ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 889 งานเลี้ยงในวังหลวง (8) ตอนที่ 890 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 889 งานเลี้ยงในวังหลวง (8) ตอนที่ 890 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (1)
ตอนที่ 889 งานเลี้ยงในวังหลวง (8) / ตอนที่ 890 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (1)
ตอนที่ 889 งานเลี้ยงในวังหลวง (8)
จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อย การกระทำแปลกๆ ของเวินอวี่ดูเหมือนจะเริ่มขึ้นหลังจากที่เขาเห็นแหวนบนนิ้วมือของนาง
ฮ่องเต้ก็คนหนึ่งแล้ว นี่ยังราชครูอีกคน ทั้งสองคนดูจะสนใจแหวนที่นางสวมอยู่มากทีเดียว
แต่สิ่งหนึ่งที่จวินอู๋เสียแน่ใจก็คือเวินอวี่ไม่ได้เป็นศัตรูกับนาง
“ทำไมท่านราชครูพูดเช่นนี้เล่าขอรับ” จวินอู๋เสียรู้สึกได้ว่าเวินอวี่กำลังบอกใบ้บางอย่าง แต่ตอนนี้นางคิดหาเหตุผลไม่ออกว่าทำไม
เวินอวี่มองใบหน้าเล็กๆ ของจวินอู๋เสีย เขาไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เด็กคนนี้ค่อนข้างสนิทสนมกับเหลยเชิน และเขาพบว่าเขาชอบดวงตาเฉลียวฉลาดคู่นั้น ถึงแม้จะเย็นชาและเหินห่างแต่ก็ดูไม่เหมือนดวงตาของคนที่เก็บซ่อนเจตนาร้ายต่อผู้คน
“ทำไมเล่า คุณชายจวินไม่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัวเร็วๆ หรือ”
นัยน์ตาของจวินอู๋เสียหม่นหมองลงทันที
กลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างนั้นหรือ
ทำไมนางจะไม่อยากกลับไปเล่า ทุกอย่างที่นางกำลังทำ ก็เพื่อที่จะได้กลับไปยังรัฐชีและจวนหลินอ๋องได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรอีก
เวินอวี่เห็นแววตาสลดหดหู่ของจวินอู๋เสียก็รู้ตัวว่าตนคงพูดอะไรผิดไป จึงรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าขอโทษ ข้าพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดไปเสียแล้ว แต่จากที่ข้าได้ยินมา ช่วงที่คุณชายจวินอยู่ในเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณนี่ ดูเหมือนท่านจะดึงดูดเรื่องยุ่งยากมาเยอะทีเดียว ท่าทางเมืองหลวงจะไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับคุณชายจวิน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นอีก มันจะดีกว่าถ้าคุณชายจวินจะไปจากที่นี่โดยเร็ว”
“เรื่องเดือดร้อนหรือ จะมีเรื่องอะไรอีกหรือขอรับ” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับมองตรงไปที่เวินอวี่ พยายามหาเบาะแสจากสีหน้าของเขา แต่เวินอวี่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมาเลย
เวินอวี่หัวเราะเสียงเบา “ข้าหวังว่าคุณชายจวินจะออกเดินทางกลับไปเร็วๆ นี้ และเนื่องจากตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ถ้าเราไม่กลับไปตอนนี้งานเลี้ยงคงจะใกล้เลิกแล้ว คุณชายจวินจะกลับไปที่งานเลี้ยงพร้อมกับข้าเลยหรือไม่”
จวินอู๋เสียพยักหน้า ทั้งสองคนจึงเดินกลับไปที่งานเลี้ยงด้วยกัน
ในงานเลี้ยงทุกอย่างยังคงเป็นอย่างที่ควรจะเป็น ดนตรีกำลังบรรเลง และนางรำก็กำลังร่ายรำอย่างงดงามอ่อนช้อย
เมื่อจวินอู๋เสียเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของวังหลวงพร้อมกับเวินอวี่ ฮ่องเต้ที่ขมวดพระขนงแน่นคล้ายกำลังครุ่นคิดหนักก็เงยพระพักตร์ขึ้น เมื่อทรงเห็นคนทั้งสองเข้ามาในห้องโถงด้วยกัน พระกมลของพระองค์ก็แทบหล่นลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม!
