ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 861 การทรมาน (4) ตอนที่ 862 ผู้มาเยือนจากเมืองพันอสูร (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 861 การทรมาน (4) ตอนที่ 862 ผู้มาเยือนจากเมืองพันอสูร (1)
ตอนที่ 861 การทรมาน (4) / ตอนที่ 862 ผู้มาเยือนจากเมืองพันอสูร (1)
ตอนที่ 861 การทรมาน (4)
ร่างของผู้คุมคนนั้นกระแทกเข้ากับกำแพงหินอย่างหนัก เขาทำได้เพียงร้องครางออกมาคำเดียวก่อนจะรู้สึกมึนศีรษะและล้มลงกระแทกพื้นหมดสติไปในทันที
“กรร!” สัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ยืนขวางระหว่างจวินอู๋เสียกับผู้คุมอีกคน มันกัดแส้ด้วยฟันที่แข็งแรงของมันเสียงดังกร้วม
เมื่อผู้คุมอีกคนเห็นขนาดตัวของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ ขาของเขาก็หมดแรงทันที เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยความกลัว
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ” พร้อมกับเสียงกริ๊กที่ดังขึ้นสองครั้ง แผ่นเหล็กและโซ่ตรวนที่มือและขาของจวินอู๋เสียก็หล่นลงกระทบพื้น นางหันไปมองคนที่นั่งอยู่บนพื้นอย่างช้าๆ ใบหน้าของผู้คุมคนนั้นซีดขาว
“อะ…” ผู้คุมคนนั้นกำลังจะอ้าปากกรีดร้อง จวินอู๋เสียก็พูดแทรกขึ้นว่า “ถ้าเจ้ากล้าส่งเสียงออกมาอีกละก็ ข้าจะให้เจ้าเหมียวนี่ขย้ำคอเจ้า”
สัตว์ร้ายสีดำตัวนั้นแสดงเขี้ยวแหลมคมของมันภายใต้แสงเทียนอันริบหรี่ แสงสะท้อนแวววาวจากเขี้ยวของมันทำให้เย็นวาบไปทั้งสันหลัง
ผู้คุมคนนั้นกลัวจนเกือบปัสสาวะราดกางเกง เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยแววตาตกใจ ที่ผู้คุมสองคนนั้นลำพองใจมากขนาดนั้นก็เพราะแน่ใจว่าจวินอู๋เสียจะไม่สามารถทำลายโซ่ตรวนอันแข็งแรงพวกนั้นได้ ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเขียวที่ไม่สามารถขยับได้ย่อมไม่อาจทำให้พวกเขากลัวได้ พวกเขาไม่มีอะไรจะต้องกังวล แต่พวกเขาลืมเรื่องสำคัญไปอย่างหนึ่ง นอกจากพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของจวินอู๋เสียแล้ว ภูติวิญญาณของนางยังไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าใครเลยสักครั้ง!
สัตว์ร้ายสีดำขนาดมหึมาและทรงพลังมาประจันหน้ากับพวกเขาราวกับเทพแห่งความตาย ทำให้ผู้คุมทั้งสองคนที่ชั่วร้ายเจ้าเล่ห์หวาดกลัวและตกใจจนขยับไม่ได้
โซ่ตรวนชุดใหม่ที่พวกผู้คุมเชื่อมั่นก็กลายเป็นของเด็กเล่นในมือจวินอู๋เสีย นางใช้เวลาแค่อึดใจเดียวก็สามารถทำให้ตัวเองเป็นอิสระได้แล้ว
ผู้คุมที่ยังมีสติอยู่จ้องไปที่สัตว์ร้ายสีดำแสนดุร้ายตัวนั้นแล้วก็หันไปมองจวินอู๋เสียที่เป็นอิสระแล้ว เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป ร่างทั้งร่างสั่นเทาราวกับลูกสุนัขตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัว ไม่มีท่าทางอวดดีอย่างเมื่อครู่อีกแล้ว
“เหลยฝานเป็นคนสั่งให้พวกเจ้ามาทรมานข้าใช่หรือไม่” จวินอู๋เสียถาม สายตากวาดมองผู้คุมที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่
ผู้คุมคนนั้นกลัวมากจนฟันกระทบกัน สีหน้ายังคงอยู่ในอาการตกใจ
“เสี่ยวเฮย” จวินอู๋เสียเรียกอย่างหมดความอดทน
สัตว์ร้ายสีดำด้านข้างยกอุ้งเท้าที่ทั้งหนาและหนักขึ้นทันที แล้วโจมตีเข้าที่หน้าอกของผู้คุมคนนั้นอย่างแรง!
