ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 246 สินค้าเมืองไห่หนาน
บทที่ 246 สินค้าเมืองไห่หนาน
ท่านแม่เวิงอยากไปเห็นกับตาจริง ๆ ว่าหลินชิงเหอเข้ากันได้ง่ายกับนางหรือไม่
แต่เมื่อนางมีโอกาสอันหาได้ยาก ก็บังเอิญว่าช่วงนั้นเป็นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่หลินชิงเหอเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยเดินทางไปไห่หนานพร้อมกับนักศึกษาส่วนหนึ่งพอดี
ต้องบอกว่านี่คือการประชุมแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยก็จริง แต่มันดูเหมือนการเดินทางธุรกิจมากกว่า พวกเขาต้องเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนก็จริง แต่หลังจากทำหน้าที่แล้วแต่ละคนก็มีเวลาว่างเป็นของตัวเอง
แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับจากไห่หนานเช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวและอาหารทุกมื้อล้วนเป็นความอนุเคราะห์จากทางมหาวิทยาลัย
เมื่อทราบเรื่องนี้แล้ว หลินชิงเหอก็ไม่ลังเลที่จะรับหน้าที่เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยโดยไม่ทันต้องคิดเลย
ท่านแม่เวิงช่างโชคไม่ดีจริง ๆ
ท่านแม่เวิงต้องยอมรับว่านางรู้สึกประทับใจเต็มอกเมื่อได้ยินว่าแม่ของโจวข่ายได้เป็นตัวแทนนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งที่มหาวิทยาลัยไห่หนาน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงให้กำเนิดลูกชายอย่างโจวข่ายได้
แต่ถึงอย่างนั้นท่านแม่เวิงก็ไม่ได้เอ่ยความคิดนี้ออกมา มีเพียงท่านพ่อเวิงที่รู้ แต่ลูกชายและลูกสาวของพวกเขาไม่รู้
และด้วยความคิดนี้เอง ท่านแม่เวิงก็ปฏิบัติต่อโจวข่ายเหมือนกับลูกชายของนางเองในยามที่เขาตามเวิงกั๋วเหลียงลูกชายของนางมาที่บ้าน
ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ระดับเดียวกับลูกชายของนาง ดีกว่าลูกชายของนางเองเล็กน้อยด้วยซ้ำ
เรื่องนี้ทำให้เวิงกั๋วเหลียงออกอาการงอนอยู่ตลอด แม่ของเขากลายเป็นแม่ของอีกคนหนึ่งไปแล้ว
ส่วนหลินชิงเหอไม่รู้เลยว่าลูกชายคนโตถูกคนอื่นหมายตาไว้และอยากให้เขามาเป็นลูกเขย หลังเสร็จจากการประชุมแลกเปลี่ยนนักศึกษากันแล้วเธอก็มีหนทางของเธอ
ตอนนี้ไห่หนานเป็นสถานที่ที่พัฒนามากแล้ว อย่างเช่นตอนที่เธอมายังห้างสรรพสินค้า เธอก็ได้เห็นสินค้าแบบใหม่หลายอย่าง
มีทั้งนาฬิกา ผ้าพันคอ ถุงมือ และผ้าเนื้อดีที่ไม่มีขายในอำเภอ
อีกความหมายหนึ่งก็คือทันทีที่สินค้าวางบนชั้นก็จะมีลูกค้าซื้อไปจนหมดเกลี้ยง ไม่มีทางที่จะจองสินค้าไว้ได้เลย
แล้วหลินชิงเหอจะยั้งมืออยู่ได้อย่างไรล่ะ?
พนักงานขายรู้สึกถึงราศีทรงอิทธิพลของหลินชิงเหอ ทันทีที่ถามและรู้ว่าเธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งที่มาจากเมืองหลวงในฐานะนักศึกษาแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยไห่หนาน หล่อนก็มีสายตาเปลี่ยนไปในทันที
หลินชิงเหอไม่ได้จะอวดตัวอะไรหรอก แต่ทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้ หากไม่แสดงตัวเสียบ้าง คนอื่นก็จะมองอย่างดูถูก เธอจะทำอย่างไรได้ล่ะ?
