ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 287 แต่งงานกับพ่อม่าย
บทที่ 287 แต่งงานกับพ่อม่าย
ต้องบอกว่าครั้งนี้จางเหมยเหอทำพลาดครั้งใหญ่
ไม่เพียงแต่จะทะนงตัวเองแล้ว แต่ยังประเมินความสัมพันธ์ระหว่างโจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอต่ำเกินไปอีกด้วย
ทุกคนในตึกอพาร์ทเมนต์รู้กันหมดว่าอาจารย์หลินกับคู่ครองของเธอมีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างแน่นเหนียว เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องดีได้อย่างไรล่ะ? พวกเขามีลูกชายด้วยกัน 3 คน แถมอาจารย์หลินยังพาสามีและลูก ๆ มาอยู่ด้วยในทันทีที่ได้ที่พักอาศัยอีก ชัดขนาดนี้แล้วยังต้องทำอะไรอีกเหรอ?
ต่อให้ตอนนี้เป็นยุค 80 ที่ไม่มีคู่รักคนไหนจับมือถือแขนกันบนถนนเลยก็ตาม
นอกจากนี้ หลินชิงเหอยังเป็นอาจารย์ภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ขณะที่โจวชิงไป๋เป็นเถ้าแก่ร้านค้า สถานะของเขาเทียบกับภรรยาไม่ได้เลย
ซึ่งจุดนี้ทำให้หล่อนสำคัญผิดไป
แต่หลินชิงเหอก็โต้กลับแบบเจ็บแสบ ทำให้ทั้งชุมชนเอาแต่พูดถึงเรื่องของหล่อน
เมื่อจางเหมยเหลียนกลับมาถึงบ้าน หล่อนก็รู้สึกทั้งอับอายและโมโห
“ทำไมพี่ไร้ยางอายแบบนี้ เรายังต้องเจอหน้าคนอีกเยอะนะ พี่ทนไม่ไหวขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องไปหาผู้ชายถึงร้านเขา ไปหาอย่างเดียวจะไม่ว่าอะไรเลยแต่ดันทำให้เมียเขามาเจอได้!” จางเหมยเหลียนขบฟันกรอด
โจวข่ายจะรู้สึกดีกับหล่อนได้อย่างไรล่ะหลังเจอเหตุการณ์แบบนี้ไปแล้ว!
จางเหมยเหอหัวร้อนอยู่แล้ว หล่อนจะสุภาพกับน้องสาวได้อย่างไร? หญิงสาวจึงจัดการเหวี่ยงมือตบอีกฝ่าย “ฉันเป็นแบบนี้แล้วแกยังจะด่าฉันเหมือนคนข้างนอกนั่นอีกเหรอ!”
“แกไปยั่วผู้ชายที่แต่งงานแล้วอย่างหน้าด้าน ๆ แล้วยังกล้าตบฉันอีกเหรอ!” จางเหมยเหลียนโกรธควันออกหู
ตั้งแต่แรกเริ่มหล่อนก็ไม่เห็นด้วยกับการที่พี่สาวอ่อยพ่อของโจวข่ายแล้ว ถ้าพวกเขาคบกันขึ้นมา หล่อนก็จะกลายเป็นพี่สะใภ้ของโจวข่ายน่ะสิ แล้วหล่อนจะยังได้คู่กับโจวข่ายอยู่เหรอ?
ภายในวินาทีเดียว จางเหมยเหลียนก็สู้กับพี่สาวของตัวเอง
สองสาวเข้าโรมรันพันตูกัน
เมื่อคุณป้าจางกับสะใภ้กลับมาถึง พวกหล่อนก็กำลังสู้กันดุเดือด
“หยุด พวกแกสองคนหยุดเดี๋ยวนี้!”
