ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 891 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (2) ตอนที่ 892 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 891 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (2) ตอนที่ 892 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (3)
ตอนที่ 891 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (2) / ตอนที่ 892 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (3)
ตอนที่ 891 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (2)
เหลยเชินเซถอยหลังไปหลายก้าวอย่างตกใจ สีหน้าแตกตื่นตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เพิ่งได้ยินว่าเป็นเรื่องจริง!
“ข้าอยากรู้มากว่าทำไมฮ่องเต้ถึงได้จงใจมีรับสั่งไล่จวินเสียออกไปข้างนอกตอนที่ข้ามาถึง แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ทั่วทั้งรัฐเหยียนนี้ คนที่จำพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนได้ นอกจากฮ่องเต้กับไทฮองไทเฮา[1] แล้ว ก็มีแต่ข้านี่แหละ พระองค์คงกลัวว่าข้าจะจำพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนที่มือของจวินเสียได้ ก็เลยทำเช่นนั้น” เวินอวี่พูด
“แล้ว…ที่ท่านอยากให้จวินเสียไปจากที่นี่โดยเร็ว ก็เพราะท่านกลัวว่า…” สีหน้าของเหลยเชินดูไม่สบายใจขึ้นมาทันที ใบหน้าปราศจากสีเลือดอย่างรวดเร็ว
เวินอวี่พยักหน้า
“อดีตฮ่องเต้เคยมีรับสั่งเอาไว้ ผู้ที่ครอบครองพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน คือผู้ปกครองรัฐเหยียนที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานเหลนโหลนรุ่นไหนก็ตาม หากพบผู้ครอบครองพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน พวกเขาจะต้องสละราชบัลลังก์และคืนมันให้แก่ผู้ครอบครองพระธำมรงค์!”
บัลลังก์แห่งรัฐเหยียนไม่สมควรจะเป็นของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
แต่เป็นเพราะจู่ๆ อดีตฮ่องเต้ที่นำรัฐเหยียนให้กลายเป็นรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าได้หายตัวไป เวลานั้นพระอนุชาของอดีตฮ่องเต้ที่ตอนนั้นยังเป็นเพียงองค์ชายอยู่ ได้ส่งกองกำลังออกค้นหาเบาะแสของอดีตฮ่องเต้ที่หายไปจนทั่วแผ่นดิน พระองค์ค้นหาอยู่สิบปีโดยไม่ได้ผลลัพธ์อะไรเลย
รัฐจะปราศจากผู้นำไม่ได้ และเพื่อป้องกันการปฏิวัติในรัฐ พวกเขาจึงต้องแต่งตั้งฮ่องเต้พระองค์ใหม่
อดีตฮ่องเต้ที่หายสาบสูญไป เนื่องจากพระองค์ไม่มีผู้สืบสกุลเลยสักคน ดังนั้นบัลลังก์แห่งรัฐเหยียนจึงตกเป็นของพระอนุชาของพระองค์ไปโดยปริยาย
องค์ชายผู้ซึ่งเป็นพระอนุชาของอดีตฮ่องเต้ในสมัยนั้น สนิทสนมกับอดีตฮ่องเต้ที่หายสาบสูญไปมาก เนื่องจากพระองค์ทรงถูกเลี้ยงดูมาพร้อมกับพระเชษฐาหรือก็คืออดีตฮ่องเต้มาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ หลังจากที่ผู้เป็นอนุชาได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ต่อ ราชโองการฉบับแรกที่ประกาศออกมาจึงเป็นเรื่องของการสืบทอดราชบัลลังก์
พระองค์ทรงเชื่อเหลือเกินว่าพระเชษฐาของพระองค์ยังไม่สวรรคต ยิ่งเชื่อมั่นว่าพระเชษฐาหรือทายาทของพระเชษฐาของพระองค์จะกลับมายังรัฐเหยียนในสักวันหนึ่ง ดังนั้นพระองค์จึงออกราชโองการว่า เมื่อผู้ที่ครอบครองพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนปรากฏตัวขึ้นในรัฐเหยียน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม ทายาทของพระองค์ที่นั่งบัลลังก์อยู่ในเวลานั้นจะต้องสละราชบัลลังก์ทันที และแต่งตั้งผู้ครอบครองพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนขึ้นเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของรัฐเหยียน!