“เป็นโอกาสหายากน่ะค่ะที่จะได้มาที่นี่ในครั้งนี้ ฉันก็เลยอยากซื้อมากหน่อย แต่ฉันไม่ได้เอาคูปองมาเลยนี่สิคะ” หลินชิงเหอหยิบบัตรประจำตัวนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งออกมาแสดงให้พนักงานขายดูพลางเอ่ยอย่างเสียดาย
“พวกนี้คือผ้าทอสำเร็จรูปที่ล้วนเป็นของคุณภาพดีทั้งหมด คุณไม่คิดว่ามันเหมาะกับรสนิยมของคุณเหรอคะ?” พนักงานขายรีบแจ้งในทันที
“ขอบคุณนะคะ” หลินชิงเหอตอบอย่างไม่ลังเล
“ถ้างั้นรออยู่ตรงนี้นะคะ” พนักงานขายเอ่ยแล้วเดินไปหาพนักงานอีกคนหนึ่งเพื่อขอสินค้า พนักงานอีกคนหนึ่งจึงเดินไปหยิบสินค้ามา
แล้วพนักงานขายคนนั้นก็ถามหลินชิงเหอถึงสถานการณ์ในเมืองหลวง
หลินชิงเหอไม่ได้ใจแคบ ในเมื่อเธอทำอะไรได้อิสระแล้วเธอก็มีความสุขที่จะคุยกับหล่อน แต่เธอก็ไม่ได้ให้ข้อมูลไปทั้งหมด ยังปิดข้อมูลบางส่วนอยู่
ไม่อย่างนั้นแล้วคนอื่น ๆ คงเห็นว่าเธอเป็นคนโง่
พนักงานขายนำผ้าออกมา และหลินชิงเหอก็ซื้อไปสองพับ
หลังจ่ายเงินแล้ว เธอก็ออกมาหาสถานที่เปลี่ยวร้างเพื่อเก็บมันไว้ในมิติ จากนั้นก็กลับเข้ามาหาพนักงานขายคนนี้อีกครั้ง
“ฉันคิดว่าคุณจะไม่มาเสียแล้วค่ะ” พนักงานขายยิ้มแย้ม
“คือว่าฉันยังไม่ได้ซื้อของอย่างอื่นเลยน่ะค่ะ ของที่นี่ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับของในเมืองหลวง และยังมีรูปแบบดีมากด้วย” หลินชิงเหอเอ่ยชม
“ของพวกนี้เป็นของใหม่รุ่นล่าสุดทั้งนั้นเลยค่ะ ขายหมดไวมาก คุณเลือกแบบที่คุณต้องการได้เลย” พนักงานขายเอ่ย
การได้มาเจอกับนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งที่มาจากเมืองหลวงและยังคุยง่ายแบบนี้ก็เพียงพอแล้วที่หล่อนจะใช้มันเป็นหัวข้อสนทนา
หลินชิงเหอพูดจ้อว่าจะซื้อของกลับไปให้น้องสะใภ้เจ็ดชิ้นหนึ่ง คุณป้าแปดชิ้นหนึ่ง ชิ้นนี้ให้คนนี้ ชิ้นนั้นให้คนนั้น และด้วยการที่เธอไม่ต้องใช้คูปอง เธอจึงซื้อของเป็นจำนวนมาก
ของส่วนใหญ่ที่เธอซื้อไปเป็นถุงมือและผ้าพันคอ จากนั้นเธอก็อธิบาย “เป็นโอกาสหายากน่ะค่ะที่จะมาที่นี่ได้ ภายในทริปนี้ฉันเลยต้องซื้อของกลับไปให้ญาติ ๆ มากหน่อยน่ะค่ะ”
พนักงานขายไม่ได้เอ่ยอะไร หลังนับเงินดูแล้วหล่อนก็เอ่ยขึ้น “คุณอยากได้นาฬิกาไหมคะ? ที่นี่มีรุ่นใหม่อยู่นะคะ”
พนักงานขายไม่สนใจว่าเธอจะซื้อของไปเยอะหรือไม่ ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังคิดในใจ ‘ไม่แปลกใจเลยว่าเธอเป็นคนเมืองหลวง เธอรวยมากจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะซื้อของไปเยอะขนาดนี้ในคราวเดียวเหรอ?’
หลินชิงเหอมองดูนาฬิกา จากนั้นก็ซื้อนาฬิกาผู้หญิงไป 2 เรือนและนาฬิกาผู้ชายไป 3 เรือน
เมื่อซื้อของเหล่านี้ทั้งหมด มันก็ใช้เงินไปเป็นจำนวนมหาศาล แค่นาฬิกาผู้ชายกับนาฬิกาผู้หญิงไม่กี่เรือนก็คิดเป็นเงินมากกว่า 600 หยวนเกือบ 700 หยวนแล้ว
นาฬิกาเรือนหนึ่งราคา 100 หยวนหรือประมาณนั้น นาฬิกาแบบนี้สามารถนำกลับไปขายในตลาดมืดในอำเภอได้ถึง 220 หรือ 230 หยวน นี่ไม่ใช่กำไรมหาศาลหรอกหรือ?
