทำที่สำนักศึกษาเฟิงหัวก่อนหน้านี้ นางช่วยฟ่านจิ่น ช่วยกู้หลีเซิง แต่ยังมีสิ่งที่นางต้องการการชดใช้ และนางจะไม่ยอมให้หนี้นั้นหลุดรอดไปแม้แต่นิดเดียว!
“เตรียมรถม้าเดี๋ยวนี้ พอพี่ฮวามาถึงเราจะออกเดินทางไปที่สำนักศึกษาเฟิงหัวทันที!” จวินอู๋เสียพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ม่านกำลังจะเปิดแล้ว หนิงรุ่ย กู่อิ่งเอ๋ย เตรียมตัวให้ดีเถอะ!
หลายชั่วโมงต่อมา หลังจากที่ฮวาเหยาและคนอื่นๆ ได้รับจดหมายที่เยี่ยซาส่งมาให้ พวกเขาก็รีบตรงมาที่ตำบลชานหลินในทันที และเมื่อพวกเขาพบกับจวินอู๋เสียแล้ว ทุกคนก็ขึ้นรถม้ามุ่งตรงไปยังสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 720 ตบหน้าครั้งที่แปด (1)
สำนักศึกษาเฟิงหัวในวันนี้เกิดความโกลาหลวุ่นวายครั้งใหญ่ เนื่องจากเป็นตอนปลายปี พวกเขาจึงควรจะรอศิษย์ใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกจากตึกรอง ก่อนจะจัดศึกประลองภูติวิญญาณประจำปีอีกครั้ง และหลังจากนั้นทุกคนก็จะสามารถกลับบ้านไปอย่างมีความสุขเพื่อกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในปีต่อไป
แต่หนิงรุ่ยกลับประกาศอย่างกะทันหันว่าศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวทุกคน จะต้องเข้าร่วมการฝึกฝนรูปแบบใหม่ และสถานที่ตั้งนั้นก็อยู่ไกลจากสำนักศึกษาเฟิงหัวมาก จึงต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับกันหลายเดือน ดังนั้นทุกคนในสำนักศึกษาเฟิงหัวจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการออกเดินทางในอีกสามวันข้างหน้า!
หนิงรุ่ยยังเตือนให้ศิษย์ทุกคนเตรียมตัวให้ดี เขาบอกว่าการฝึกครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ป่าประลองวิญญาณ แต่อยู่ที่ด้านล่างของผาแห่งหนึ่ง
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป สำนักศึกษาเฟิงหัวก็เกิดความโกลาหลขึ้น
ระลอกคลื่นที่ก่อตัวขึ้นจากความตกใจที่อาจารย์ใหญ่เพิ่งถูกฆ่าตายยังไม่สงบ ระเบิดอีกลูกก็ถูกโยนลงมา ศิษย์ทุกคนที่เตรียมเก็บของกลับบ้านพากันโอดครวญประท้วง
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอำนาจในสำนักศึกษาเฟิงหัวตอนนี้ไม่ใช่ฟ่านฉีที่ใจดีและเป็นมิตรอีกแล้ว แต่คือหนิงรุ่ย
ตอนที่หนิงรุ่ยยังอยู่ในตำแหน่งรองอาจารย์ใหญ่ ท่าทีของเขาก็เป็นกันเองดีอยู่ แต่ทันทีที่ฟ่านฉีตายและหนิงรุ่ยขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่ การบริหารงานของเขาก็เพิ่มทวีความแข็งกร้าวและเข้มงวดขึ้นอย่างกะทันหัน และอีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือกู่อิ่งที่ฆ่าคนโดยปราศจากความสงสารเห็นอกเห็นใจใดๆ และไม่มีความยับยั้งชั่งใจเลยแม้แต่น้อย!
