ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 376 ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่
บทที่ 376 ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่
หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา หลินชิงเหอไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหลานสาว เธอหยิบแบบร่างเสื้อผ้าออกมาทั้งหมด 5 แบบ พร้อมทั้งสั่งทำสินค้าไปในปริมาณมาก จากนั้นจึงทำสัญญาร่วมกัน
“อาจารย์หลินเป็นลูกค้ารายใหญ่ของโรงงานเราเลยนะครับ” หวังหยวนยิ้มกว้างหลังจากเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว
“อย่านับว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่เลยค่ะ! โรงงานคุณกำลังจะขยายตลาดไปต่างประเทศอยู่แล้ว” หลินชิงเหอตอบกลับอย่างสุภาพ
ปริมาณการสั่งซื้อของเธอกับที่นี่ไม่ใช่น้อย ๆ
นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าแบบอื่น ๆ ที่ศูนย์ตัดเย็บของเธอตัดเย็บขึ้นมาเองอีกด้วย การทำงาน 2 กะมีประสิทธิภาพไม่ต่ำเลย
“ผมคิดไม่ถึงเลยครับว่าอาจารย์หลินจะมีหลานสาวที่โตขนาดนี้แล้ว” หวังหยวนพูดขึ้นพร้อมมองไปที่โจวเอ้อร์นี
“ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
“ต่อไปก็ให้หล่อนมาที่นี่ให้บ่อยขึ้นสิครับ ผมต้องการคนที่หลักแหลมแบบนี้มาอยู่ที่นี่” หวังหยวนเอ่ย
คำพูดคำจาช่างสมกับเป็นนักธุรกิจ เขาไม่รู้ระดับการศึกษาและความสามารถของหลานสาวเธอเลย แต่ยังสามารถเอ่ยคำว่า ‘หลักแหลม’ ออกมาได้อย่างไม่ติดขัด
ถึงกระนั้น หลินชิงเหอก็รู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีจึงกล่าวว่า “ฉันเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเถ้าแก่หวังน่ะสิคะ”
“รบกวนอะไรกันครับ? มารับสินค้าที่นี่แล้วผมจะให้คนไปส่งสินค้าให้ที่นั่น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยครับ” หวังหยวนตอบ
หลินชิงเหอยิ้มพลางกล่าวว่า “ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้หลานสาวเป็นคนมาดูแลเรื่องนี้”
“ผมยังไม่รู้ชื่อของหล่อนเลย” หวังหยวนเอ่ย
“โจวหงอิงค่ะ” โจวเอ้อร์นีตอบด้วยตัวเอง
นี่เป็นชื่อที่หล่อนตั้งขึ้นเอง ชื่อเอ้อร์นีเหมาะสำหรับในชนบท ตอนนี้เมื่อหล่อนออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว ก็จำเป็นต้องใช้ชื่อที่เป็นทางการมากขึ้นกว่าเดิม
ก็เหมือนกับเจ้าใหญ่กับน้อง ๆ
“ตกลงครับ แค่แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเมื่อคุณมาที่นี่นะครับ” หวังหยวนมองไปที่หล่อน
โจวเอ้อร์นีพยักหน้ารับ
ในยุคนี้ยังไม่มีพิธีรีตองเรื่องการเชื้อเชิญรับประทานอาหารร่วมกัน เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจากคนรุ่นต่อมา หลังจากเสร็จงานแล้วหลินชิงเหอก็ขอตัวกลับพร้อมโจวเอ้อร์นี
“เถ้าแก่หวังเป็นคนที่ดีทีเดียว อาเห็นระบบการทำงานในโรงงานตัดเย็บของเขาแล้วมันยอดเยี่ยมมากเลย เป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถมากจริง ๆ มาที่นี่บ่อย ๆ เธอก็จะเก่งขึ้นเอง” หลินชิงเหอบอกกับโจวเอ้อร์นีหลังออกมาจากโรงงานเสื้อผ้าแล้ว
โจวเอ้อร์นีเข้าใจดีว่าหล่อนจำเป็นจะต้องออกมาเปิดหูเปิดตาให้มากขึ้น การได้ทำเรื่องต่าง ๆ เยอะขึ้นจะเป็นการฝึกฝนตัวเอง หล่อนจึงพยักหน้า “หนูจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
“เถ้าแก่หวังเป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตไกล ฐานะทางครอบครัวก็สูงส่ง” หลินชิงเหอกล่าวขึ้นมาอีก