แน่นอนว่ามันเป็นนาฬิกาเรือนใหม่รุ่นใหม่ล่าสุดของเมืองไห่หนาน เป็นแบบที่แปลกใหม่ สามารถทำให้คนใส่มีหน้ามีตาได้หากใส่ออกนอกบ้าน ไม่อย่างนั้นคนอื่น ๆ คงไม่มาหาซื้อกันหรอก
หลินชิงเหอรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสหายากที่จะมาอีกครั้ง เธอจึงซื้อนาฬิกามากขึ้น เนื่องจากเมืองไห่หนานไม่ต้องใช้คูปองอุตสาหกรรมในการซื้อ ปกติแล้วการซื้อนาฬิกาที่นี่ไปหลายเรือนไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก หลินชิงเหอจึงทำแค่เปลี่ยนไปซื้อห้างสรรพสินค้าแห่งอื่น
ครั้งนี้เธอไม่ได้ซื้อแค่นาฬิกาเท่านั้น แต่ยังซื้อพัดลมไฟฟ้าและวิทยุด้วย
ในยุคนี้ ของเหล่านี้ถือว่าเป็นของใช้หลักที่ต้องมีติดบ้านอย่างแท้จริง
หลินชิงเหอรู้ว่าการใช้คูปองจะค่อย ๆ เสื่อมสลายหายไปจากตลาดในยุคหลัง ๆ เธอไม่คิดเลยว่าห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ เหล่านี้ในเมืองไห่หนานจะสามารถซื้อของพวกนี้ได้โดยไม่มีคูปอง
สมกับเป็นมหานครแห่งเวทย์มนต์จริง ๆ การพัฒนาของเมืองนี้นับว่ารวดเร็วอย่างยิ่งโดยแท้
หลินชิงเหอไม่ได้ซื้อของต่ออีก ของที่เธอซื้อมาถือว่ามากเพียงพอแล้ว อย่าเพิ่งทำอะไรประเจิดประเจ้อจะดีกว่า
ยิ่งกว่านั้น แค่ของเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะนำพากำไรมหาศาลมาให้เธอตอนนำกลับไปขายที่ตลาดมืดได้แล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องซื้อต่อ
หลินชิงเหอไม่ได้รอช้านัก วันต่อมาเธอก็นั่งรถกลับเข้าเมืองหลวงพร้อมกับนักศึกษาคนอื่น ๆ
เมื่อกลับมาถึง หญิงสาวก็ให้นาฬิกาเรือนหนึ่งกับโจวข่าย
ตอนนี้เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้วแต่ยังไม่มีนาฬิกาใส่ ในครั้งนี้จึงนับว่าเด็กคนนี้โชคดีนัก
โจวข่ายรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด “แม่ แม่ให้ผมเหรอครับ?”
“ไม่อยากได้เหรอ?” หลินชิงเหอมองเขา
“แน่นอนสิครับว่าผมอยากได้ ผมจะไม่อยากได้ได้ยังไงล่ะ? แม่ทนให้ผมได้ขนาดนี้ ผมนับว่าเป็นลูกแม่จริง ๆ!” โจวข่ายออกอาการลิงโลดในทันที
นาฬิกา! เขาอยากได้มันมานานแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าแม่จะซื้อให้เขา
“เอาล่ะ ลูกก็ไปพิจารณาดูว่าควรทำอะไรแล้วกัน กลางเดือนปีหน้าเป็นวันหยุด ลูกก็กลับบ้านไปพร้อมกับแม่นะได้ยินไหม?” หลินชิงเหอเตือน
“รู้แล้วครับ” โจวข่ายพยักหน้าหงึกหงักและเอ่ยถาม “แม่ นาฬิกานี่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดจากเมืองไห่หนานเหรอครับ?”
“ใช่ รุ่นล่าสุดเลย ราคาตั้ง 250 หยวนต่อเรือน แพงมาก ๆ” หลินชิงเหอโม้
โจวข่ายได้ยินก็ตะลึงไป “แม่ ทำไมต้องซื้อเรือนแพง ๆ ให้ผมด้วยล่ะครับ? ซื้อเรือนละร้อยกว่าหยวนให้ผมก็พอแล้ว”
แค่นาฬิกาเรือนละร้อยกว่าหยวนก็นับว่าแพงแล้ว
“กว่าแม่จะซื้อมาได้เรือนหนึ่งมันยากนะ ดังนั้นใช้ซะ” หลินชิงเหอโบกมือ จากนั้นก็เมินลูกชายเสีย
……………………………………………………………………………………