เพียงเท่านั้น สองสาวพี่น้องจึงได้ปล่อยมือ
“แม่ ฉันเป็นแบบนี้แล้วจางเหมยเหลียนก็ไม่หวังให้ฉันได้ดีน่ะค่ะ มันด่าฉันต่อหน้าในทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ถ้าฉันไม่สั่งสอนมันหน่อย ก็อย่านับเป็นพี่สาวเลย!” จางเหมยเหอพูด
“พี่มีค่าพอจะเป็นพี่สาวฉันด้วยเหรอ? ไม่รู้ว่าพี่เป็นสินค้าผ่านมากี่มือ พี่มีลูกไม่ได้ด้วยซ้ำ ผู้หญิงอย่างพี่สมควรเรียกว่าผู้หญิงด้วยเหรอ?” จางเหมยเหลียนแย้ง
จางเหมยเหอได้ยินก็แทบจะพุ่งตัวเข้าใส่อีกครั้ง
ประโยคนี้แทงใจดำหล่อนอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องเพราะตอนนั้นหล่อนไม่ได้พักฟื้นให้เพียงพอหลังจากแท้งลูกและมุ่งหน้าตรงไปยังชนบทเลย
ดูเหมือนว่าหล่อนจะเริ่มเจ็บป่วยนับตั้งแต่ตอนนั้น หล่อนแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งในชนบท แต่อยู่กินกันมาหลายปีแล้วก็ไม่มีลูก
ไม่อย่างนั้นหล่อนจะถูกหย่าและหนีจากมาอย่างรวดเร็วได้อย่างไร? ไม่ใช่เพราะชายชนบทคนนั้นดูถูกที่หล่อนมีลูกไม่ได้งั้นหรือ
นอกจากหลงใหลในรูปกายอันแข็งแกร่งและเหมือนจะเปี่ยมพลังทางด้านเพศของโจวชิงไป๋แล้ว เหตุผลหนึ่งที่หล่อนอยากจะสร้างความร้าวฉานในความสัมพันธ์ให้กับหลินชิงเหอก็คือเรื่องที่เขามีลูกชาย 3 คน
การมีลูกชาย 3 คนทำให้หล่อนไม่ต้องให้กำเนิดบุตรด้วยตัวเอง หากมีใครอยากพูดอะไรขึ้นมา หล่อนก็แค่ใช้ข้ออ้างว่าดูแลลูกเลี้ยงเหมือนลูกในไส้ หล่อนจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีโดยไม่ปล่อยให้ต้องลำบาก
ใครล่ะจะไม่ชื่นชมว่าหล่อนเป็นคนดีเลิศ?
ในอนาคต เด็กชาย 3 คนนี้ก็จะกลายเป็นคนคอยดูแลหล่อนตอนแก่เฒ่า ต่อให้พวกเขาจะโตกันหมดแล้วในตอนนี้ แต่บุญคุณการให้กำเนิดก็ไม่เท่ากับบุญคุณการเลี้ยงดูให้เติบโตหรอก ยังจะมีเรื่องอะไรให้กังวลอีกล่ะ?
ทุกอย่างล้วนถูกคิดวางแผนไว้อย่างดี ยัยคนแซ่หลินนั่นเหมือนจะเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองสูงมาก และคงจะเป็นฝ่ายเดินจากไปด้วยตัวเอง
แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะด่าคนอื่นเป็นและด่าหล่อนได้อย่างโหดร้าย ที่สำคัญก็คือจี้ตรงจุดอ่อนของหล่อนเข้าเต็ม ๆ!
ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างระหว่างพวกเธอหรือการที่หล่อนมีลูกไม่ได้ ทั้งสองอย่างล้วนจี้ใจดำหล่อนจัง ๆ
หล่อนไม่อาจสู้หลินชิงเหอได้ แต่หล่อนสู้น้องสาวของตัวเองได้
เมื่อเห็นว่าสองพี่น้องจะสู้กันอีกครั้ง คุณป้าจางจึงเอ่ยด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “พวกแกจะสู้กันอีกนานแค่ไหนฮึ!”
“ใช่แล้ว พี่สาว อย่าไปสนใจคำพูดรุนแรงของน้องสาวเลยค่ะ ตอนนี้มันลือกันไปทั่วทั้งพื้นที่นี้แล้ว ตอนที่คุณแม่กับฉันมาถึงเราก็ได้ยิน แถมคนบางคนยังมาถามว่าเธอมีลูกได้หรือเปล่า ช่างขายหน้าเหลือเกิน” สะใภ้บ้านจางเอ่ย
ดวงตาของจางเหมยเหอแดงก่ำด้วยโทสะ “ทั้งหมดเป็นความผิดของนังสารเลวหลินนั่น!”
