ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 937 ตบหน้าครั้งที่สิบ (1) ตอนที่ 938 ตบหน้าครั้งที่สิบ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 937 ตบหน้าครั้งที่สิบ (1) ตอนที่ 938 ตบหน้าครั้งที่สิบ (2)
ตอนที่ 937 ตบหน้าครั้งที่สิบ (1) / ตอนที่ 938 ตบหน้าครั้งที่สิบ (2)
ตอนที่ 937 ตบหน้าครั้งที่สิบ (1)
แต่ขวดโอสถที่เหลยเชินให้เหลยชิว ได้ทำลายความหวังสุดท้ายของฮองเฮาลงจนหมดสิ้น
เหลยชิวไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเหลยเชินจึงทำเช่นนี้
เหลยเชินเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง เขามองพวกทหารที่กรูกันเข้าในท้องพระโรงและล้อมเขากับเหลยฝานเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เขาหัวเราะอย่างขมขื่นในใจ
ฮ่องเต้ได้ยินความลับเรื่องชาติกำเนิดของเหลยฝานจากปากของฮองเฮาเองแล้วอย่างชัดเจนเต็มสองหู แต่พระองค์ก็ยังเลือกที่จะเชื่อเหลยฝานเพียงเพราะใบหน้าจอมปลอมนั้น แต่พอฮองเฮาเปิดเผยเรื่องชาติกำเนิดของเขาบ้าง ฮ่องเต้กลับไม่สงสัยอะไรเลยสักนิด และไม่ลังเลหรือระแวงอะไรเลยแม้แต่น้อย พระองค์ตัดสินเขาว่าผิดในทันที
ไม่ถาม ไม่สงสัย ไม่พยายามพิสูจน์อะไรเลย เชื่อไปหมดทุกอย่าง!
แต่ก็อย่างที่คาดไว้ ในพระทัยของฮ่องเต้ เขาไม่มีความสำคัญอะไรมาตั้งแต่ต้นแล้ว
เศษเสี้ยวความปรารถนาเล็กๆ ในหัวใจที่หวังว่าจะมีความผูกพันระหว่างบิดาและบุตรอยู่บ้างพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
ทหารเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ เหลยเชินและกำลังจะจับตัวเขาไป
แต่ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงกระจ่างใสเจือเย็นชาก็ดังขึ้นในท้องพระโรง
“ฝ่าบาทช่างสั่งลงโทษได้เด็ดขาดและโหดเหี้ยมจริงๆ”
“นั่นใคร” ฮ่องเต้ที่เหน็ดเหนื่อยไปทั้งพระวรกายและพระหทัยหันไปมองตามเสียงนั้น และพระองค์ก็ได้เห็นคนที่หายตัวไปนาน ‘จวินเสีย’ กำลังยืนอยู่ที่มุมท้องพระโรง ไม่มีใครสังเกตเห็นตอนที่อีกฝ่ายเข้ามาในท้องพระโรงเลยสักคน!
ทันทีที่เห็นจวินอู๋เสีย ฮ่องเต้ก็อ้าพระโอษฐ์ค้าง สายพระเนตรเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“จวินเสีย! เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร!” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองจวินอู๋เสียพลางร้องถามเสียงสูง
จวินอู๋เสียเดินไปที่กลางท้องพระโรงช้าๆ แล้วกวาดสายตามองความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงนั้น จากนั้นนางก็พูดขึ้นเสียงเนิบ ดูเหมือนไม่รีบร้อนว่า “กระหม่อมได้ยินว่าฝ่าบาททรงกำลังตามหาตัวกระหม่อมอยู่ กระหม่อมก็เลยมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“หยวนเปียว! หยวนเปียว! จับมัน!” ฮ่องเต้ลุกพรวดขึ้นและร้องตะโกน จวินอู๋เสียคือหนามยอกอกของพระองค์! พระองค์จะรู้สึกมั่นคงปลอดภัยขึ้นก็ต่อเมื่อจวินอู๋เสียถูกกำจัดไปแล้ว และพระองค์ชิงเอาพระธำมรงค์ของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนกลับมาจากเขาแล้วเท่านั้น
หยวนเปียวพุ่งเข้าใส่จวินอู๋เสียทันที!
แต่ก่อนที่หยวนเปียวจะเข้าถึงตัวจวินอู๋เสีย ร่างสีขาวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าจวินอู๋เสีย จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือเข้าใส่หยวนเปียวที่พุ่งเข้ามาส่งเขาลอยขึ้นไปในอากาศ!
หยวนเปียวตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรงและกระอักโลหิตออกมา
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมชุดสีขาวทั้งตัวยืนอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย แก้มทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มคนนั้นขึ้นสีชมพูเรื่อๆ คล้ายคนเมา
“อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำมาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้เวลาออกมายืดเส้นยืดสายสักที” บัวหิมะมัวเมากวักมือเรียกหยวนเปียว เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสพลางมองหยวนเปียวที่กำลังกระอักโลหิต
“กระจอกอย่างเจ้า คิดว่าจะแตะต้องเจ้านายของข้าได้อย่างนั้นหรือ”
แม้ว่าหยวนเปียวจะไม่ใช่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในรัฐเหยียน แต่ก็จัดได้ว่าแข็งแกร่งมาก ไม่มีใครคิดว่าผู้บัญชาการกองทหารราชองครักษ์หลวงจะถูกเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างเพรียวบางดูอ่อนแอทำให้ล้มได้ด้วยการลงมือแค่ครั้งเดียว และถึงขั้นกระอักโลหิตออกมาจากการโจมตีครั้งเดียวนั้น! นั่นมันน่าเหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว
ฮ่องเต้ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี ตอนนั้นเองพระองค์ก็เห็นเหลยเชินเดินไปยืนอยู่ข้างจวินอู๋เสีย
“เหลยเชิน!”
เหลยเชินยืนข้างๆ จวินอู๋เสียอย่างเงียบๆ
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้น มองฮ่องเต้ก่อนจะเบนสายตาไปมองอัครเสนาบดีที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น เหลยฝานที่นอนตัวงอด้วยความเจ็บปวดอยู่ และฮองเฮาที่มีสีหน้ามุ่งร้าย จากนั้นนางก็พูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท พอพระทัยกับการแสดงที่กระหม่อมจัดเตรียมไว้ให้วันนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ…” ฮ่องเต้รู้สึกไม่สบายพระทัยขึ้นมาทันที ลางสังหรณ์รุนแรงทำให้พระองค์ปวดพระเศียรจนแทบทรงตัวไม่อยู่
ตอนที่ 938 ตบหน้าครั้งที่สิบ (2)
สายตาเย็นชาของจวินอู๋เสียตวัดมองไปที่พระพักตร์ของฮ่องเต้ นางถามเสียงเบาว่า “ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ตัวแข็งทื่อ พระองค์ทอดพระเนตรมองไปที่ความโกลาหลวุ่นวายในท้องพระโรง ฮองเฮากับขุนนางที่พระองค์ทรงไว้วางพระทัยมากที่สุดทรยศพระองค์ และพระโอรสทั้งสองคนของพระองค์ก็ไม่ใช่สายโลหิตแท้ๆ…
ทันใดนั้นดวงเนตรของฮ่องเต้ก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกพระทัย พระองค์หันไปทอดพระเนตรจวินอู๋เสียช้าๆ แล้วก็ผุดลุกขึ้นจากบัลลังก์ทันที!
“เป็นเจ้า! เจ้าจัดการทุกอย่าง! ใช่หรือไม่!”
จวินอู๋เสียไม่ปฏิเสธ นางพยักหน้ารับอย่างไม่สะทกสะท้าน
ฮ่องเต้รู้สึกเย็นวาบไปทั้งพระวรกาย
“เจ้าคนชั่ว! เจ้ามันร้ายกาจที่สุด!”
แต่จวินอู๋เสียก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร นางพูดว่า “ฝ่าบาทอย่าเข้าใจผิดสิ ทุกอย่างเป็นความจริงนะ ที่กระหม่อมทำก็แค่ขุดเอาความจริงที่ซ่อนอยู่ออกมาให้ฝ่าบาทได้รู้ กระหม่อมช่วยเปิดเผยแผนร้ายทั้งหมดในวังหลังของฝ่าบาทให้แบบนี้ ฝ่าบาทไม่คิดจะขอบคุณกระหม่อมหน่อยหรือ”
โทสะของฮ่องเต้ขึ้นมาจุกอยู่ที่กลางพระอุระ พระองค์ไม่ตอบคำถามนั้นขณะที่พระหัตถ์เริ่มสั่นและยืนแข็งค้างอยู่กับที่
ขอบคุณมันเรอะ
มันยังมีหน้ามาหวังให้เราขอบคุณมันอีกเรอะ!