มันแรงมากจนทำให้ผู้คุมคนนั้นแทบกระอักโลหิตออกมา กรงเล็บอันแหลมคมของสัตว์ร้ายสีดำตวัดเข้าที่หน้าอกของผู้คุมทะลุเสื้อผ้าฉีกเนื้อออกจนเป็นแผลขนาดใหญ่!
เสียงร้องคร่ำครวญดังออกมาจากปากของผู้คุมคนนั้น โลหิตสีแดงสดไหลทะลักออกจากบาดแผล มืออันสั่นเทาของเขายกขึ้นมาทาบไว้ด้านหน้าหน้าอก แต่เขาไม่กล้าที่จะแตะสัมผัสบาดแผลลึกนั้น แค่ยกเอาไว้ห่างๆ จากบาดแผล ลงคลานกับพื้น ร่างกายกระตุกเป็นช่วงๆ
“เสี่ยวเฮยรู้ว่าจะต้องโจมตีที่ไหน ข้ารับรองว่าหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะไม่มีใครเห็นบาดแผลบนตัวเจ้าเลย” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับมองผู้คุมที่ตอนนี้ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษอย่างเย็นชา นางย้อนคำพูดที่พวกผู้คุมเคยพูดกับนางเมื่อครู่
“ถ้าเจ้ายังอมพะนำไม่ยอมบอกความจริงอยู่แบบนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะมาพูดทีหลังแล้ว” จวินอู๋เสียพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากว่าเดิม
ผู้คุมไม่กล้านิ่งเงียบอีกต่อไป เมื่อสักครู่เขาลังเลแค่อึดใจเดียวเท่านั้น เด็กนี่ก็ให้ภูติวิญญาณโจมตีเขาอย่างรุนแรงทันที ถ้าขืนยังไม่ยอมบอกทุกสิ่งที่รู้ละก็ เด็กหนุ่มคนนี้จะต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอน!
“เป็นองค์ชายสี่ขอรับ! องค์ชายสี่สั่งให้เราทำ! เขาให้พวกเราดูแลท่านให้ดี คุณชายจวิน…เราไม่ได้คิดสร้างความลำบากให้กับท่านจริงๆ แต่เมื่อเป็นคำสั่งขององค์ชายสี่ พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามคำสั่งขอรับ!” เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง ผู้คุมคนนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล่าถึงคำสั่งของเหลยฝาน
ตอนที่ 862 ผู้มาเยือนจากเมืองพันอสูร (1)
“อย่างที่คิด” จวินอู๋เสียหัวเราะอย่างเย็นชา
“คุณชายจวินโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! เราแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น!” ผู้คุมคนนั้นคุกเข่าลงอ้อนวอน ไม่สนใจบาดแผลบนร่างตัวเองแล้ว
“อ้าปาก” จวินอู๋เสียพูด
ผู้คุมชะงักไป พอเขาชะงักนิ่ง เจ้าสัตว์ร้ายสีดำก็ส่งเสียงคำรามต่ำๆ ทำให้ผู้คุมคนนั้นอ้าปากกว้างทันที จวินอู๋เสียโยนโอสถวิเศษเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากของเขาและผู้คุมคนนั้นก็กลืนลงไปอย่างตกใจ
“ง้างปากเขาด้วย” จวินอู๋เสียกวาดตามองไปที่ผู้คุมที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น ชายคนนั้นรีบเข้าไปง้างปากสหายโดยไม่รอช้า จวินอู๋เสียโยนโอสถวิเศษอีกเม็ดเข้าไปในปากเขา
“ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ปิดปากเงียบเอาไว้ให้ดี อีกสองวันข้าจะเอาโอสถแก้พิษให้” จวินอู๋เสียพูดอย่างเย็นชา
ผู้คุมคนนั้นพยักหน้ารัวๆ
“ไสหัวไป” จวินอู๋เสียพูดเสียงห้วน
ผู้คุมคนนั้นก็รีบลากสหายออกไปจากคุกทันที
หลังจากผู้คุมทั้งสองคนออกไปแล้ว เฉียวฉู่ก็กระโดดลงจากขื่อที่ซ่อนตัวอยู่
“ดูเหมือนว่าข้าจะกังวลไปเปล่าๆ นะ แค่แมลงตัวเล็กๆ เจ้าจัดการได้โดยไม่เปลืองแรงอยู่แล้ว” เฉียวฉู่รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อนึกได้ว่าเขาเกือบพุ่งออกมาโดยไม่สามารถยั้งตัวเองเอาไว้ได้ ถ้าจวินอู๋เสียจัดการผู้คุมชั้นต่ำแค่สองคนไม่ได้ นี่สิถึงจะแปลก
“แต่องค์ชายสี่นี่นิสัยโหดร้ายจริงๆ ทำไมเขาถึงอยากทรมานเจ้าด้วย”
“เขามาที่นี่เมื่อคืน” จวินอู๋เสียตอบ
เฉียวฉู่ถึงบางอ้อทันที เข้าใจเลยว่าองค์ชายสี่จะต้องพยายามชวนจวินอู๋เสียอีกครั้งแน่ และก็คงถูกปฏิเสธไปอย่างไร้เยื่อใยอีกรอบ และนั่นทำให้เขาโกรธจนทำให้อยากสั่งสอนจวินอู๋เสีย
น่าสงสาร…
เล่นผิดคนเสียแล้ว!
