ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 92 ตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (3)ตอนที่ 92 ตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 92 ตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (3)ตอนที่ 92 ตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (3)
ตอนที่ 91 ตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (2)
“ไม่ต้องพูดถึงว่าเม็ดยาน้ำค้างหยกนั้นเป็นสูตรลับของสำนักชิงอวิ๋นของข้า แค่เวลาที่ใช้หลอมกลั่นนั้นก็ผิดมหันต์แล้ว หากเจ้าต้องการหลอมเม็ดยาน้ำค้างหยกจริงๆ อย่างต่ำก็ต้องใช้เวลาสามถึงห้าวัน แต่นี่เพิ่งผ่านมาเพียงครึ่งวันเท่านั้น เจ้าคิดว่ากำลังหลอกเด็กไม่รู้ประสาอยู่หรืออย่างไร” ไป๋อวิ๋นเซียนแค่นหัวเราะเสียงเย็น นางไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าสิ่งที่อยู่ในขวดกระเบื้องเคลือบนั่นคือเม็ดยาน้ำค้างหยก เพราะสูตรของเม็ดยาน้ำค้างหยกนั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสำนักชิงอวิ๋นของพวกนาง และมันก็ถูกเก็บไว้เป็นความลับอย่างดี เนื่องจากมันต้องผ่านกระบวนการขัดเกลานานนับศตวรรษกว่าจะได้สูตรที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา จวินอู๋เสียคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากที่ไหน แค่หาเม็ดยาใส่ลงไปในขวดกระเบื้องเคลือบสุ่มๆ รั้งพวกนางให้นั่งเสียเวลาอยู่ที่นี่สักหลายชั่วยาม จากนั้นก็วิ่งมาบอกพวกนางว่าในขวดนี้คือเม็ดยาน้ำค้างหยก เห็นพวกนางโง่กันหมดหรืออย่างไร ช่างน่าขันจริงๆ
เมื่อเวลาในการหลอมกลั่นผิดแล้ว มันจะยังเป็นเม็ดยาน้ำค้างหยกได้อยู่อีกหรือ!
“เมื่อสักครู่นี้ หากเจ้ายอมรับผิดและขอโทษแต่โดยดี ข้าก็คงไม่ถือสาและเรื่องทุกอย่างก็คงจบลงด้วยดี แต่ตอนนี้เจ้าแอบอ้างเม็ดยาสำนักชิงอวิ๋นของข้า ทำให้ชื่อเสียงของสำนักข้าเสียหาย เช่นนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่อาจจบแบบง่ายดายได้อีกแล้ว หากใครหน้าไหนก็สามารถแอบอ้างชื่อเสียงของสำนักข้าได้ เอาขยะจากที่ไหนไม่รู้มาโกหกว่ามันเป็นเม็ดยาน้ำค้างหยก เช่นนั้นสถานะสำนักชิงอวิ๋นของข้ายังจะรักษาได้อยู่อีกหรือ!” ไป๋อวิ๋นเซียนเหลือบมองมั่วเฉี่ยนยวนอย่างเย้ยหยัน ที่นางพูดเช่นนี้ออกมาก็เพื่อต้องการอุดปากของมั่วเฉี่ยนยวนนั่นเอง
“สามถึงห้าวันหรือ” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น มองไปที่ท่าทียกตนข่มท่านของไป๋อวิ๋นเซียน
ไป๋อวิ๋นเซียนยิ้มเยาะ
“เหตุใดเจ้าไม่ลองตรวจสอบดูก่อนค่อยพูดเล่า”
แทนที่จะเปลืองน้ำลายเสวนากับอีกฝ่ายให้เหนื่อยยาก คงเป็นการดีกว่าหากให้นางพิสูจน์เห็นข้อเท็จจริงกับตา
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น” ไป๋อวิ๋นเซียนสูดหายใจเข้าลึกอย่างเย็นชา ยกขวดกระเบื้องเคลือบขึ้นทำท่าจะเขวี้ยงลงพื้น
มั่วเฉี่ยนยวนผุดลุกขึ้นทันที นัยน์ตาลุ่มลึกของเขาเต็มไปด้วยความเฉียบขาด “คุณหนูไป๋ไยตัดสินใจโดยพลการเช่นนี้เล่า เป็นของจริงหรือไม่นั้น เพียงเปิดฝาขวดกระเบื้องเคลือบนั้นออกก็สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้แล้ว หรือว่าคุณหนูไป๋กำลังกังวลว่าตัวเองจะแยกแยะระหว่างเม็ดยาน้ำค้างหยกของจริงและของปลอมไม่ออก” มั่วเฉี่ยนยวนลอบกำหมัดที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อของตัวเองแน่น หลังจากที่ได้ยินเกี่ยวกับเวลาการหลอมกลั่นเม็ดยาน้ำค้างหยก ไม่อาจปฏิเสธเลยว่ามันทำให้เขาใจสั่นไปจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้เห็นการแสดงออกที่นิ่งสงบของจวินอู๋เสียแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดหัวใจที่ค้างเติ่งอยู่ของเขากลับเย็นลงอย่างน่าประหลาด
สีหน้าของจวินอู๋เสียยังคงเหมือนเดิม ราบเรียบปลอดโปร่งไร้ซึ่งความตื่นตระหนกใดๆ ให้เห็น ไม่เหมือนคนที่เพิ่งถูกเปิดโปงเลย
เขาควรจะเชื่อใจนาง มั่วเฉี่ยนยวนบอกกับตัวเองเช่นนั้น
เริ่มตั้งแต่มั่วเฉี่ยนยวนเชื่อมั่นในตัวจวินอู๋เสียอย่างไร้เงื่อนไข จากนั้นก็คัดค้านคำพูดของไป๋อวิ๋นเซียน แม้กระทั่งบีบบังคับให้ไป๋อวิ๋นเซียนทำการพิสูจน์เม็ดยาในขวดกระเบื้องนั่น
ใช่แล้ว เขาบีบบังคับให้นางทำ!