และพระราชโองการฉบับแรกนั้นก็ผ่านไปเกือบร้อยปีแล้ว ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันคือผู้สืบทอดของฮ่องเต้พระองค์นั้น ส่วนไทฮองไทเฮาองค์ปัจจุบันที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ก็คือฮองเฮาของฮ่องเต้พระองค์นั้น…
“แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว ข้าคิดว่าเสด็จพ่อคงไม่ได้สนพระทัยมันมากนักหรอก” ถึงแม้เหลยเชินจะเคยได้ยินเรื่องนี้จากไทฮองไทเฮามาตั้งแต่เขายังเด็ก แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นมานานมากแล้วจริงๆ และพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนก็ไม่เคยปรากฏมาก่อน เขาจึงเริ่มลืมเลือนมันไป จนกระทั่งเวินอวี่พูดขึ้นในวันนี้ เขาถึงนึกเรื่องทุกอย่างที่เคยรู้ขึ้นมาได้
เวินอวี่พูดว่า “ก็จริงอยู่ที่ว่าเรื่องมันผ่านมานานแล้ว แต่องค์ชายอย่าลืมสิ เวลานี้ไทฮองไทเฮายังคงมีอิทธิพลอยู่ภายในวังหลัง! ถึงแม้ไทฮองไทเฮาจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวในเรื่องราชการงานเมืองมานานแล้วก็ตาม แต่พระนางก็สนิทสนมกับพระเชษฐาของอดีตฮ่องเต้มาก เพื่อสนองพระราชประสงค์ของพระสวามี ไทฮองไทเฮาจะต้องสู้สุดชีวิตเพื่อทำให้สำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่กล้าแตะต้องไทฮองไทเฮาอยู่แล้ว ดังนั้นพระองค์จึงจำต้องกำจัดจวินเสียเพื่อขจัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้บัลลังก์ของรัฐเหยียนยังคงอยู่กับพระองค์!”
ในโลกใบนี้มีเพียงคนสามคนเท่านั้นที่สามารถระบุพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนได้ และไทฮองไทเฮาก็เป็นบุคคลที่ยึดมั่นถือมั่น พระนางจะบีบบังคับให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทำตามราชโองการของพระสวามีของพระนางอย่างแน่นอน
ตราบใดที่จวินอู๋เสียยังมีชีวิตอยู่ บัลลังก์ของฮ่องเต้ก็จะสั่นคลอนไม่มั่นคง ดังนั้นพระองค์ต้องลงมือแน่ เวินอวี่พูดเป็นนัยให้จวินอู๋เสียรีบไปจากที่นี่หลายครั้ง ก็เพราะเขาหวังให้เด็กคนนั้นหลบพ้นภัยพิบัติไปได้
ครั้งนี้ไม่ใช่กรณีที่ฮ่องเต้ต้องการใช้จวินอู๋เสียเพื่อดึงองค์รัชทายาทลงจากตำแหน่งอีกแล้ว แต่เป็นพระประสงค์ของพระองค์เองที่ต้องการจะกำจัดจวินอู๋เสียโดยตรง!
ตอนที่ 892 พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน (3)
แม้ว่าฮ่องเต้จะไม่ทรงโปรดปรานเหลยเชินนัก แต่พระองค์ก็คิดอยู่เสมอว่าเหลยเชินเป็นพระโอรสของพระองค์ และเพียงแค่ต้องการบีบให้เขาลงจากตำแหน่งรัชทายาท ไม่เคยคิดเอาชีวิตของเหลยเชินเลยสักครั้ง แต่กรณีของจวินอู๋เสียนั้นแตกต่างกัน
“ด้วยพระอุปนิสัยของฮ่องเต้ พระองค์ต้องไม่ไว้ชีวิตจวินเสียแน่ มีเพียงแค่ให้จวินเสียออกไปจากรัฐเหยียนเท่านั้นเขาถึงจะปลอดภัย” เวินอวี่พูดเสียงเครียด
เหลยเชินตกใจมาก เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าแหวนบนนิ้วของจวินอู๋เสียจะเป็นพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนที่ร่ำลือกัน
“เป็นไปได้หรือ…เป็นไปได้จริงๆ หรือว่าจวินเสียคือผู้สืบทอดของพระเชษฐาของอดีตฮ่องเต้” เหลยเชินถามด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เวินอวี่ส่ายศีรษะ “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ข้าแน่ใจอยู่อย่างเดียวคือพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน เป็นพระธำมรงค์ที่องค์ปฐมฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งรัฐเหยียนได้เหลือทิ้งเอาไว้ ซึ่งฮ่องเต้ผู้ครองรัฐก็ได้สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ในพระธำมรงค์วงนั้นไม่มีภูติวิญญาณอยู่แล้ว จึงถูกส่งต่อให้แก่ฮ่องเต้รุ่นถัดๆ ไปเพื่อใช้หลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณวงใหม่อยู่เสมอ จากนั้นมันจึงได้ชื่อว่า ‘พระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน’ ข้าคิดว่าต่อให้จวินเสียไม่ใช่ทายาทของพระเชษฐาของอดีตฮ่องเต้ เขาก็ต้องเกี่ยวข้องกับพระองค์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ได้ครอบครองพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน”
เหลยเชินมองเวินอวี่อย่างตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ…เขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“ฮ่าๆๆ! ฮ่าๆๆ! สวรรค์เข้าข้างข้าแล้ว! สวรรค์เข้าข้างข้า!”