“ฝ่าบาท” เวินอวี่คำนับเล็กน้อยเป็นการทักทาย
พระพักตร์ของฮ่องเต้แข็งทื่อขึ้นมาทันที แต่พระองค์ก็รีบตั้งสติและยิ้มอย่างใจดีเฉกเช่นที่เคยพร้อมกับตรัสว่า “เรากำลังคิดอยู่เชียวว่าท่านราชครูไปไหน ท่านก็กลับมาพร้อมจวินเสียพอดี แล้วลูกฝานเล่า ไปอยู่ไหนแล้ว เขาออกไปเดินเล่นในอุทยานหลวงพร้อมกับจวินเสีย แล้วทำไมจวินเสียถึงกลับมาที่นี่คนเดียว”
เวินอวี่ตอบว่า “กระหม่อมเห็นพระจันทร์คืนนี้งดงามนักเลยอยากไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงขึ้นมากะทันหันน่ะพ่ะย่ะค่ะ แต่พอกระหม่อมไปถึงอุทยานหลวงก็เห็นองค์ชายสี่ไม่สบายนอนอยู่บนพื้น กระหม่อมก็เลยสั่งให้ทหารพาตัวองค์ชายสี่กลับตำหนักไป แล้วกระหม่อมก็พาจวินเสียกลับมาที่งานเลี้ยง กระหม่อมเป็นห่วงว่าเด็กคนนี้อาจจะไม่รู้ทางก็เลยมาที่นี่พร้อมกับเขา”
เมื่อได้ยินว่าเหลยฝานไม่สบาย ฮ่องเต้ก็มีสีพระพักตร์เป็นกังวลขึ้นมาทันที พระองค์ทรงตรัสถามว่า “ลูกฝานไม่สบายอย่างนั้นหรือ เกิดอะไรขึ้น”
“กระหม่อมก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมสั่งให้ทหารส่งตัวองค์ชายสี่กลับไปที่ตำหนักของฮองเฮาแล้ว ที่ตำหนักของพระนางมีหมอหลวงที่คอยดูแลองค์ชายสี่มาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์อยู่ กระหม่อมเชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไรมากหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เวินอวี่ตอบ
แต่ถึงเวินอวี่จะรับรองเช่นนั้น ฮ่องเต้ที่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเหลยฝานมากก็ยังไม่สบายพระทัยอยู่ดี
“คืนนี้ดึกมากแล้ว เชิญแขกทุกท่านกลับไปพักผ่อนกันเถิด” ฮ่องเต้ที่เครียดขึ้นมากะทันหันตรัสไล่แขกกลับเอาเสียดื้อๆ
แขกทุกคนไม่พูดอะไร ทุกคนพากันลุกขึ้นและจากไป
เหลยเชินพาจวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ ออกจากวังหลวง และขณะที่ยืนอยู่ข้างนอกประตูวัง สายตาของเขาก็มองตามหลังรถม้าของสำนักศึกษาเฟิงหัวที่แล่นจากไป
ตอนที่ 890 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (1)
“ทำไมท่านราชครูถึงกลับไปที่งานเลี้ยงพร้อมกับน้องจวินได้เล่า” เหลยเชินไม่ได้หันกลับไปมอง แต่คำพูดของเขาส่งตรงไปยังราชครูที่กำลังจะเดินออกจากวังหลวง
เวินอวี่ถามขึ้นว่า “องค์ชายทรงกังวลสิ่งใดอย่างนั้นหรือ”
เหลยเชินขมวดคิ้ว เขาหันกลับมามองเวินอวี่ด้วยสายตาคมปลาบ
“ท่านราชครูอยากทำอะไรข้าจะไม่ยุ่ง แต่สิ่งที่ข้าคิดจะทำข้าก็หวังว่าท่านราชครูจะไม่ยื่นจมูกเข้ามายุ่งด้วยเช่นกัน ข้าสนิทกับคนของสำนักศึกษาเฟิงหัว ถ้าท่านราชครูวางแผนอะไรกับพวกเขาละก็ ข้าจะไม่พอใจมาก”
เมื่อเห็นสายตาดื้อรั้นที่เหลยเชินส่งมาให้ เวินอวี่ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างจำนนและพูดขึ้นว่า “เรื่องนั้นข้าเกรงว่าจะทำให้องค์ชายทรงผิดหวังเสียแล้ว ข้าเพิ่งบอกให้คุณชายจวินเดินทางออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด”
“อะไรนะ!” เหลยเชินมองราชครูตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ มือของเขากำแน่นอยู่ในแขนเสื้อ!