“องค์รัชทายาท พระองค์ทำเช่นนี้ทรงหมายความว่าอย่างไรหรือเพคะ” สีหน้าของไป๋อวิ๋นเซียนน่าเกลียดมากขึ้นทุกขณะ
“ข้าเชื่อว่าเม็ดยาของสำนักชิงอวิ๋นนั้นพิเศษเกินกว่าที่ใด และก็เชื่อว่าสำนักชิงอวิ๋นนั้นกระทำทุกอย่างอย่างมีหลักการและเหตุผล ตรงไปตรงมา ไม่ว่าเม็ดยาในขวดกระเบื้องเคลือบนั่นจะใช่เม็ดยาน้ำค้างหยกหรือไม่ คุณหนูไป๋ก็ควรตรวจสอบมันให้แน่ชัด ไม่อย่างนั้นผู้อื่นอาจเกิดข้อกังขาได้ว่าแท้จริงแล้วตัวท่านนั้นมีความสามารถในการพิสูจน์เม็ดยานั่นได้จริงๆ หรือเปล่า หรือว่าท่านต้องการทำลายหลักฐานกันแน่ถึงได้รีบร้อนลงมือเช่นนี้” มั่วเฉี่ยนยวนตัดสินใจแล้ว ในเมื่อเขาเลือกเข้าข้างจวินอู๋เสียเขาก็จะเดินหน้าให้ถึงที่สุด
เสมือนขึ้นขี่หลังเสือแล้วลงยาก ไป๋อวิ๋นเซียนไม่มีทางถอยกลับแล้วจริงๆ หากนางไม่พิสูจน์ตัวยาในขวดนี้ ผู้คนคงได้คิดว่านางมีเจตนาเหมือนอย่างที่มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวหาเป็นแน่!
“องค์รัชทายาททรงมั่นใจแล้วหรือเพคะว่าจะปกป้องจวินอู๋เสีย ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะตามพระประสงค์ของพระองค์ แต่หากพิสูจน์ออกมาแล้วและพบว่าของที่อยู่ในขวดนี้เป็นของปลอม เช่นนั้นองค์รัชทายาทก็จะต้องรับผิดชอบที่มีส่วนในการสบประมาทสำนักชิงอวิ๋นของข้าในครั้งนี้ด้วย” ไป๋อวิ๋นเซียนกล่าวอย่างเย็นชา
“ตกลง” มั่วเฉี่ยนยวนกัดฟันตอบ เขาทุ่มเดิมพันสุดตัวแล้วจริงๆ
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยลอบยิ้มเยาะ ไม่ต้องรอให้เขาลงมือทำอะไร มั่วเฉี่ยนยวนก็รนหาที่ตายเองเสียแล้ว
ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะยังมีอำนาจในมือหรือไม่ก็ตาม ทั้งฮ่องเต้และมั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็ไม่อาจลงมือทำอะไรตรงๆ ได้เพราะมันจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่หากครั้งนี้มั่วเฉี่ยนยวนยั่วยุสำนักชิงอวิ๋น พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องลอบแทงข้างหลังอีกต่อไป เพราะเพียงแค่อ้างชื่อของสำนักชิงอวิ๋น องค์รัชทายาทก็จะสามารถถูกบดขยี้จนตายได้อย่างง่ายดาย
มั่วเฉี่ยนยวนเอ๋ยมั่วเฉี่ยนยวน เจ้ามันโง่เกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ ถึงขนาดล่วงเกินไป๋อวิ๋นเซียนเพื่อสตรีนางหนึ่งเช่นนี้
…………
ตอนที่ 92 ตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (3)
ไม่มีใครเชื่อว่าจวินอู๋เสียจะสามารถหลอมเม็ดยาน้ำค้างหยกขึ้นมาได้ ดังนั้นการจะพิสูจน์ว่าเม็ดยาเป็นของจริงหรือไม่นั้นจึงไม่จำเป็นเลย
จวินอู๋เสียชำเลืองมองมั่วเฉี่ยนยวนแวบหนึ่ง หากไป๋อวิ๋นเซียนดึงดันปฏิเสธไม่ยอมตรวจสอบเม็ดยา อันที่จริงนางก็หาวิธีบีบบังคับอีกฝ่ายเอาไว้แล้ว แต่ตอนนี้เมื่อมั่วเฉี่ยนยวนยื่นมือเข้ามาแทรก นางจึงไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงอีก
ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวและแน่วแน่ของมั่วเฉี่ยนยวน ไป๋อวิ๋นเซียนจึงได้แต่ต้องจำใจพิสูจน์เม็ดยานั่นเพื่อที่จะได้ไม่ลากสำนักชิงอวิ๋นเข้ามาเสื่อมเสียด้วย แต่ลึกๆ ภายในใจแล้ว ไป๋อวิ๋นเซียนเกลียดชังจวินอู๋เสียและมั่วเฉี่ยนยวนเข้ากระดูกดำ ไม่เคยมีใครกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับนางมาก่อนเลย
ไป๋อวิ๋นเซียนยิ้มเย็น จากนั้นก็เปิดฝาขวดกระเบื้องเคลือบนั้นออก
ทันทีที่ฝาของขวดกระเบื้องเคลือบถูกดึงออกไป กลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ มันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยยิ่งนัก เหมือนกับกลิ่นของเม็ดยาน้ำค้างหยกที่ตกลงพื้นไปเมื่อสักครู่ไม่ผิดเพี้ยน!
ไป๋อวิ๋นเซียนหน้าถอดสีในทันที ดวงตาของนางเบิกกว้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“นี่ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน…” ในฐานะศิษย์เอกของสำนักชิงอวิ๋น ไป๋อวิ๋นเซียนหลอมเม็ดยาน้ำค้างหยกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางสามารถพูดได้เลยว่านางคุ้นเคยกับกลิ่นของเม็ดยาน้ำค้างหยกเป็นที่สุด
กลิ่นจากขวดนี้ เหตุใดถึงได้เหมือนกับเม็ดยาน้ำค้างหยกปานนี้
สีหน้าตกใจของไป๋อวิ๋นเซียน ทำให้มั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่นั่งอยู่ข้างกันเหยียดหลังตรงขึ้นอย่างเครียดขึงและไม่สบายใจ
“เป็นอย่างไรบ้าง” จวินอู๋เสียถามกลับพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขอบถ้วยชาแตะสัมผัสไปกับริมฝีปากบางอย่างช้าๆ จวินอู๋เสียดื่มชาอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่อนาทรร้อนใจสักนิด
“รอข้าตรวจสอบให้เสร็จก่อนค่อยว่ากัน” ไป๋อวิ๋นเซียนกัดฟันแน่น
เม็ดยามันวาวคล้ายกับหยกขาวกลิ้งออกมาจากขวดในมือของนาง มันไม่ต่างไปจากเม็ดยาที่กระจายเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นเลย ไป๋อวิ๋นเซียนยิ่งพลิกมองเม็ดยาพวกนั้นเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น ความหวาดกลัวค่อยๆ เกาะกุมไปทั้งหัวใจของนาง
นี่มันคือเม็ดยาน้ำค้างหยกอย่างไม่ต้องสงสัย!
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน…” ริมฝีปากของไป๋อวิ๋นเซียนสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ นางไม่อยากจะเชื่อผลการพิสูจน์ของตัวเองเลย
เมื่อมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเห็นแววตาที่ตื่นตะลึงของไป๋อวิ๋นเซียน หัวใจของเขาก็สะท้านเฮือก เขารีบลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นก็กล่าวออกไปอย่างเป็นนัยว่า “ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์และกลิ่นจะเหมือนกัน แต่อย่างไรยาพวกนี้ก็เป็นของปลอม อวิ๋นเซียนเจ้าอย่าได้โกรธเคืองไปเลยนะ จวินอู๋เสียกล้าหลอกเจ้าและดูหมิ่นสำนักชิงอวิ๋นขนาดนี้ ข้าสัญญาว่าจะคืนความเป็นธรรมให้เจ้าอย่างแน่นอน”
จะให้ไป๋อวิ๋นเซียนยอมรับว่าเม็ดยาน้ำค้างหยกพวกนี้เป็นของจริงไม่ได้เป็นอันขาด!
