ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 923 เปิดม่าน (7) ตอนที่ 924 เปิดม่าน (8)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 923 เปิดม่าน (7) ตอนที่ 924 เปิดม่าน (8)
ตอนที่ 923 เปิดม่าน (7) / ตอนที่ 924 เปิดม่าน (8)
ตอนที่ 923 เปิดม่าน (7)
ฮ่องเต้ยิ่งขมวดพระขนงแน่นขึ้นไปอีก ตรัสว่า “เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุดว่าเรารู้สึกอย่างไรกับเหลยฝาน ตลอดหลายปีมานี้ลูกฝานเติบโตขึ้นมาข้างกายเจ้า และเราก็เห็นว่าเจ้าห่วงใยลูกฝานมากมายนัก แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าก็ได้ยินหมอหลวงพูดชัดเจนแล้วนี่ ถ้าเราไม่ให้โลหิตของเรา ลูกฝานต้องตายแน่ๆ!”
พระพักตร์ของฮองเฮาเต็มไปด้วยพระอัสสุชล พระนางยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น
เรื่องที่ฮ่องเต้ตั้งพระทัยจะช่วยเหลยฝานนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับพระนาง แต่พระนางไม่อาจปล่อยให้พระองค์ทำเช่นนั้นได้ ถ้าเหลยฝานเป็นโอรสของฮ่องเต้จริงๆ พระนางย่อมปรารถนาให้ฮ่องเต้ช่วยชีวิตเหลยฝานมากกว่าอะไรทั้งหมด แต่ความจริงแล้ว ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพระนางว่าใครคือบิดาที่แท้จริงของเหลยฝาน!
ถ้าฮ่องเต้ยอมสละโลหิตของพระองค์และเหลยฝานได้กินเข้าไป แล้วถอนโอสถพิษในตัวเหลยฝานไม่ได้ ฮ่องเต้ย่อมต้องพบว่าเรื่องนี้น่าสงสัยอย่างแน่นอน และด้วยนิสัยขี้ระแวงของฮ่องเต้ ความลับเรื่องชาติกำเนิดของเหลยฝานจะต้องถูกฮ่องเต้ค้นพบโดยเร็วแน่
ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแต่เหลยฝานจะไม่ปลอดภัย พวกเขาทุกคนคงได้ตายตามกันหมดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าฮองเฮาจะร้อนใจอยากช่วยเหลยฝานมากแค่ไหนก็ตาม พระนางก็รู้ว่าพระนางต้องห้ามฮ่องเต้ให้ได้ จะปล่อยให้พระองค์ให้โลหิตเหลยฝานไม่ได้เด็ดขาด!
“ฝ่าบาทเพคะ! พระองค์ก็ทรงรู้จักนิสัยลูกฝานดี เขาเป็นเด็กกตัญญูมาตั้งแต่เล็ก ถ้าเขารู้ว่าพระองค์ทำร้ายพระวรกายตัวเองเพื่อช่วยเขาละก็ เขาจะต้องเกลียดตัวเองแน่ๆ! ได้โปรดทบทวนเรื่องนี้ใหม่ด้วยเถิดเพคะ! หม่อมฉันเคยได้ยินเรื่องพิษสายโลหิตนี้มาก่อน เห็นว่ามันมีวิธีถอนพิษมากกว่าหนึ่งวิธีนะเพคะ ทำไมเราไม่ให้หมอหลวงประคองอาการของลูกฝานเอาไว้ก่อน แล้วให้หม่อมฉันปรึกษาหมอในเมืองหลวงเพื่อหาวิธีรักษา เราอาจจะพบหนทางที่ดีกว่านี้นะเพคะ!” ฮองเฮาคร่ำครวญพร้อมกับทอดพระเนตรไปที่ฮ่องเต้อย่างกระสับกระส่ายร้อนรน
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วนิ่วหน้า ปริมาณโลหิตที่ต้องการนั้นมากโขอยู่ ทำให้พระองค์ตัดสินพระทัยได้ลำบาก คำพูดของฮองเฮายิ่งทำให้พระองค์ลังเล และในขณะที่ลังเลอยู่นั้นเอง เหลยฝานที่นอนอยู่บนแท่นบรรทมก็ได้สติขึ้นมา เขาเริ่มพึมพำอะไรบางอย่าง
ฮองเฮาหันพระพักตร์ไปทันทีและเห็นเหลยฝานลืมตาขึ้นช้าๆ พระนางดึงชายกระโปรงขึ้นและวิ่งไปที่ข้างแท่นบรรทมพร้อมกับตรัสทั้งพระอัสสุชลว่า “ลูกฝานของแม่ ใครกันใจร้ายนัก ให้เจ้ากินพิษสายโลหิตที่ต้องใช้การถ่ายโลหิตจากบิดาแท้ๆ ของเจ้าเพื่อช่วยชีวิตเจ้า ลูกฝาน เสด็จพ่อของเจ้ายอมถ่ายโลหิตให้เจ้านะ แล้วมันต้องใช้โลหิตตั้งสามชาม! โธ่ ลูกแม่…”