“ท่านเคยสัญญากับข้าอย่างชัดเจนแล้วนี่ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระหว่างข้าและเหลยฝาน! ท่านก็รู้ว่าข้าคิดจะใช้ความแข็งแกร่งของสำนักศึกษาเฟิงหัว แต่ท่านกลับบอกให้พวกเขารีบไปจากที่นี่เนี่ยนะ! ท่านราชครู! ท่านกำลังเล่นอะไรอยู่! ท่านอยากช่วยฮ่องเต้ของท่านมากเลยสินะ!”
เหลยเชินตวาดใส่หน้าเขาด้วยความโกรธ ถ้าเขาไม่ได้พยายามยั้งตัวเองเอาไว้ เขาอาจจะต่อยหน้าเวินอวี่ตรงนั้นแล้วก็ได้
เวินอวี่มองหน้าเหลยเชินที่แทบจะระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่อย่างใจเย็น เขารู้สึกปวดใจมาก เด็กคนนี้เป็นคนที่เขาเฝ้าดูการเติบโตมาด้วยตัวเอง หลังจากเหลยฝานเกิด สถานะของเหลยเชินก็ลำบากมาก เวินอวี่ทนเห็นเด็กน้อยต้องตกเป็นหมากในแผนการอันชั่วร้ายในวังหลวงไม่ได้ เขาจึงขอให้ฮ่องเต้พระราชทานอนุญาตให้เหลยเชินมาเป็นศิษย์ของเขา คิดจะใช้ตำแหน่งของเขาในฐานะราชครูปกป้องเด็กน้อย แต่เมื่อเหลยเชินค้นพบความจริง ฉากหน้าในวังหลวงที่ดูเหมือนจะรักใคร่กลมเกลียวกันดีก็รักษาเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป
“องค์ชายรู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงเข้าไปในงานเลี้ยงพร้อมกับจวินเสียได้” เวินอวี่ถามขึ้นอย่างจนปัญญา
เหลยเชินส่งเสียงหึออกมาแล้วพูดว่า “ท่านไม่ได้บอกไปแล้วหรือ ท่านอยากให้เขาไปจากเมืองหลวงนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้! เพื่อตัดคนที่จะคอยค้ำจุนข้าออกไป!”
เวินอวี่ส่ายหน้า
“เมื่อครู่ข้ารอคำสั่งเรียกตัวให้เข้าไปอยู่นอกประตูห้องโถงของงานเลี้ยง แต่ไม่นานองค์ชายสี่ก็พาจวินเสียออกจากงานเลี้ยง ขณะที่ข้าต้องยืนรอทั้งยังไม่ได้รับคำสั่งให้เข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น ท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือ”
เหลยเชินขมวดคิ้ว เขาเองก็คิดว่ามันแปลก พอฮ่องเต้ได้ข่าวว่าเวินอวี่มาถึง แทนที่จะมีรับสั่งให้เชิญตัวเวินอวี่เข้ามาก่อน พระองค์กลับสั่งให้เหลยฝานพาจวินอู๋เสียออกไป เหตุการณ์นี้ยากที่จะยอมรับได้ว่าเป็นเรื่องปกติ
“ข้าไม่รู้ว่าท่านจะรู้สึกเหมือนกันหรือไม่ แต่ข้าสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ใช่ ข้ารู้ว่าท่านสนิทสนมกับจวินเสียมาก และเรื่องระหว่างท่านกับเหลยฝานข้ายิ่งรู้ดี ดังนั้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ข้าจึงตามพวกเขาไปและก็บังเอิญไปเห็นเหลยฝานล้มลงบนพื้น ข้าสั่งให้ทหารพาตัวเขากลับไป ตอนแรกข้าอยากจะดูว่าจวินเสียมีนิสัยอย่างไร ไม่ได้คิดที่จะไปแทรกแซงแผนการของท่านเลย แต่ที่ตัวเด็กคนนั้น ข้าพบบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ” เวินอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าเขาไม่เจอสิ่งนั้น เขาก็คงไม่บอกให้จวินอู๋เสียรีบจากไป
“อะไรหรือ” เหลยเชินประหลาดใจ เขารีบถามทันที
เวินอวี่ตอบว่า “พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน”
เหลยเชินเบิกตากว้างทันทีอย่างไม่รู้ตัว สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน! ท่านหมายถึงพระธำมรงค์อันเป็นเสมือนราชลัญจกรของอดีตฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนที่หายตัวไปน่ะหรือ!” เสียงของเหลยเชินแทบจะเปลี่ยนไปเป็นตะโกน เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เวินอวี่ค้นพบจะเป็นพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน!
เวินอวี่พยักหน้า “ใช่แล้ว พระธำมรงค์วงนั้นแหละ”