ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 154
บทที่ 154 ขนมไหว้พระจันทร์
“แม่ขอโทษผมเหรอครับ?” เจ้าสามมองแม่ของเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
“แม่ทำผิดแล้ว แน่นอนว่าแม่ก็ต้องขอโทษ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่มันก็เหมือนกัน เมื่อใดที่ฝ่ายหนึ่งทำผิด พวกเขาต้องมีความกล้าที่จะยอมรับผิดและขอโทษน่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
“งั้นผมยกโทษให้แม่ครับ” เจ้าสามบอกพลางจ้องมองแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย
“งั้นก็ขอบใจเจ้าสามนะ” หลินชิงเหอดูเขาและเอ่ยขึ้น “ในเมื่อลูกไม่ชอบดื่มนมอีกแล้ว อย่างนั้นก็อย่าดื่มมันเลย”
“จริงเหรอครับ?” เจ้าสามเบิกตากว้าง
“จริงสิ” หลินชิงเหอยืนยัน
“ผมไม่อยากดื่มนม แต่ผมอยากกินหมั่นโถวนมนะครับ” เจ้าสามมองแม่และเอ่ยขึ้น
“ได้สิ” หลินชิงเหอบอก พลางนึกในใจว่าหมั่นโถวนมนั่นฉันจงใจทำเพื่อทรมานเธอนะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะอยากกินมันจริง ๆ
เจ้าสามดีใจอย่างมาก
เขาตัวติดกับแม่ตลอดทั้งวันและไม่ออกไปเล่นนอกบ้านเลย
เช้าวันต่อมา หลินชิงเหอก็ต้มนม จากนั้นก็เติมน้ำตาลกรวดปริมาณเล็กน้อยลงในนมส่วนหนึ่ง
“ไหนแม่บอกว่าจะไม่บังคับผม” เจ้าสามจ้องมองชามนมตรงหน้าด้วยท่าทางขมขื่น และเหลือบมองแม่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ลองชิมดูสิ” หลินชิงเหอตักนมขึ้นมาช้อนหนึ่ง
เจ้าสามมองแม่แล้วก็จิบหนึ่งอึก หลังจากนั้นก็กระพริบตาด้วยความประหลาดใจ “ทำไมหวาน?”
“แม่เติมน้ำตาลให้ลูกนิดหนึ่งน่ะ ตอนนี้ลูกจะดื่มไหม? ถ้าลูกไม่ดื่มแม่จะเอาไปให้พ่อนะ” หลินชิงเหอบอก
“ผมจะดื่มให้หมดเลยครับ” เจ้าสามรีบเอ่ย
หลินชิงเหอจึงส่งช้อนให้เจ้าสามได้ดื่มนมด้วยตัวเอง
ต้องบอกว่ามันหวานไม่มากนัก เพราะมีน้ำตาลกรวดเติมเข้าไปแค่นิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรับรู้รสหวานได้อยู่ การที่มีรสหวานปะแล่มแบบนี้ก็ทำให้นมชามนี้อร่อยขึ้นมาก
เจ้าสามชอบมันในทันที การได้กินหมั่นโถวกับนมหวานแบบนี้ช่างเป็นเรื่องน่าพอใจนัก ความไม่เต็มใจและขมขื่นเมื่อก่อนหน้าหายไปไหนแล้วล่ะ?
เห็นเขาเป็นแบบนี้แล้ว หลินชิงเหอก็ลอบยิ้มในใจ คิดว่าฉันจะละเว้นเจ้าเด็กปุกปุยอย่างเธอเหรอ ไม่มีทาง?
“แม่ครับ ผมอยากได้น้ำตาลมาใส่ในนมด้วย” เจ้ารองเอ่ยด้วยความอิจฉา
“เจ้าสามไม่กลัวฟันผุน่ะ ถ้าลูกไม่กลัวฟันผุเหมือนเขาก็เติมน้ำตาลได้เลย” หลินชิงเหอเหลือบมอง
เจ้ารองกรีดร้องในใจว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่กลัวฟันผุหรอก แต่เมื่อเห็นสายตาของแม่แล้ว เขาก็รู้ว่าตัวเองคงจะไม่ได้กินนมอีกหากยังดึงดันต่อ
ดังนั้นเขาจึงกินนมส่วนของเขาอย่างว่าง่าย
เมื่อนมจืดเปลี่ยนเป็นนมหวาน เจ้าสามก็ชอบดื่ม หลังดื่มนมหมดไปครึ่งชามแล้ว เขาก็ยังรู้สึกไม่พึงพอใจเล็กน้อย
หลินชิงเหอไม่สนใจเขาแต่อย่างใด ในที่สุดเขาก็ดื่มนมได้แล้ว
ตอนนี้เองท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็ได้เห็นอีกด้านหนึ่งของสะใภ้สี่
ถึงหญิงสาวจะดูใจจืดใจดำ แต่เธอก็ตามใจลูกจริง ๆ ถ้าพวกเขาไม่ชอบดื่มนมจืด เธอก็จะใส่น้ำตาลเข้าไป โดยที่เด็กคนอื่น ๆ ไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองชิมรสของนมเลย
หมั่นโถวที่บ้านเป็นหมั่นโถวข้าวโพด ในตอนแรกมีนมไม่มากนัก แม้พวกเขาจะได้กินหมั่นโถวนมกันทุกคน แต่ก็ได้กินในปริมาณไม่มาก หลินชิงเหอไม่ต้องการทำหมั่นโถวนมในปริมาณมากเพราะจุดประสงค์หลักคือซื้อนมมาเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ดื่ม
อย่าบอกว่าเธอไม่เคารพท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวเลย ขนาดตัวเธอเองกับโจวชิงไป๋ยังไม่ได้กินสักนิดเลยไม่ใช่เหรอ?
หลังการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนล่าสุด มันก็เป็นเวลาไม่นานนักก่อนที่เทศกาลไหว้พระจันทร์ใกล้จะมาถึง
คราวที่แล้วหลินชิงเหอใช้ช่วงเก็บเกี่ยวฤดูร้อนขายต่อธัญพืชจำนวนมาก ท่านแม่โจวก็ถามเรื่องนี้บ้าง แต่หลินชิงเหอบอกว่าเธอเอามันไปแลกกับคูปองเนื้อจากคนอื่น
ท่านแม่โจวจึงรู้ว่าหญิงสาวทำอะไรกับธัญพืชที่ได้มา นางไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นอีกและเตือนลูกสะใภ้ให้ระวังตัว
ไม่ใช่ว่าท่านแม่โจวไม่รับรู้ ปกติที่บ้านมักจะมีเนื้อกินอยู่เสมอ แล้วช่วงเวลานี้เป็นเรื่องง่ายนักเหรอที่จะซื้อเนื้อมาได้?
นางจึงคิดว่าเหตุผลหลักที่ลูกสะใภ้ทำเรื่องนี้ลงไปจะต้องเป็นเรื่องนี้แน่
เนื่องจากแม่สามีไม่ได้ถามอะไรต่ออีก หลินชิงเหอจึงขายธัญพืชไปมากกว่า 500 ชั่งและได้รับเงินก้อนใหญ่
ในยุคนี้อาหารเป็นของที่ซื้อง่ายขายคล่อง เธอจึงไม่ต้องกังวลไปว่าจะไม่มีใครอยากมาซื้อ
หลินชิงเหอรวบรวมของด้วยตัวเองได้มากกว่า 300 ชั่ง ส่วนอีก 200 ชั่งที่เหลือเธอก็ให้น้องชายสามตระกูลหลินเก็บไว้ให้ หลังจากนั้นเขาก็ค่อยแอบขนเอามาให้เธอ
น้องชายสามตระกูลหลินคิดเพียงว่าพี่สาวของเขาคงมีอาหารไม่พอกิน เธอก็เลยบอกให้เขาซื้อของบางส่วนในหมู่บ้านของเขาและไม่คิดมาก
เธอบอกให้เขาช่วยซื้อ เขาก็ซื้อให้ ไม่ถามไถ่อะไรเธอเลย
ขณะที่สะใภ้สามตระกูลหลินนึกสงสัยขึ้นมา แต่หล่อนก็ไม่พูดอะไร
จากความช่วยเหลือของพี่สาวสามที่มีต่อครอบครัวของหล่อน หล่อนก็จะจำเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต
หากไม่มีพี่สาวสามคนนี้แล้ว ในตอนนี้หล่อนกับลูกสาวทั้งสามคนคงยังอยู่ที่บ้านเก่าตระกูลหลินและเป็นที่รังเกียจของคนอื่น หล่อนจะย้ายออกมาอยู่บ้านใหม่เหมือนตอนนี้ได้อย่างไร?
หลังย้ายบ้านแล้ว หล่อนก็รู้สึกว่าท้องฟ้าเหนือศีรษะของตนดูสดใสโดยแท้
มีน้องชายสามตระกูลหลินอยู่ หลินชิงเหอก็สามารถหาเงินได้มากขึ้น
ราคาธัญพืช 1 ชั่งในตลาดมืดขึ้นมาเป็น 1.5 เหมา หากไม่มีคูปองอาหารก็สามารถซื้อมันได้ถ้ามีเงิน
ธัญพืช 1 ชั่งคิดเป็นเงิน 1.5 เหมา 10 ชั่งคิดเป็น 1.5 หยวน นั่นหมายความว่าธัญพืช 100 ชั่งจะมีราคา 15 หยวน ด้วยธัญพืชทั้งหมด 500 ชั่ง หลินชิงเหอก็หาเงินได้เกือบ 80 หยวนภายในช่วงการเก็บเกี่ยวฤดูร้อน
เนื่องจากมันเป็นช่วงเก็บเกี่ยวฤดูร้อน หากเป็นช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงที่ธัญพืชทั้งหมดสุกแก่พร้อมกันหมด เธอก็จะสะสมธัญพืชได้มากกว่านี้!