เวินอวี่มองเหลยเชินที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความงุนงง ความรู้สึกไม่สบายใจผุดขึ้นมา
“องค์ชาย นี่ท่าน…”
เหลยเชินหยุดหัวเราะอย่างฉับพลัน เขาหันมามองเวินอวี่แล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้มีสายโลหิตของราชวงศ์อยู่ในตัว เหลยฝานก็ไม่มีเหมือนกัน ข้าที่เป็นองค์รัชทายาทเป็นลูกไม่มีพ่อ ขณะที่เหลยฝานที่เสด็จพ่อประสงค์จะให้เขาสืบทอดราชบัลลังก์ต่อก็เป็นลูกชู้! น้องรองเป็นสวะ! และน้องสามเองก็ขี้ขลาดตาขาวเหมือนหนู ไม่มีใครเหมาะสมที่จะสืบทอดบัลลังก์สักคน! ข้าไม่เคยปรารถนาในราชบัลลังก์! ข้าต่อสู้ก็เพราะความอยุติธรรมที่ข้าได้รับก็เท่านั้น! แล้วตอนนี้สวรรค์ก็ส่งจวินเสียมาปรากฏตัวต่อหน้าข้า ไม่ใช่ว่าจะช่วยให้ข้าบรรลุวัตถุประสงค์ของข้าหรอกหรือ จวินเสียครอบครองพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน นั่นทำให้เขาเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ที่แท้จริง! ฮ่าๆๆ! ข้าจะช่วยให้จวินเสียได้ครองบัลลังก์แห่งรัฐเหยียน! ข้าอยากจะเห็นหน้าของเสด็จพ่อนักตอนที่พระองค์พบว่าตัวเองพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในขณะที่ทรงคิดว่าชัยชนะได้อยู่ในกำมือของพระองค์แล้ว!”
เหลยเชินพูดพร้อมกับกัดฟันแน่น ทำไมเขาต้องเป็นหุ่นเชิดให้คนอื่นมาตั้งแต่เกิดด้วย ทำไมเขาต้องเจอกับความอยุติธรรม เขาอยากแก้แค้น! แก้แค้นให้กับโชคชะตาที่ไม่ยุติธรรมของเขา!
เวินอวี่มองเหลยเชินอย่างตกใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเหลยเชินจะมีความคิดเช่นนี้ได้
“เหลยเชิน! นี่ท่านบ้าไปแล้วหรือ” เวินอวี่รู้ว่าเหลยเชินเกลียดชังฮ่องเต้ เกลียดชังฮองเฮา และชังน้ำหน้าเหลยฝานมาก แต่ไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกให้เขาเตรียมใจมาก่อนเลยสำหรับการตัดสินใจอย่างกะทันหันของเหลยเชินที่จะดันจวินอู๋เสียให้ขึ้นครองบัลลังก์แห่งรัฐเหยียน!
“ละเรื่องที่ว่าการจะทำงานนี้ให้สำเร็จมันยากแค่ไหนไว้ก่อน ตัวจวินเสียเองอาจจะไม่เห็นด้วยก็ได้ และลำพังองค์ชายเอง ท่านเอาตัวเองให้รอดยังยากเลย แล้วนี่…” เสียงของเวินอวี่ขาดหายไป เขามองเหลยเชินอย่างค้นหา
เหลยเชินพูดขึ้นมาว่า “เสด็จพ่ออยากให้รัชทายาทคนนี้ลงจากตำแหน่งนักไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นก็เอาเลยสิ! ข้าไม่สนใจอยู่แล้ว! ฮ่าๆๆ อย่างไรเหลยฝานก็ไม่สามารถนั่งบัลลังก์ได้อยู่ดี!” มีจวินอู๋เสียแค่คนเดียว เขาก็สามารถบรรลุเป้าหมายแก้แค้นของเขาได้ ตำแหน่งองค์รัชทายาทนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาแยแสเลยสักนิด!
สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่การครองบัลลังก์ เขาแค่ต้องการให้พวกที่คอยบงการเขาไปลงนรกเสีย!
“องค์ชาย! ท่านคิดหรือว่าฮ่องเต้ทรงจะปล่อยให้จวินเสียอยู่ในรัฐเหยียนต่อไปได้จริงๆ ถ้าเขาไม่ไปจากที่นี่โดยเร็ว ฮ่องเต้จะต้องสังหารเขาแน่!” เวินอวี่อดไม่ได้ที่จะสาดน้ำเย็นใส่หน้าเหลยเชิน
แต่เหลยเชินกลับหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ถึงคนอื่นๆ จะไม่รู้ แต่ข้าจะไม่รู้เชียวหรือว่าจวินเสียสามารถทำอะไรได้บ้าง ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่โดนแผนชั่วของเสด็จพ่อเล่นงานเอาง่ายๆ แน่!”
[1] ไทฮองไทเฮา หมายถึง สมเด็จพระอัยยิกาเจ้า เป็นพระอิสริยยศของพระอัยยิกา (ย่า) ของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลก่อนๆ และยังมีพระชนมชีพอยู่ ในประเทศจีน เรียกตำแหน่งนี้ว่า ‘ไทฮองไทเฮา’ หรือ ‘ไท่หวงไท่โฮ่ว’