ฮองเฮาร้องไห้คร่ำครวญและตรัสไม่หยุด พระนางพยายามบอกใบ้ให้เหลยฝานรู้
เนื่องจากเสียโลหิตไปมาก เหลยฝานจึงยังคงเบลอๆ อยู่ เขารู้สึกมึนหัวมาก แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ยินฮองเฮาตรัสถึง ‘เสด็จพ่อ’ อย่างชัดเจน
ตอนนั้นเองที่ในหัวของเขาย้อนคิดไปถึงคำพูดของบุรุษชุดดำที่พูดเอาไว้ก่อนจากไป
มีเพียงโลหิตจากบิดาที่แท้จริงของเจ้าเท่านั้นที่ช่วยชีวิตเจ้าได้
เท่านั้นเองเขาก็เข้าใจสิ่งที่ฮองเฮาพยายามบอกใบ้เขาทันที เหลยฝานพยายามดิ้นรนลุกขึ้นจนเจ็บไปทั่วร่าง หมอหลวงเข้ามาช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้นนั่ง เขามองฮ่องเต้ด้วยใบหน้าซีดขาว
“เสด็จพ่อ! เสด็จพ่ออย่าแม้แต่จะคิดทำเช่นนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ! ถ้าลูกเป็นต้นเหตุให้เสด็จพ่อต้องทำร้ายตัวเองละก็ ลูกคงละอายจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อีกแล้ว! ได้โปรดเถิดเสด็จพ่อ เชื่อในความสามารถของหมอหลวงแล้วให้พวกเขาหาวิธีอื่นรักษาลูกเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อเห็นโอรสที่ตอนนี้โดนพิษจนร่างกายอ่อนแอยังคงห่วงใยปกป้องพระองค์ และเต็มใจที่จะยืดเวลาถอนพิษออกไปเพื่อพระองค์ ฮ่องเต้ก็รู้สึกตื้นตันพระทัยมาก พระองค์รู้สึกว่าเหลยฝานช่างสมกับเป็นพระโอรสของพระองค์กับสตรีที่พระองค์รักจริงๆ อ่อนไหวและห่วงใยใส่ใจเหมือนมารดาไม่มีผิด
ตอนที่ 924 เปิดม่าน (8)
“ลืมมันเสีย ในเมื่อทั้งเจ้าและมารดาเจ้ายืนกรานขนาดนี้ เราก็จะไม่ฝืนทำแล้ว แต่เราจะยอมให้เวลาเจ้าแค่ครึ่งวันเท่านั้น ถ้าภายในครึ่งวันพวกหมอหลวงยังไม่สามารถหาวิธีรักษาอื่นได้ เราก็ต้องทำตามที่หมอหลวงพูด” ฮ่องเต้รับสั่งเป็นเชิงบังคับ แต่สายพระเนตรของพระองค์เต็มไปด้วยความห่วงใยเหลยฝานอย่างลึกซึ้ง
อย่างไรก็ตามเหลยฝานตอนนี้ไม่อาจจะสนใจว่าฮ่องเต้จะรักเขามากขึ้นหรือเปล่าได้ หลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว
“เพคะ” ฮองเฮาตรัสขึ้นโดยเร็ว พระนางกลัวมากว่าฮ่องเต้จะกลับคำขึ้นมากะทันหัน
เมื่อฮ่องเต้เห็นเหลยฝานได้สติขึ้นมาแล้ว สีพระพักตร์ของพระองค์ก็ดีขึ้น และเพื่อให้เหลยฝานได้พักผ่อนอีกสักหน่อย รวมทั้งพวกหมอหลวงจะได้ทำการรักษาต่อ ฮ่องเต้จึงออกจากตำหนักของฮองเฮาพร้อมกับสยงป้าและคนอื่นๆ
หลังจากออกมาจากตำหนัก ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า “ก่อนที่จะจับตัวคนร้ายได้ วังหลวงจะถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าออก เราขอให้พวกท่านพำนักอยู่ที่วังหลวงชั่วคราว พอจับตัวคนร้ายได้แล้วพวกท่านค่อยกลับไป”
สยงป้าพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร ฮ่องเต้ก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกับพวกสยงป้าเช่นกัน พระองค์จึงสั่งให้ขันทีจัดเตรียมสถานที่ให้พวกเขาได้พักผ่อน