โจวเอ้อร์นีไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่หล่อนก็ยังพยักหน้าตอบรับไป เมื่อเห็นอย่างนี้หลินชิงเหอก็เข้าใจ โจวเอ้อร์นียังไม่เป็นผู้ใหญ่นักในเรื่องแบบนั้น ดังนั้นหล่อนจึงไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ
ที่เธอต้องการจะสื่อคือหวังหยวนเป็นคนที่ดี แต่ภูมิหลังของครอบครัวของเขานั้นอยู่สูงเกินไป ครอบครัวแบบนี้มีความซับซ้อนมากเกินกว่าที่เด็กสาวธรรมดา ๆ จะรับมือไหว
ดังนั้นที่เธอให้โจวเอ้อร์นีมาที่นี่ก็เพื่อศึกษาเรียนรู้ ไม่ใช่เพื่อให้หล่อนได้แต่งงานเข้าไปในสังคมที่สูงขึ้น แต่เมื่อได้เห็นว่าหล่อนไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น จึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก
มุมมองของเธอต่อหลานสาวคนนี้เป็นไปในแง่ที่ดีมาก เนื่องจากหล่อนเป็นคนที่ผลักดันตัวเองและมีความเพียรพยายาม ตราบใดที่หล่อนไม่หลงผิดชีวิตนี้ก็จะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าหล่อนจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เธอก็จะคอยให้คำแนะนำที่จำเป็น
การคบหาดูใจกับคนในสังคมระดับเดียวกันจะเป็นการแต่งงานที่เหมาะสมมากที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยไหนก็ตาม
หลังจากกลับมาแล้ว เธอก็ให้โจวเอ้อร์นีกลับไปดูแลร้านต่อ เมื่อสวี่เชิ่งเหม่ยเห็นหล่อนกลับมาก็ถามขึ้นว่า “พี่เอ้อร์นี น้าสะใภ้พาพี่ไปที่ไหนมาเหรอคะ?”
“ไปโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้ามาน่ะ” โจวเอ้อร์นีตอบในขณะที่พับเสื้อผ้าอยู่
“ไปทำไมคะ?” สวี่เชิ่งเหม่ยอดถามขึ้นมาไม่ได้
“จะไปทำอะไรได้อีกล่ะ? ก็ไปสั่งเสื้อผ้าไง” โจวเอ้อร์นีตอบ
“ฉันยังไม่เคยไปที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเลย น้าสะใภ้ชอบพี่มากกว่าฉันสินะคะ” สวี่เชิงเหม่ยพูด
โจวเอ้อร์นีชำเลืองมองไปที่หล่อนพร้อมกับกล่าวว่า “อาสะใภ้สี่ปฏิบัติต่อพวกเราเท่าเทียมกันทุกคนนั่นแหละ อย่าคิดมาก”
สวี่เชิ่งเหม่ยไม่เห็นด้วย
เท่าเทียมยังไง? ปฏิบัติกับหล่อนเทียบกับโจวเอ้อร์นีและหู่จือไม่ได้เลย ตอนนี้ทั้งคู่ได้ช่วยจัดทำบัญชีแล้ว
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ น้าสะใภ้สี่ไม่เคยมาบอกให้หล่อนจัดการทำอะไรบ้างเลย
“อ๋อ เมื่อวันก่อนฉันไปที่บ้านคุณยายมาค่ะ คุณยายจูที่อยู่บ้านติดกันมีหลานสาวชื่อจูเจินเจิน ฉันสงสัยว่าหล่อนน่าจะชอบโจวข่าย?” สวี่เชิ่งเหม่ยกล่าว
“เธออย่าพูดเรื่องเหลวไหลอย่างนี้ เจ้าใหญ่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย” สีหน้าของโจวเอ้อร์นีเคร่งขรึมขึ้นในทันที
สวี่เชิ่งเหม่ยโต้ “ฉันพูดเรื่องเหลวไหลหรือคะ? หล่อนเป็นคนดึงตัวฉันไปสอบถามเอง”
หล่อนมองหน้าโจวเอ้อร์นีแล้วกล่าวว่า “แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปหรอกค่ะ ฉันก็ไม่รู้จะบอกอะไร ฉันไม่เคยเห็นหล่อนเป็นแบบนี้มาก่อนเลย”
โจวเอ้อร์นีไม่รู้เรื่องที่แม่เฒ่าจูต้องการจับคู่การแต่งงาน ท่านแม่โจวไม่ได้บอกใครเลยยกเว้นหลินชิงเหอ ถึงจะไม่พอใจก็แค่ไม่พอใจ นางจะไปทำลายชื่อเสียงของฝ่ายหญิงไม่ได้
ดังนั้น โจวเอ้อร์นีจึงเตือนว่า “อยู่ห่าง ๆ จากหล่อนไว้ก็พอ”
สวี่เชิ่งเหม่ยเห็นปฏิกิริยาก็รู้ว่าโจวเอ้อร์นีไม่รู้เรื่องนี้ หล่อนจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เมื่อมาที่บ้านคุณยายหล่อนก็เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เนื่องจากอยากจะสืบความ
เด็กสาวที่โตแล้วจะไม่มาถามเรื่องของโจวข่ายกับหล่อนโดยที่ไม่มีเหตุผลหรอก
จะต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
ท่านแม่โจวตกใจเมื่อได้ฟัง สีหน้าของนางบูดบึ้ง “หล่อนมาหาหลานเพราะเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ?”