แต่การเก็บเกี่ยวฤดูร้อนปีนี้ถือว่าหลินชิงเหอกล้าเสี่ยงแล้ว ในปีก่อนหน้านั้นเธอปิดการขายสูงสุดไว้ที่ 200 ชั่ง
ระหว่างเทศกาลไหว้พระจันทร์ในเดือนสิงหาคมนี้เอง หลินชิงเหอก็เข้ามาในอำเภอเพื่อดูว่ามีขนมไหว้พระจันทร์ขายหรือไม่
แต่ในยุคนี้หาซื้อขนมไหว้พระจันทร์ได้ยากนักในร้านค้าสหกรณ์ และรสชาติก็ไม่ได้ดีมากนักในความคิดของหลินชิงเหอที่เคยซื้อกลับไปกินเมื่อก่อนหน้านี้
รสชาติของมันสู้ขนมไหว้พระจันทร์ในยุคหลังไม่ได้เลย
แต่มันก็ไม่อาจห้ามผู้คนไม่ให้ลิ้มลองรสของมันในช่วงนี้ได้ เด็กชายทั้งสามต่างชอบทานขนมนี้
หลินชิงเหอไม่ได้ซื้อขนมไหว้พระจันทร์แต่อย่างใดเมื่อเดินทางถึงตัวอำเภอ
พนักงานขายที่เธอพบชื่อเสิ่นอวี้ ซึ่งเป็นคนเดียวกับคนที่อยากให้เธอช่วยหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ หล่อนเรียกหลินชิงเหอเข้าไปข้างในและพูดคุยด้วย
จากนั้นหล่อนก็ให้ขนมไหว้พระจันทร์หนัก 1 ชั่งกับหลินชิงเหอ “ฉันเก็บขนมส่วนนี้ไว้ให้ตัวเองน่ะค่ะ ถ้าคุณอยากได้ฉันก็จะให้นะคะ
“คุณเก็บไว้เถอะค่ะ ฉันรับของของคุณไว้ไม่ได้หรอก คุณเอากลับไปกินเองเถอะนะคะ” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ฉันยังมีอีก 1 ชั่งน่ะค่ะ” เสิ่นอวี้ยิ้มตอบ
หลินชิงเหอจึงรู้ในทันทีว่ามันเป็นการบริโภคภายในหมู่พนักงาน
ครั้งที่แล้วเสิ่นอวี้ขอให้เธอช่วยแนะนำคู่ครองให้และเธอก็นำเรื่องนี้ไปบอกโจวชิงไป๋ ชายหนุ่มไม่สนใจแนะนำคนให้กับคนอื่นนัก แต่ในเมื่อภรรยาของเขาขอมา เขาก็เลยบอกเรื่องนี้กับสหายของเขายามที่ได้ไปพบเจอ
สหายของเขาแต่งงานแล้ว แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขายังมีคนโสดอยู่
หลินชิงเหอจึงนัดหมายวันให้คนทั้งคู่ได้พบกันและแนะนำเขาให้กับเสิ่นอวี้ ชายหนุ่มที่มาดูตัวนั้นทำงานในสถานีตำรวจ มีพื้นฐานครอบครัวดี และยังมีหน้าตาหล่อเหลา ในตอนนี้ทั้งสองคนกำลังคบหากันด้วยดี เสิ่นอวี้จึงอยากขอบคุณหลินชิงเหอที่เป็นแม่สื่อให้กับหล่อน
ครั้งที่แล้วหล่อนมอบซองแดงเป็นของขวัญให้กับหลินชิงเหอ แต่หลินชิงเหอไม่รับและปล่อยให้พวกเขาได้ติดต่อกันเอง
แต่เสิ่นอวี้รู้สึกว่าต้องตอบแทนหลินชิงเหออยู่เสมอ ทุกครั้งที่หลินชิงเหอมาหาตอนที่หล่อนทำงาน หล่อนก็จะใช้เส้นสายช่วยเหลือให้หลินชิงเหอได้ของไปต่อให้มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำเลย
และขนมไหว้พระจันทร์ในครั้งนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลินชิงเหอจึงไม่เกรงใจอีกต่อไปหลังได้ยินดังนี้
ลูกค้าคนอื่น ๆ ต่างไม่พอใจที่เห็นหลินชิงเหอได้มันไป “หล่อนมาทีหลัง แต่ทำไมหล่อนถึงได้ไป ในขณะที่เราไม่ได้ล่ะ?”
“โอ้ พี่ชาย อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยค่ะ ฉันสั่งมันไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้ แล้วฉันก็มารับขนมไหว้พระจันทร์อันนี้ไปปลอบเด็ก ๆ ตอนที่ฉันกลับถึงบ้านแล้วน่ะค่ะ” หลินชิงเหออธิบาย
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหมือนผู้แปลจะรู้แล้วล่ะค่ะว่าเด็กสามคนนี้ได้รับความร้ายกาจมาจากใคร ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลจนได้นะแม่นะ
นอกจากแม่จะเป็นแม่ค้าแล้ว แม่ก็เป็นแม่สื่อได้ด้วยนะคะ
ไหหม่า (海馬)