ขันทีได้เดินมากับพวกเขาตลอดทาง ดังนั้นแม้สยงป้าจะมีคำถามมากมายอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่พูดออกไป เขาจ้องมองจวินอู๋เสียอย่างไม่ยอมละสายตา จนกระทั่งพวกเขาถูกพาเข้ามายังที่พักและขันทีกลับออกไปแล้ว สยงป้าที่ทนเก็บความสงสัยและความร้อนใจเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไปก็ตรงเข้ามายืนตรงหน้าจวินอู๋เสีย
“คุณชายจวิน! ถึงข้าจะสัญญากับคุณหนูใหญ่ว่าจะพาท่านเข้ามาในวังหลวง แต่ข้าไม่ได้รับปากว่าจะช่วยท่านทำร้ายองค์ชายนะ ท่านเล่นทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ ถ้าฮ่องเต้ทรงรู้เข้า มันจะทำให้เมืองพันอสูรเดือดร้อนไปด้วย! ท่านรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าท่านทำอะไรลงไป”
จวินอู๋เสียมองสยงป้าอย่างเฉยเมย ความโกรธของสยงป้าเป็นสิ่งที่นางคิดเอาไว้อยู่แล้ว “ท่านหัวหน้าตึกสยงคิดว่าข้าเป็นคนทำให้องค์ชายเป็นแบบนั้นอย่างนั้นหรือ”
สยงป้าพูดว่า “นอกจากท่านแล้วจะมีใครอีกเล่า”
จวินอู๋เสียออกไปพร้อมกับเหลยฝาน แล้วเหลยฝานก็โดนทำร้ายทันที นั่นมันมากเกินกว่าจะเป็นความบังเอิญแล้วในสายตาของสยงป้า
จวินอู๋เสียตอบว่า “ท่านหัวหน้าตึกสยงคิดว่าถ้าข้ามีความสามารถพาคนเข้ามาในวังหลวงได้ รวมทั้งทำร้ายองค์ชายสี่ต่อหน้าทหารมากมายแล้วยังป้อนโอสถพิษให้กินได้อีกด้วย ถ้าอย่างนั้นข้าจะรบกวนท่านให้ช่วยพาข้าเข้ามาในวังหลวงทำไม”
คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้สยงป้าอึ้งไปชั่วขณะ เวลาที่เหลยฝานโดนโจมตีมันบังเอิญมากเกินไป สยงป้าจึงโยงเข้ากับจวินอู๋เสียโดยไม่ลังเลเลย แต่จากคำบอกเล่าของพวกขันที บุรุษที่โจมตีเหลยฝานมีความสามารถสูงมาก นอกจากจะหลบการตรวจจากทหารลาดตระเวนได้แล้ว เขายังจับองค์ชายเป็นตัวประกันต่อหน้าทหารจำนวนมาก เรื่องเช่นนี้ต่อให้เป็นสยงป้าเองก็ไม่สามารถทำได้
“ไม่ใช่ท่านจริงๆ หรือ” สยงป้าถามอย่างลังเลพลางมองไปที่จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียยักไหล่ “ใช่หรือไม่ใช่ ท่านหัวหน้าตึกสยงอยากเชื่อเช่นไรก็แล้วแต่ท่านเถอะ”
ยิ่งจวินอู๋เสียใจกว้าง สยงป้าก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาใจแคบและระแวงมากเกินไป เขารู้สึกละอายใดกรจเล็กน้อย จึงรีบขอโทษจวินอู๋เสียทันที แต่ดูเหมือนจวินอู๋เสียจะไม่ใส่ใจหรือถือโทษโกรธเคืองอะไรสยงป้า
ในทางตรงกันข้าม สยงป้าที่ถูกจวินอู๋เสียเบี่ยงเบนไปได้ง่ายๆ ด้วยคำพูดไม่กี่คำนั้น ไม่ได้สังเกตเลยว่าจวินอู๋เสียไม่ได้ตอบคำถามเขาตรงๆ เลย แต่กลับตอบคำถามด้วยคำถามแทน โดยที่ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาเลย
“ข้าไม่คิดว่าเราจะมาเจอเรื่องแบบนี้ในวัง พิษสายโลหิตไม่ได้จัดว่าเป็นของหายากอะไรมากมาย แต่เดี๋ยวนี้น้อยคนนักที่สามารถปรุงมันได้สำเร็จ ไม่คิดเลยว่าชายแก่คนนี้จะมีชีวิตอยู่นานพอที่จะได้เห็นพิษสายโลหิตกับตาตัวเอง” เฟิงเย่ว์หยางพูดพร้อมกับถอนหายใจ
ส่วนจวินอู๋เสียก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ สายตาที่มองลงต่ำนั้นเป็นประกายเย็นเยียบ