หลานสาวของครอบครัวตระกูลจูคนนี้ช่างใจกล้าเกินไปแล้ว หล่อนกล้ามาถามหลานสาวของนางถึงเรื่องหลานชาย นี่หล่อนไม่เข้าใจภาษาคนหรืออย่างไร?
สวี่เชิ่งเหม่ยสามารถเดาสถานการณ์ได้จึงพูดขึ้นทันที “ใช่ค่ะ หล่อนมาถามหนู แต่หนูไม่ได้พูดอะไรออกไปนะคะ”
ท่านแม่โจวกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ต่อไปไม่ต้องไปสนใจหล่อนอีก!”
สวี่เชิ่งเหม่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “คุณยายคะ มีเรื่องอะไรหรือคะ? หล่อนโตเป็นสาวแล้วแต่ยังมาถามหนูเรื่องญาติผู้พี่คนโตอีก ท่าทางหล่อนก็ดูเศร้า ๆ จนเกือบจะทำให้หนูเข้าใจผิดแน่ะค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้ท่านแม่โจวก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป “เศร้าเสียใจอะไรกัน? เข้าใจผิดอะไร? หล่อนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าใหญ่เลย ย่าหล่อนต้องการจะจับคู่หล่อนให้เจ้าใหญ่ แต่ทั้งยายทั้งน้าสะใภ้ของหลานต่างไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้!”
สวี่เชิ่งเหม่ยกระจ่างในทันที เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง หล่อนแปลกใจอยู่ว่าทำไมจูเจินเจินถึงได้มาถามหล่อนในเรื่องนี้
“ต่อไปถ้าหลานเจอหล่อนอีก ก็ไม่ต้องไปพูดคุยด้วย” ท่านแม่โจวสั่ง
หลังจากได้รู้ว่าจูเจินเจินไปสอบถามเรื่องจากหลานสาว ท่านแม่โจวก็หมดความอดทนกับจูเจินเจิน มีเด็กสาวอย่างนี้ด้วย?
หล่อนวิ่งพล่านมาถามนาง มาถามหลานสาวนาง ฝ่ายนางอุตส่าห์ไว้หน้าไม่พูดอะไรออกไป ในขณะที่หล่อนวิ่งป่าวประกาศไปทั่ว!
และเพราะเรื่องนี้ทำให้ท่านแม่โจวแสดงอาการหมางเมินแม่เฒ่าจูตอนที่ได้เจอหน้ากัน
“เธอยังพอมีแตงกวากับมะเขือเทศอยู่ที่บ้านบ้างไหม?” แม่เฒ่าจูยังไม่ตระหนักถึงความคิดของท่านแม่โจว นางมาขอแตงกวากับมะเขือเทศตั้งแต่เช้าตรู่
“ไม่มี” ท่านแม่โจวปรายตาไปทางหล่อนแล้วพูดสั้น ๆ
แม่เฒ่าจูอึ้งไปก่อนจะเอ่ยว่า “ฉันเห็นเธอปลูกไว้ตั้งเยอะ จะไม่มีได้อย่างไรกัน?” หล่อนปลูกไว้ที่สวนหลังบ้านตั้งเยอะ!
“ฉันจะเก็บเอาไปให้ลูกสะใภ้สี่ของฉัน ต่อไปในอนาคตฉันจะส่งของพวกนี้ไปที่นั่น” ท่านแม่โจวตอบอย่างไม่อบอุ่นและไม่เย็นชาเกินไป
แม่เฒ่าจูสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจึงหันหลังกลับออกไป
พอมาถึงบ้าน หล่อนก็มาบ่นให้เฒ่าจูฟัง “ก็แค่แตงกว่ากับมะเขือเทศเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ของหายากอะไรสักหน่อย นี่หล่อนคิดว่าฉันอยากจะได้ของพวกนั้นเสียเต็มประดาหรือยังไง!”
เฒ่าจูจัดเก็บอุปกรณ์หมากรุกแล้วมุ่งหน้าไปหาท่านพ่อโจวกับเฒ่าหูเพื่อออกไปเล่นหมากรุกที่สวนสาธารณะด้วยกัน
…………………………………………………………………………………