ไป๋อวิ๋นเซียนชะงักไปครู่หนึ่ง นางมองไปที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่มีเจตนาชี้นำนางก่อนจะดวงตาสว่างวาบ พลันฉุกคิดขึ้นได้
ใช่แล้ว! เม็ดยาน้ำค้างหยกพวกนี้จะเป็นของจริงหรือไม่นั้นล้วนขึ้นอยู่กับคำพูดของนาง หากนางบอกว่ามันเป็นของปลอม ต่อให้มันเป็นของจริง มันก็ต้องเป็นของปลอม!
ทันทีที่ไป๋อวิ๋นเซียนคิดได้ นางก็สงบสติอารมณ์ลง จากนั้นก็หันกลับมาสวมสีหน้าเย็นชาสูงส่งอันเป็นปกติของนางอีกครั้ง
“คุณหนูจวิน นี่ไม่ใช่เม็ดยาน้ำค้างหยกของสำนักชิงอวิ๋นของข้า”
“เหอะ ลูกศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋น ที่แท้ก็มีสันดานเป็นเช่นนี้” จวินอู๋เสียกวาดตามองไปทั่วใบหน้าที่พยายามจะรักษาความสงบและเยือกเย็นของไป๋อวิ๋นเซียนด้วยแววตาเย็นยะเยียบ
หัวใจของไป๋อวิ๋นเซียนรู้สึกหนาวสะท้านเมื่อได้เห็นสายตาคู่นั้น
“ถ้าหากว่านี่ไม่ใช่เม็ดยาน้ำค้างหยก เช่นนั้นพวกมันคือสิ่งใดรึ” จวินอู๋เสียเอียงศีรษะถามเล็กน้อย นางจ้องมองไปที่ไป๋อวิ๋นเซียนโดยตรง
“ก็แค่ก้อนสมุนไพรหอมที่บดรวมกันปั้นเป็นเม็ดเท่านั้น พวกมันเรียกว่าเม็ดยาไม่ได้ด้วยซ้า” ไป๋อวิ๋นเซียนเถียงกลับคอเป็นเอ็น
“โอ้” ดวงตาของจวินอู๋เสียมีประกายแสงอันตรายวาบผ่าน
“คุณหนูจวิน หากเจ้ายังคิดที่จะใช้ลูกไม้แทนไข่มุกด้วยลูกตาปลา[1] อีก เช่นนั้นข้าก็ต้องบอกเจ้าว่าเจ้าดูถูกข้ามากเกินไปแล้ว” ไป๋อวิ๋นเซียนกล่าวด้วยเสียงต่ำ เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียไม่ได้โต้แย้งกลับมา นางก็คิดว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของนางแล้ว
จวินอู๋เสียเพียงขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถเล็กน้อย นางลูบขนเจ้าแมวดำตัวน้อยอย่างสงบ ก่อนจะเอ่ยขัดไป๋อวิ๋นเซียนที่กำลังจะกล่าววาจาแสดงความเย่อหยิ่งของนางต่อไปว่า “ข้าส่งไปให้ฮ่องเต้แล้วขวดหนึ่ง”
ไป๋อวิ๋นเซียนอ้าปากค้าง มุมปากกระตุกอย่างสมบูรณ์
นางพูดว่าอย่างไรนะ!
“ตอนนี้ หมอหลวงน่าจะตรวจพิสูจน์ยาเสร็จเรียบร้อยแล้วกระมัง และเม็ดยานั่นก็คงถูกนำขึ้นถวายฮ่องเต้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” จวินอู๋เสียช้อนตาขึ้นมองใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษและแข็งทื่อประหนึ่งซากศพเดินได้ของไป๋อวิ๋นเซียน
ริมฝีปากของไป๋อวิ๋นเซียนสั่นระริก ร่างกายโอนเอนแทบจะเป็นลมล้มตึงไปอยู่รอมร่อ
ใบหน้าของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเองก็ดำคล้ำน่าเกลียดไม่ต่างกัน เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจวินอู๋เสียจะยังซ่อนไพ่เด็ดเช่นนี้เอาไว้อยู่ด้วย!
……………
[1] แทนไข่มุกด้วยลูกตาปลา หมายถึงการนำของปลอมมาแอบอ้างว่าเป็นของจริง หรือแอบอ้างว่าเป็นของดีเพื่อเจตนาให้ผู้อื่นสับสนเข้าใจผิด