ตอนนี้สำนักศึกษาเฟิงหัวมีศิษย์ที่หายตัวไปอย่างกะทันหันหลายคน และพวกเขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนที่หายไปนั้น จริงๆ แล้วถูกกู่อิ่งฆ่าตาย ตอนแรกบางคนไปหาหนิงรุ่ยเพื่อขอความยุติธรรม แต่เมื่อทุกคนพบว่าคนที่ไปขอร้องกลายเป็นศพถูกโยนทิ้งไว้หน้าประตูสำนักศึกษาในวันต่อมา ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกเลย
พวกเขารู้อยู่แก่ใจดีว่าหนิงรุ่ยเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับกู่อิ่ง และไม่ว่าพวกเขาจะร้องคร่ำครวญมากแค่ไหน หนิงรุ่ยก็จะไม่มีวันช่วยเหลือพวกเขา
ตอนนั้นเองที่ทุกคนพากันคิดถึงฟ่านฉีที่ใจดีซึ่งมักจะปกป้องพวกเขาอยู่เสมอ พวกเขาต่างหวาดกลัวและกระวนกระวาย ไม่มีสักคนที่ไม่ปรารถนาให้จบปีการศึกษาเร็วๆ พวกเขาจะได้กลับบ้านและหลีกหนีจากฆาตกรที่บ้าคลั่งนี้ได้
แต่ตอนที่เวลานั้นกำลังจะมาถึงนั่นเอง หนิงรุ่ยก็เกิดจะให้พวกเขาเดินทางไปฝึกฝนขึ้นมากะทันหัน!
หลายคนอยากคัดค้านมาก แต่พอพวกเขาเห็นกู่อิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ หนิงรุ่ย พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากกลืนคำบ่นกลับลงไป ทุกคนต่างเดินคอตกกลับไปเก็บของสำหรับการเดินทางไกลในอีกสามวันด้วยความหดหู่เศร้าซึม
จากการที่หนิงรุ่ยเรียกร้องให้มีการฝึกฝนขึ้นอย่างกะทันหันนั้น หนานกงซวี่พบว่าตัวเขาไม่อาจเข้าใจถึงเหตุผลเบื้องหลังได้เลย เขาไปที่ห้องหนังสือของหนิงรุ่ยสองสามครั้งเพราะต้องการสอบถามถึงเรื่องนี้ แต่ก็ถูกกงเฉิงเหล่ยที่ยืนเฝ้าอยู่นอกห้องห้ามเอาไว้
เมื่อเห็นว่ามีเวลาเหลืออีกแค่วันเดียวก่อนจะออกเดินทาง หนานกงซวี่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาซัดกงเฉิงเหล่ยลอยออกไปก่อนจะเตะประตูห้องของหนิงรุ่ยเสียงดังสนั่น!
หนิงรุ่ยนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องหนังสือ และสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะก็คือกล่องอัฐิของหนิงซิน เมื่อเห็นหนานกงซวี่บุกเข้ามาในห้อง หนิงรุ่ยก็เงยหน้าขึ้น ขอบตาของเขาเป็นวงคล้ำ ดูเหน็ดเหนื่อยหมดสภาพอย่างถึงที่สุด
หนานกงซวี่เต็มไปด้วยโทสะอย่างแท้จริง แต่เมื่อเขาเห็นสภาพห่อเหี่ยวหมดกำลังใจของหนิงรุ่ย เขาก็ชะงักไปทันที
“รองอาจารย์ใหญ่…เกิดอะไรขึ้น” หนานกงซวี่เห็นหนิงรุ่ยหมดเรี่ยวแรงอย่างนั้น ถ้อยคำเกรี้ยวกราดที่กำลังจะโพล่งออกมาก็พลันติดอยู่ในลำคอ
หนิงรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางมองไปที่หนานกงซวี่แล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์หนานกงเหมือนจะลืมว่าท่านควรเรียกข้าว่าอาจารย์ใหญ่” ขณะที่เขาพูด เขาก็เก็บกล่องบรรจุอัฐิของหนิงซินออกไปอย่างช้าๆ
หนานกงซวี่ตอบว่า “ได้ๆ ท่านอาจารย์ใหญ่ เช่นนั้นท่านอาจารย์ใหญ่ช่วยอธิบายสิ่งนี้ให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ เจ้าแผนที่นี้มันอะไรกัน” หนานกงซวี่ถามพร้อมกับตบแผนที่ฉบับหนึ่งลงไปบนโต๊ะของหนิงรุ่ย
นั่นเป็นแผนที่ที่เขาเพิ่งได้รับมา และจุดหมายที่กำหนดไว้บนแผนที่ก็คือสถานที่ที่จะจัดการฝึกให้แก่ศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัว
หนิงรุ่ยมองเขาแล้วย้อนว่า “แผนที่นั้นก็แสดงที่ตั้งที่จะจัดการฝึกขึ้นน่ะสิ ท่านอาจารย์หนานกงไม่พอใจสิ่งใดอย่างนั้นหรือ”