ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 216
บทที่ 216 เหลียงผี
แตรสัญญาณการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนดังขึ้นแล้ว แต่เจ้าใหญ่กับเด็กมัธยมชั้นปีที่สองทั้งหลายยังคงไม่มีเวลาที่จะเข้าร่วม
นั่นก็เพราะว่าพวกเขาต้องเตรียมสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายในต้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึง
ครั้งนี้การสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายได้จัดขึ้นในตัวอำเภอ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของหลินชิงเหอได้หยุดพักกันแล้ว เด็ก ๆ ทุกคนต่างเข้าร่วมการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อน และเช้าวันนั้นเองหลินชิงเหอก็พาเจ้าใหญ่ไปส่งในอำเภอ ซึ่งเธอต้องออกจากบ้านก่อนเวลาปกติ
โดยไม่คาดคิด เมื่อเธอเดินทางมาถึง คุณครูประจำชั้นปีที่ 2 ก็ได้รออยู่พร้อมกับนักเรียนในชั้นแล้ว
เมื่อเห็นหลิงชิงเหอพาเจ้าใหญ่มา คุณครูประจำห้องเรียนก็โล่งใจ หล่อนหวังว่าเจ้าใหญ่จะสอบได้ตำแหน่งที่ดี หากเขาสอบได้คะแนนสูงในอำเภอ หล่อนจะไม่ได้อะไรเพิ่มเติมในฐานะครูบาอาจารย์ แต่ทางโรงเรียนจะได้ชื่อเสียงหน้าตาเป็นอย่างมาก
ในยุคนี้ การสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายไม่ได้ใช้เวลา 2 วันเหมือนกับยุคต่อ ๆ มา การสอบจะสำเร็จเสร็จสิ้นภายในวันเดียว
เมื่อเจ้าใหญ่เดินออกมา หลินชิงเหอก็รออยู่แล้ว วันนี้เธอมาเป็นเพื่อนเขา และตอนนี้บนเบาะหลังจักรยานก็มีแตงโมลูกยักษ์เพิ่มมาลูกหนึ่ง
“แม่ครับ ผมสอบเสร็จแล้วล่ะ” เจ้าใหญ่เอ่ยอย่างรู้สึกดีใจ เขาเป็นคนเดียวในโรงเรียนที่ได้รับการดูแลแบบนี้ แม่ของเขาอยู่กับเขาตลอดทั้งวันเลย
หลินชิงเหอกลายเป็นบุคคลต้นแบบของเด็กรุ่นใหม่ รวมถึงเด็กที่เข้าสอบในวันนั้นด้วย ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องยากเพราะไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำ
เธอเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วตลาดมืดและขายเนื้อหมูหลังลูกชายเข้าห้องสอบ หลังจากวันนั้นทั้งวันเธอก็รู้สึกเหนื่อย
เจ้าใหญ่จึงเสนอว่าจะปั่นจักรยานพาแม่กลับบ้าน
“ได้สิ” หลินชิงเหอตกลง เธอรู้ว่าเจ้าใหญ่ทำได้ มันก็แค่การปั่นจักรยานเท่านั้น เขาขี่จักรยานเป็นตั้งแต่อายุ 8 ขวบแล้ว
ตอนนี้เขาอายุ 11 ขวบและสูงเกือบ 165 เซนติเมตร เตี้ยกว่าหลินชิงเหอนิดเดียว แต่อีกไม่นานเขาก็จะสูงเลยเธอไปแล้ว
เจ้าใหญ่จึงปั่นจักรยานพาแม่กลับบ้าน ระหว่างทางพวกเขาก็เจอกับคุณครูคนอื่น ๆ
เมื่อเห็นทั้งแม่และลูกกลับบ้านไปแล้ว ครูคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าอิจฉา “คุณครูหลินช่างสอนเด็กได้ดีจริง ๆ”
“ใครจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ล่ะ หล่อนมีการศึกษายอดเยี่ยมขนาดนี้แถมยังมาส่งเขาด้วยตัวเองอีก”
“แต่หล่อนเลี้ยงลูกเปลืองมากนะ ฉันได้ยินว่าช่วงนี้โจวข่ายดื่มนม 2 ขวดทุกวันเลย”
นม 2 ขวดในหนึ่งวันคิดเป็นราคาเท่าไรกันล่ะ? ราคานมเดือนหนึ่ง ๆ เท่ากับครึ่งหนึ่งของเงินเดือนครูคนหนึ่งเลยนะ ยิ่งกว่านั้นยังกล่าวกันว่าเด็กคนอื่น ๆ ในบ้านของเธอก็ได้ดื่มเหมือนกัน นับว่าเป็นเงินมหาศาลเลยทีเดียว
แต่พวกเขาก็พูดอะไรไม่ได้มาก เธอเต็มใจจะเลี้ยงดูลูกชายแบบนี้ แล้วพวกเขาจะพูดอะไรได้ล่ะ?