ความจริงที่น่าเกลียดน่าขยะแขยงนี้ ได้ทำลายชีวิตที่มั่นคงของพระองค์จนหมดสิ้นแล้ว ฮองเฮาของพระองค์ พระโอรสของพระองค์ ข้ารับใช้ที่พระองค์ทรงไว้วางพระทัยมากที่สุด ทุกคนทรยศพระองค์ในวันเดียว แล้วพระองค์ก็พบว่าพระองค์กับพระโอรสสองคนของพระองค์ ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแบบบิดาและบุตรอีกต่อไป ความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมานี้ ทุกเรื่องทำร้ายจิตใจของพระองค์เป็นอย่างมาก เรื่องแต่ละเรื่องล้วนเกินกว่าที่จะรับไหวสำหรับมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง แล้วจวินอู๋เสียก็เปิดเผยพวกมันทั้งหมดออกมาภายในวันเดียว!
ไม่มีการเตือน ไม่มีเวลาให้เตรียมใจใดๆ เลย มันสาดความจริงใส่หน้าของพระองค์ในทันที!
“ทหาร! ฆ่ามัน! ฆ่ามันเดี๋ยวนี้!” ตอนนี้คนที่ฮ่องเต้อยากสังหารมากที่สุดไม่ใช่ฮองเฮา ไม่ใช่อัครเสนาบดี และไม่ใช่เหลยฝานด้วย แต่เป็นจวินอู๋เสีย!
ทหารในท้องพระโรงได้สติกลับมาเมื่อได้ยินเสียงตวาดของฮ่องเต้ ทุกคนพุ่งเข้าใส่จวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างหลังบัวหิมะมัวเมาอย่างดุร้าย
จวินอู๋เสียมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสงบและใจเย็น แล้วจู่ๆ นางก็ดึงเอาก้อนกลมสีขาวออกมาและโยนมันเข้าใส่พวกทหาร!
ทันใดนั้นเจ้าก้อนกลมสีขาวก็ส่องแสงสว่างจ้า แสงนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เรียกว่าอภิมหาใหญ่!
แล้วแสงจ้าแสบตานั้นก็ค่อยๆ จางหายไป
สัตว์วิญญาณสีขาวขนาดยักษ์ปรากฏตัวขึ้นกลางท้องพระโรง! มันสูงจนน่าตกใจ ร่างของมันทะลุหลังคาท้องพระโรงจนล้ำออกไปข้างนอก!
เศษหินเศษปูนร่วงหล่นลงมาจากด้านบน ตกใส่พวกทหารที่อยู่รอบๆ ร่างขนาดมหึมาของมันกลายเป็นกำแพงกั้นที่ไม่อาจผ่านไปได้ระหว่างพวกทหารกับจวินอู๋เสีย!
พวกทหารพากันสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นสัตว์วิญญาณขนาดยักษ์ตรงหน้า มือที่จับดาบเอาไว้เริ่มสั่นกันเป็นแถว
พวกเขาไม่เคยเห็นสัตว์วิญญาณขนาดยักษ์แบบนี้มาก่อนเลย!
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกลับสู่ร่างเดิมของมัน มันขยับตัวเล็กน้อย และในชั่วพริบตา หางอันรวดเร็วว่องไวของมันก็สะบัดฟาดเอาทหารทุกคนออกไปจากท้องพระโรง!
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น! ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะรีบออกจากท้องพระโรงแล้วไปยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกประตู กันไม่ให้พวกทหารเข้าไปในท้องพระโรงได้แม้แต่ก้าวเดียว!
ฮ่องเต้อ้าพระโอษฐ์ค้าง ทอดพระเนตรมองสัตว์วิญญาณขนาดยักษ์ตัวนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา ทหารร้อยกว่าคนถูกโยนออกไปจากท้องพระโรงในชั่วพริบตา ในท้องพระโรงตอนนี้นอกจากหยวนเปียวที่โดนบัวหิมะมัวเมาซัดจนบาดเจ็บสาหัสและยังนอนกองอยู่ที่พื้น ก็ไม่มีทหารคนอื่นเหลืออยู่ข้างในเลยสักคน
“จวินเสีย! เจ้าคิดจะทำอะไร อย่าบอกนะว่าเจ้าจะปลงพระชนม์เรา ฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนผู้นี้” เมื่อเห็นคนที่พระองค์คิดจะพึ่งพาให้ช่วยปกป้องหายไปหมดแล้ว พระพักตร์ของฮ่องเต้ก็ซีดขาวในทันที!