ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 965 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (3) / ตอนที่ 966 ความโหดร้ายในการประลอง (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 965 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (3) / ตอนที่ 966 ความโหดร้ายในการประลอง (1)
ตอนที่ 965 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (3) / ตอนที่ 966 ความโหดร้ายในการประลอง (1)
ตอนที่ 965 ลานประลองสัตว์วิญญาณ (3)
ถ้าเอาชนะสิบอันดับแรกได้สำเร็จและคงตำแหน่งอันดับหนึ่งโดยไม่แพ้ผู้ท้าชิงคนไหนเลยเป็นเวลาสิบวัน ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นก็จะได้รางวัลจากลานประลองสัตว์วิญญาณเป็นกำไลสะกดอสูรที่สามารถทำให้สัตว์วิญญาณระดับต่ำเชื่องได้
เมื่อได้รับกำไลสะกดอสูร พวกเขาจะสามารถเลือกเข้าร่วมเป็นสมาชิกของตึกใดตึกหนึ่งได้
ตึกทั้งสี่ของเมืองพันอสูรมีเกณฑ์ในการเลือกสมาชิกที่เข้มงวดมาก ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสนั้น ชวีเหวินเฮ่าต้องการค้นหาผู้มีพรสวรรค์สูงในเมืองพันอสูร และไม่ต้องการให้ผู้มีพรสวรรค์คนใดถูกมองข้ามไป ดังนั้นเขาจึงก่อตั้งลานประลองสัตว์วิญญาณขึ้นในเมือง
กฎดูเผินๆ เหมือนจะง่าย แต่เมื่อมีผู้คนมากมายมาท้าชิงซ้ำๆ การทำให้ตัวเองอยู่ที่อันดับหนึ่งเป็นเวลาสิบวันติดต่อกันในความเป็นจริงแล้วยากเย็นยิ่งนัก
ชิงอวี่อธิบายกฎพวกนี้ให้จวินอู๋เสียฟังขณะที่พาเด็กหนุ่มคนนี้ไปยังลานประลอง
ลานประลองสัตว์วิญญาณอยู่กลางเมืองพันอสูร มันมีพื้นที่กว้างขวางมาก ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงทางเข้าจะตรวจสอบทุกคนที่เข้าไปอย่างละเอียด
ในลานประลองสัตว์วิญญาณจะมีแต่การประลองระหว่างสัตว์วิญญาณเท่านั้น ห้ามใช้กลโกงใดๆ โดยเด็ดขาด ถ้าใครกล้าใช้วิธีผิดๆ เพื่อเอาชนะ ผู้กระทำความผิดที่ถูกจับได้ทุกคนจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ในกรณีที่ร้ายแรงมาก คนพวกนั้นจะถูกเนรเทศออกจากเมืองพันอสูร
ในฐานะที่ชิงอวี่เป็นรองหัวหน้าตึกเพลิงพิโรธ ทหารจึงจำเขาได้อย่างรวดเร็วและพากันทำความเคารพเขา
แต่พวกเขาก็ยังทำตามกฎของลานประลองอย่างเข้มงวด กระทั่งจวินอู๋เสียที่ชิงอวี่เป็นคนพามาก็ถูกตรวจสอบอย่างละเอียด หลังจากตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพวกเขาถึงได้ปล่อยให้เข้าไป
ลานประลองสัตว์วิญญาณนั้นเวทีประลองจะเปิดโล่งไม่มีหลังคา มีเพียงผู้เข้าชมที่นั่งอยู่รอบๆ เวทีประลองเท่านั้นที่มีหลังคาอยู่เหนือศีรษะ
สัตว์วิญญาณบางตัวที่คนเลี้ยงเป็นประเภทบินได้ ถ้ามีหลังคามันก็จะจำกัดความสามารถของสัตว์วิญญาณพวกนั้น เพื่อให้ยุติธรรมกับทุกคนเวทีประลองจึงไม่มีหลังคา ชิงอวี่อธิบายให้จวินอู๋เสียฟังพลางชี้ขึ้นไปที่ท้องฟ้าเหนือเวทีประลอง