“พี่สาว อย่าหาว่าฉันพูดรุนแรงเลยค่ะ คุณแม่กับฉันเห็นด้วยกับความรักของน้องสาวกับโจวข่ายนะคะ ส่วนเรื่องที่พี่หลงผู้ชายอีกคนนั้นฉันต้องไม่เห็นด้วยจริง ๆ อาจารย์หลินไม่ใช่คนที่พี่จะเอาตัวเองไปเทียบได้ ดังนั้นล้มเลิกความคิดนั้นเถอะค่ะ” สะใภ้บ้านจางเอ่ย
“เธอ…คราวที่แล้วเธอพูดว่า…”
ก่อนที่จางเหมยเหอจะพูดจบ หล่อนก็ถูกสะใภ้ผู้ทรงอำนาจเอ่ยขัดก่อน “คราวที่แล้วฉันแค่ปลอบพี่น่ะค่ะ ใครจะรู้ล่ะคะว่าพี่จะตรงไปหาเขาที่ร้านค้าแล้วเจอกับภรรยาเขาเข้าพอดี ตอนนี้พี่พาพวกเราทั้งครอบครัวติดร่างแหจมไปพร้อมกับพี่แล้ว ฉันเลยคิดว่าพี่ควรจะแต่งงานแต่เนิ่น ๆ และให้ความหวังกับน้องสาวแทนน่ะค่ะ”
“พี่สะใภ้พอมีคนที่จะแนะนำให้พี่ได้แต่งงานเร็ว ๆ ไหมคะ!” จางเหมยเหลียนเอ่ยแทรก
“จริง ๆ ก็มีอยู่นะ เขาเป็นพ่อม่ายทางบ้านฝั่งแม่ของพี่เองน่ะ เป็นชายอกสามศอกอย่างที่พี่สาวชอบเลยล่ะ ยิ่งกว่านั้นยังมีลูกชายและลูกสาวอย่างละคนที่ยังเล็กอยู่ เหมาะสมกับพี่สาวยิ่งกว่าครอบครัวตระกูลโจวอีก ถ้าพี่สาวได้แต่งงานไปจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นแน่ ๆ ค่ะ” สะใภ้บ้านจางเอ่ย
คุณป้าจางรู้สึกคล้อยตามกับคำพูดเหล่านี้จึงเอ่ยถามรัวเร็ว “แล้วทางบ้านผู้ชายมีฐานะเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”
“เขาทำงานในเหมืองถ่านหิน ในอนาคตเราคงมีถ่านหินใช้กันอย่างสบาย เงินเดือนของเขาอยู่ราว ๆ 50 หยวน ซึ่งนับว่าสูงมากทีเดียวค่ะ” สะใภ้บ้านจางตอบ
“เธอรู้ได้ยังไงน่ะ?” จางเหมยเหอเม้มปาก
“จะเป็นอะไรไปได้ล่ะคะ? นี่ก็เพื่อชีวิตครึ่งหลังของพี่เลยนะคะพี่สาว ปีนี้พี่เพิ่งจะอายุ 27 ปี ยังสาวอยู่แบบนี้ พี่จะปล่อยให้ตัวเองโสดแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ภรรยาของชายคนนั้นเสียชีวิตไปมากกว่า 1 ปีแล้ว เขาจะรักพี่ทันทีที่พี่แต่งงานเลยล่ะค่ะ” สะใภ้บ้านจางตอบ
คุณป้าจางกับคุณลุงจางมีลูก 3 คน คนโตสุดคือจางเหมยเหอ คนที่สองคือสามีของสะใภ้บ้านจางที่ทำงานในเหมืองและกลับมาเพียง 1 วันในเดือนหนึ่ง ๆ ส่วนคนสุดท้องคือจางเหมยเหลียน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจางเหมยเหอถึงกล้าอ่อยโจวชิงไป๋อย่างมั่นใจขนาดนั้น เพราะหล่อนอ่อนวัยกว่าโจวชิงไป๋หลายเท่า ผู้ชายทั้งหลายสามารถต้านทานหญิงที่อายุอ่อนกว่าตัวเองได้ไหมล่ะ?
แน่นอนว่าไม่
แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมหลินชิงเหอถึงบอกให้หล่อนชะโงกดูเงาในปัสสาวะของตัวเอง
ต่อให้หล่อนอ่อนวัยกว่าหลินชิงเหอ แต่หลินชิงเหอก็ยังคงความงดงามเหนือกว่า หลังมาอยู่ที่เมืองหลวงแล้วเธอก็มีผิวขาวขึ้นมาก
ยิ่งกว่านั้นเธอยังบำรุงรักษาผิวมาโดยตลอด ทำให้ผิวของเธอเนียนละเอียดมาก เป็นที่ชื่นชอบของโจวชิงไป๋ขณะทำกิจกรรมระหว่างสามีภรรยาทุกคืน
แล้วเธอก็ยังรู้จักแต่งตัวและวางบุคลิกท่าทางของตัวเองด้วย
เทียบกับหล่อนแล้ว ต่อให้จางเหมยเหอจะอ่อนวัยกว่าเธอ อย่างไรหล่อนก็เทียบกับอีกฝ่ายไม่ติด
หล่อนดูแก่เกินอายุมากกว่าหลินชิงเหอมากนัก
จางเหมยเหอเม้มปากเมื่อได้ยินคำพูดของน้องสะใภ้ หล่อนรู้สึกขัดใจเล็กน้อย เพราะว่าตัวหล่อนเองชอบโจวชิงไป๋จริง ๆ
แค่มองเห็นครั้งแรกก็บอกได้แล้วว่าเขามีความสามารถ!
แต่ในวันนี้หล่อนได้เห็นแล้วว่าหลินชิงเหอไม่ใช่อาจารย์ที่บอบบางและอ่อนโยนแต่อย่างใด
ดังนั้นหลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ จางเหมยเหอก็พยักหน้า
…………………………………………………………………………………