“พอคนจากเมืองพันอสูรมาถึง ให้พี่ฮวามาเปลี่ยนตัวกับข้าด้วย” จวินอู๋เสียบอกเฉียวฉู่
“ได้” เฉียวฉู่เริ่มฉลาดขึ้นแล้ว อะไรที่ไม่เข้าใจเขาตัดสินใจที่จะไม่ถามแต่ทำตามคำสั่งไป
จวินอู๋เสียพยักหน้าและมองเฉียวฉู่โดยไม่พูดอะไร เฉียวฉู่รู้ทันทีว่าจะต้องทำอะไร เขาออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็วโดยไม่กล้าชักช้าแม้สักนาทีเดียว
…
คนจากเมืองพันอสูรเข้าเมืองหลวงมาในเย็นวันรุ่งขึ้น เมื่อรถม้าที่ประดับธงของเมืองพันอสูรเข้ามาในเมืองหลวง มันก็ดึงดูดสายตาคนจำนวนมาก
เมืองพันอสูรไม่ใช่เมืองขึ้นของรัฐ มันเป็นเมืองอิสระขึ้นต่อตัวเอง ถึงแม้ดินแดนที่ครอบครองจะเทียบกับรัฐอื่นๆ ไม่ได้ แต่ภูมิประเทศนั้นยอดเยี่ยมมาก มีชายแดนติดกับหลายรัฐ เมืองพันอสูรยืนอยู่โดดเดี่ยวโดยไม่ถูกรังควานจากกองกำลังชายแดนของรัฐใดเลย เหตุผลนั้นไม่ใช่แค่เพราะเมืองนี้เคยมีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงถึงสองคนหรอก แต่มันยังเป็นเพราะว่าเมืองพันอสูรนั้นมีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง
เมืองพันอสูรตั้งอยู่บนยอดเขาที่ล้อมรอบด้วยป่าทึบ ทุกเส้นทางจากตีนเขาจนถึงยอดเขานั้นมีสัตว์วิญญาณอยู่ทุกหนทุกแห่ง สัตว์วิญญาณพวกนั้นไม่เคยโจมตีคนจากเมืองพันอสูรเนื่องจากเจ้าเมืองพันอสูรครอบครองขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณ มีข่าวลือว่าขลุ่ยกระดูกนั้นสามารถควบคุมพลังของสัตว์วิญญาณได้ และเสียงขลุ่ยนั้นสามารถกำราบสัตว์วิญญาณหลายหมื่นตัวให้เชื่อฟังคำสั่งได้ นั่นคือที่มาของชื่อเสียงของเมืองพันอสูร
แม้แต่รัฐเหยียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ยังไม่คิดที่จะหาเรื่องเมืองพันอสูร ถึงแม้มันจะเป็นแค่เมืองเล็กๆ เมืองเดียว แต่สัตว์วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนนั่นก็เป็นโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองพันอสูร กองกำลังทหารนั้นสามารถเอาชนะได้ แต่สัตว์วิญญาณนั้นมีจำนวนมหาศาลเกินไป ตราบใดที่ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณยังอยู่ในความครอบครองของเมืองพันอสูร ก็ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับเมืองพันอสูรแม้แต่น้อย
เมืองพันอสูรอยู่ไม่ไกลจากรัฐเหยียน สองขั้วอำนาจนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา แต่คนจากเมืองพันอสูรแทบจะไม่ออกมาจากเมืองเลย เมื่อจู่ๆ รถม้าของพวกเขาปรากฏขึ้นในเมืองหลวงของรัฐเหยียน จึงทำให้ทุกคนนึกขึ้นได้ทันทีถึงเหตุการณ์ที่ทำให้คุณหนูใหญ่ของเมืองพันอสูรได้รับบาดเจ็บสาหัส