จวินอู๋เสียสังเกตสถานการณ์ในลานประลองสัตว์วิญญาณอย่างเงียบๆ ทั้งลานประลองนั้นพูดได้ว่าเต็มความจุของมันเลยทีเดียว คนเมืองพันอสูรชื่นชอบการฝึกสัตว์วิญญาณ พวกเขาต่างอยากเอาผลงานจากความพยายามของตัวเองมาอวดต่อสายตาของทุกคนเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขามีพรสวรรค์ในการฝึกสัตว์วิญญาณ พื้นที่อื่นๆ ในเมืองพันอสูรห้ามเอาสัตว์วิญญาณมาต่อสู้กันเอง ทำให้ลานประลองสัตว์วิญญาณกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในเมืองพันอสูร
ผู้คนมากมายอุ้มสัตว์วิญญาณที่ตัวไม่ใหญ่นักนั่งรออยู่ด้านข้าง คนอื่นที่มีสัตว์วิญญาณตัวใหญ่เกินไปและสัตว์วิญญาณพวกนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้รออยู่ด้านข้างเหมือนพวกเขา แต่ต้องไปรอที่ห้องใต้ดินด้านล่างลานประลองสัตว์วิญญาณ พวกเขาต้องรออยู่ที่นั่นชั่วคราวจนถึงรอบประลองของพวกเขาถึงจะออกมาได้
ชิงอวี่กับจวินอู๋เสียหามุมที่ไม่เป็นเป้าสายตาแล้วนั่งลง บนเวทีประลองมีสัตว์วิญญาณระดับต่ำสองตัวกำลังสู้กันอย่างดุเดือด มีบาดแผลสองสามแห่งบนตัวพวกมัน และถึงแม้ลานประลองจะห้ามใช้กลโกงทุกชนิดทำร้ายสัตว์วิญญาณ แต่พวกเขาก็ไม่ได้กำหนดว่าสัตว์วิญญาณจะสู้กันไปจนถึงขั้นไหน ดังนั้นในการประลองจำนวนนับไม่ถ้วนจึงมีสัตว์วิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือกระทั่งตายปรากฏให้เห็นอยู่เป็นประจำ
ผู้คนมองดูสัตว์วิญญาณระดับต่ำสองตัวที่มีบาดแผลเต็มตัวแต่ยังสู้กันด้วยทุกสิ่งที่พวกมันมี กลิ่นคาวโลหิตที่กระจายไปในอากาศรวมกับภาพเลือดสาดตรงหน้าทำให้ผู้ชมรอบๆ ถูกกระตุ้นขึ้นมา พวกเขาตะโกนเชียร์เสียงดังอย่างตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายรื่นเริงจ้องมองการต่อสู้อันโหดร้ายบนเวทีโดยไม่ละสายตา
ตอนที่ 966 ความโหดร้ายในการประลอง (1)
คนที่นี่ชอบดูการต่อสู้แบบนี้ พวกเขาคิดว่ามันน่าตื่นเต้นมาก
จวินอู๋เสียมองสัตว์วิญญาณระดับต่ำสองตัวบนเวทีเงียบๆ สัตว์วิญญาณระดับต่ำมีจิตสำนึกต่ำ พวกมันแทบจะไม่มีความสามารถในการคิดหรือตัดสินใจ พวกมันแค่ตอบสนองไปตามสถานการณ์ตามสัญชาตญาณพื้นฐานของพวกมัน สัตว์วิญญาณพวกนั้นไม่รู้เลยสักนิดว่าการต่อสู้และฆ่ากันของพวกมันเป็นแค่การเอาชนะเพื่อความรุ่งโรจน์ของเจ้านายของมันเท่านั้น และเป็นแค่การแสดงให้ผู้ชมที่อยู่รอบๆ ดูอย่างสนุกสนาน
สำหรับสัตว์วิญญาณบนเวทีประลองนั้น พวกมันทุกตัวแค่ทำตามความต้องการของคนที่เลี้ยงมัน ถึงพวกมันจะไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่พวกมันก็ไม่ทางเลือกนอกจากกางเขี้ยวเล็บออกมาฉีกกระชากคู่ต่อสู้
เป็นความบันเทิงที่โหดเหี้ยมไร้ปรานีและชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด
จวินอู๋เสียยังคงขมวดคิ้ว นางเกลียดที่นี่จากก้นบึ้งของหัวใจเลยทีเดียว
ในที่สุดสัตว์วิญญาณตัวหนึ่งก็พ่ายแพ้ มันบาดสาหัสจนลุกขึ้นไม่ไหว ฝั่งผู้ชนะได้รับเสียงเชียร์จากฝูงชน เจ้านายของตัวที่ชนะกระโจนขึ้นมาบนเวทีและอุ้มสัตว์วิญญาณที่เต็มไปด้วยโลหิตไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดีปรีดา
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าสัตว์วิญญาณของเขาที่เอาชนะมาได้นั้นเต็มไปด้วยโลหิตทั้งตัว ที่สันหลังของมันมีบาดแผลลึกจนถึงกระดูก
สีหน้าของเจ้านายมีแต่ความยินดี ไม่มีร่องรอยของความเสียใจหรือเจ็บปวดเลยสักนิด
ที่นี่พวกมันก็เป็นแค่เครื่องมือ จู่ๆ จวินอู๋เสียก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา
ชิงอวี่มองจวินอู๋เสียอย่างงุนงง เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เด็กหนุ่มคนนี้ถึงพูดออกมาแบบนั้น
แต่จวินอู๋เสียก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
เป็นที่พูดกันไปทั่วว่าคนของเมืองพันอสูรนั้นรักสัตว์วิญญาณ แต่จากที่นางเห็นมันไม่ใช่แบบนั้นเลย ที่นางเห็นก็คือพวกเขาแค่ใช้สัตว์วิญญาณเป็นเครื่องมือให้ได้รับชัยชนะ ไม่ได้เป็นคู่หู พวกเขาฝึกสัตว์วิญญาณเพื่ออวดความสามารถ เพื่อให้ได้โอกาสที่จะมีอนาคตที่สดใส ไม่ได้รักสัตว์วิญญาณเลยสักนิด
ที่ไม่มีเหตุการณ์ทรมานสัตว์วิญญาณเกิดขึ้นก็แค่เพราะคำสั่งของเจ้าเมืองเท่านั้น
จวินอู๋เสียไม่เชื่อว่าในเวลาส่วนตัวที่ไม่มีสายตาของคนอื่นอยู่ด้วย คนพวกนี้จะปฏิบัติกับสัตว์วิญญาณของพวกเขาด้วยความรักใคร่เอาใจใส่
ถ้าพวกเขาทำ แล้วทำไมถึงได้เอาพวกมันมาประลองในการต่อสู้ที่โหดร้ายแบบนี้ ปล่อยให้พวกมันทำร้ายตัวเองอย่างไม่ใส่ใจแบบนี้
ที่นี่คือตัวอย่างของความเห็นแก่ตัวและการเสแสร้งหลอกลวงของพวกมนุษย์ ท่ามกลางเสียงเชียร์อันดังก้องไปทั่วลานประลอง มีเพียงจวินอู๋เสียคนเดียวที่มองดูสัตว์วิญญาณที่เหน็ดเหนื่อยหมดแรงทั้งสองตัว ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ในใจของนางรู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างมาก
สัตว์วิญญาณที่ควรจะอยู่อย่างอิสระตามธรรมชาติ แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวของพวกมนุษย์ พวกมันจึงถูกลักพาตัวมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ถูกคนเลี้ยงอยู่หลายปีจนสูญเสียธรรมชาติของพวกมันและกลายเป็นเครื่องมือสร้างความรุ่งโรจน์ให้พวกมนุษย์
มันน่าเศร้ามากจริงๆ
ถ้าไม่ใช่ว่าที่นี่มีกำไลสะกดอสูรอยู่ละก็ จวินอู๋เสียคงไม่อยู่ในสถานที่ที่เลวทรามต่ำช้าน่าขยะแขยงเช่นนี้ต่อสักนาทีเดียว!
เจ้าแมวดำตัวน้อยรับรู้ถึงความไม่พอใจของจวินอู๋เสียได้ มันยกอุ้งเท้าขึ้นลูบบ่าของจวินอู๋เสียอย่างอ่อนโยน
จวินอู๋เสียหันหน้าไปมองเจ้าแมวดำตัวน้อยและมันก็ร้องเหมียวออกมาเบาๆ
จวินอู๋เสียยกมือขึ้นตบหัวเจ้าแมวดำตัวน้อยเบาๆ เพื่อให้คลายกังวล นางไม่ชอบสิ่งที่เห็น แต่นางก็ไม่ปล่อยให้มันส่งผลกระทบต่อตัวนางหรอก นางไม่ใช่เด็กเก็บตัวปิดกั้นตัวเองอีกต่อไปแล้ว นางเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งและปกป้องตัวเองกับคนที่นางห่วงใยด้วยวิธีของนาง
สัตว์วิญญาณที่ชนะไม่สามารถสู้ในรอบต่อไปได้เนื่องจากบาดแผลของมันสาหัสมาก ไม่นานสัตว์วิญญาณอีกสองตัวก็ถูกนำขึ้นมาบนเวทีเพื่อต่อสู้ในรอบถัดไป และเมื่อจวินอู๋เสียเห็นหนึ่งในสองตัวนั้น สายตาเย็นชาของนางก็เปลี่ยนเป็นโกรธจัดทันที!