ตอนนี้ยังไม่มืดค่ำหลังทั้งแม่และลูกกลับมาถึงบ้าน หลินชิงเหอจึงแช่แตงโมไว้ให้เย็น ขณะที่เจ้าใหญ่ปั่นจักรยานไปที่ทุ่งนา
เวลานี้เขายังช่วยงานได้มากกว่าหนึ่งชั่วโมง ยิ่งทำงานได้เยอะเขาก็ยิ่งได้แต้มค่าแรงเยอะ
ยิ่งเด็กคนนี้โตขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็ยิ่งรู้จักช่วยเหลือครอบครัวมากขึ้น
เพราะเขารู้ดีว่าที่บ้านไม่มีเงินเหลือเลย เงินทั้งหมดถูกใช้จ่ายไปกับอาหารและเครื่องดื่มของพวกเขาสามพี่น้อง
ในตอนนี้หลินชิงเหอก็ได้เตรียมทำอาหารอยู่ที่บ้าน
วันนี้ทำอาหารง่าย ๆ ก็คงจะดี ดังนั้นหลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินชิงเหอก็ลงมือทำเหลียงผี(1)
การทำเหลียงผีนั้นไม่ยากเลย แค่สิ้นเปลืองเวลาและพลังงานมากเท่านั้น แต่หลินชิงเหอก็ไม่สนใจ ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องทำที่บ้านแล้ว ดังนั้นจะมีปัญหาอะไรหากอยากให้พวกเขาได้กินของดี ๆ ล่ะ?
หลังทำเหลียงผีเสร็จ หลินชิงเหอก็ผัดไข่จำนวนหนึ่ง จากนั้นหยิบถั่วพุ่มมาหนึ่งกำมือล้างให้สะอาดและสับลงไปผัดรวมกับไข่คน จากนั้นวางช้อนไว้ข้าง ๆ เผื่อว่าใครอยากจะตักมันลงไปผสมกับเหลียงผี
ถ้าพบว่ารสชาติจืดเกินไป พวกเขาก็ตักซอสพริกมาผสมสักช้อนได้ ซึ่งที่บ้านยังมีซอสพริกของปีที่แล้วเหลืออยู่ในไหและมีรสชาติดี
หลินชิงเหออยากกินเหลือเกิน แต่เธอยังต้องรอให้ครอบครัวของเธอกลับมาก่อน
เมื่อเธอทำอาหารเสร็จและมองดูเวลา ก็พบว่ามันเพิ่งจะหกโมงเย็น เนื่องจากช่วงนี้มืดช้า ประกอบกับพวกเขากำลังทำงานแข่งกับเวลา จึงได้เลิกงานกันตอนหกโมงเย็น และกลับมาที่บ้านเร็วที่สุดราวหกโมงครึ่ง
หลินชิงเหอจึงไปทำความสะอาดเล้าหมูและเล้าไก่ หลังทำความสะอาดเสร็จเธอก็อาบน้ำอีกครั้งจนสะอาดสดชื่นและเนื้อตัวหอมกรุ่น และเป็นเวลาเดียวกับที่โจวชิงไป๋ ท่านพ่อโจว และเด็ก ๆ กลับมาถึงบ้าน
“ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว” หลินชิงเหอกล่าว วันนี้เธอสระผม บนเรือนผมของเธอจึงยังมีน้ำหยดลงมา เธอคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันผมเอาไว้ จากนั้นก็แจกจ่ายเหลียงผีให้แต่ละคน
“แม่ นี่อะไรเหรอครับ?” เจ้าสามถามด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ของอร่อย!” ดวงตาของซูเฉิงเบิกกว้าง
“กิน กิน” ซูสวิ่นน้องชายของเขาเติบโตขึ้นมากแล้ว เขาสามารถพูดคำบางคำได้ และพูดคำว่า กิน ได้ชัดเป็นพิเศษ
“ไปล้างหน้าล้างมือกันก่อนนะแล้วค่อยมากินเหลียงผี” หลินชิงเหอโบกมือ
ที่นี่ไม่มีธรรมเนียมกินเหลียงผี แต่ถึงอย่างนั้นอาหารชนิดนี้จากในนิยายก็เป็นของโปรดของทุกคนในครอบครัว
ทั้งท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ถั่วพุ่มผัดกับไข่และมีซอสพริกเล็กน้อยช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัวกับเหลียงผีจริง ๆ
“อร่อย อร่อยมากเลยครับ” ซูเฉิงน้อยเอาใบหน้าจุ่มลงไปในชามและเอ่ยซ้ำ ๆ ไปมา
“ถ้ามันอร่อย รอบหน้าป้าจะทำอีกนะ” หลินชิงเหอยิ้ม
เธอหันไปมองโจวชิงไป๋ และเห็นว่าเขาก็พอใจกับอาหารมื้อนี้เหมือนกัน เขาเป็นคนชอบกินเผ็ดจึงตักซอสพริกใส่ลงไปหนึ่งช้อนพูน ทำให้เขามีเหงื่อออกเล็กน้อย
“กินช้า ๆ นะคะ” หลินชิงเหอเอ่ยและใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้เขา
เจ้าใหญ่กับน้อง ๆ เห็นแล้วก็พากันยักคิ้วหลิ่วตา
โจวชิงไป๋เหลือบมองภรรยาและเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้คุณทำอีกนะ”
“ได้ค่ะ” หลินชิงเหอตอบตกลง
“แม่ครับ เฉิงเฉิงบอกว่ามันอร่อยมากแต่แม่บอกว่าคราวหน้าจะทำ ซึ่งคราวหน้าที่ว่าก็ไม่รู้เมื่อไร แต่พอพ่อบอกว่าให้ทำพรุ่งนี้ แม่กลับตกลงอย่างไม่ทันต้องคิดเลยนะครับ” เจ้าสามชี้ประเด็น
“แล้วลูกจะกินหรือไม่กินล่ะ?” หลินชิงเหอถามกลับ
“กินครับ!” เจ้าสามตอบ
ทั้งท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวต่างหัวเราะ อาหารมื้อนี้ช่างน่าพอใจจริง ๆ
เมื่อกินอาหารเสร็จก็ยังมีแตงโมยักษ์รออยู่ หลังวันอันแสนวุ่นวาย การได้พักผ่อนในตอนนี้นับว่าสุขกายสบายใจไม่น้อย
อิฐและหินในลานบ้านถูกสาดน้ำไปจนตอนนี้แห้งสนิท ทำให้ความร้อนที่เคยมีอยู่ได้หายไป เมื่อปูเสื่อสำหรับพักยามหน้าร้อนลงไป เด็ก ๆ ต่างก็ลงไปนอนกลิ้ง ช่างสุขสบายอย่างเหลือแสน
หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋นั่งบนเสื่ออีกผืนหนึ่ง ไม่ยุ่งเกี่ยวใด ๆ กับเจ้าลูกลิงซุกซนพวกนี้
ราวครึ่งชั่วโมงหลังกินอาหารเสร็จ หลินชิงเหอก็ให้เจ้าใหญ่ผ่าแตงโม
ทั้งครอบครัวพูดคุยพลางหัวเราะกันขณะกินแตงโม หลังได้พักผ่อนเป็นช่วงสั้น ๆ พวกเขาถึงไปอาบน้ำ
เด็ก ๆ นอนหลับสนิทกันตอนสามทุ่ม พวกเขาเหนื่อยเหลือเกิน จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเข้านอนเร็วขึ้น
โจวชิงไป๋ออกไปเลี้ยงหมู หลังจากนั้นก็กลับเข้ามาในห้องเพื่อชวนภรรยาออกไปว่ายน้ำ
หลินชิงเหอไม่คิดที่จะไป เธอจึงบอกเขาไปว่า “วันนี้ฉันเพิ่งจะสระผมนะคะ คุณไปว่ายคนเดียวเถอะค่ะ”
ชายคนนี้ชอบว่ายน้ำเหลือเกิน โดยเฉพาะในตอนหน้าร้อนที่เขามักจะชวนเธอไปว่ายน้ำด้วยแทบจะทุกครั้ง
ซึ่งบางครั้งหลินชิงเหอก็ไปว่ายน้ำด้วย แต่บางครั้งเธอก็ไม่ไป
เมื่อเห็นว่าเธอไม่อยากไป ชายหนุ่มก็ออกไปว่ายน้ำคนเดียว
แต่คืนนั้นเขากลับบ้านดึก เขาออกไปตั้งแต่ตอนสามทุ่มและมักจะกลับมาถึงราวสี่ทุ่มครึ่ง แต่ในวันนี้ที่เขากลับมา หลินชิงเหอก็หลับไปแล้ว เมื่อดูนาฬิกาเหนือเตียงเตาก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนพอดี
“คุณไปไหนมาเหรอคะ?” หลินชิงเหอถามพลางหาวหวอด
……………………………………………….
(1)- บะหมี่เย็นชนิดหนึ่งของจีน มีต้นกำเนิดจากมณฑลส่านซี (ภาพจากhttps://en.m.wikipedia.org/wiki/Liangpi)