ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 573 เจ้าสามมาถึงแล้ว
บทที่ 573 เจ้าสามมาถึงแล้ว
พวกเขาจัดงานเลี้ยงต้อนรับญาติบุญธรรมกันภายในบ้าน
ครอบครัวเจียงซื้อพวกผักต่าง ๆ มา ส่วนโจวชิงไป๋เป็นคนทำกับข้าว มีรองผู้ว่าการเจียงกับเจียงเกิงสองพ่อลูกเข้าไปช่วยทำด้วย
ส่วนคนที่นั่งรออยู่ที่ลานบ้านนั้นมีหลินชิงเหอกับเซวียเหม่ยลี่ แล้วก็มีเจียงอวี๋ผู้เป็นลูกสาวกับยายเฒ่าเจียง
หลินชิงเหอเป็นคนพูดเก่งคนหนึ่ง เซวียเหม่ยลี่ก็ไม่ใช่คนขี้อายอะไรแบบนั้น เพราะว่าหลินชิงเหอเคยเห็นมาแล้ว ดังนั้นตอนที่ยายเฒ่าเจียงพูดเรื่องนั้นออกมา หล่อนจึงตอบตกลงเรื่องนี้
อย่างในตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลวจริง ๆ รองผู้ว่าการเจียงกับโจวชิงไป๋กำลังพูดคุยกันถูกคอ เพราะว่าก่อนหน้านี้รองผู้ว่าการเจียงเคยเป็นทหารมาก่อนจะลาออกมา
อาหารเลี้ยงนับญาติมื้อนี้ดูอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว
เจียงเกิงยกสุราให้โจวชิงไป๋ด้วยใบหน้าแดงก่ำ และยกน้ำเปล่าแทนสุราให้แก่หลินชิงเหอ หลังจากนั้นก็โขกหัวคำนับสามครั้งอย่างจริงจัง พร้อมกับเปลี่ยนคำเรียกเป็นพ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม
โจวชิงไป๋และหลินชิงเหอก็ทำความเคารพกลับ
ขบวนการรับเป็นญาติบุญธรรมทั้งหมดก็เสร็จสิ้นลงเช่นนี้
ทั้งสองครอบครัวจึงถือได้ว่าเป็นญาติกันแล้ว
หลินชิงเหอจึงต้องเล่าเรื่องของพวกเองที่อยู่ฝั่งนั้นให้พวกเขารับรู้
พอได้ยินว่าลูกชายคนโตอยู่ภายในกองทัพ ลูกชายคนรองกำลังเรียนปริญญาโท และลูกชายคนที่สามก็ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เซวียเหม่ยลี่ก็รู้สึกนับถือมาก “คุณสั่งสอนลูกของคุณดีเกินไปแล้วค่ะ”
ลูกชายทั้งสามของหล่อนต่างก็เป็นมังกรเป็นหงส์กันหมด
หลินชิงเหอยิ้ม “เป็นเพราะตัวพวกเขาเองมากกว่าค่ะ ไม่อย่างนั้นต่อให้ฉันเฆี่ยนตีอย่างไรก็คงเข็นไม่ขึ้น”
“ก็เพราะว่าคุณนำพวกเขามาดี ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเรียนหนังสือกันหมดได้อย่างไรกันคะ” เซวียเหม่ยลี่พูด “อีกอย่างฉันกับพ่อแม่สามีของฉันก็อยากจะลองไปปักกิ่งดูสักครั้งด้วย”
“ไม่มีปัญหาเลยค่ะ เดี๋ยวหลังจากนี้นั่งรถไฟไปปักกิ่งก็พอ ฉันจะให้เจ้ารองกับเจ้าสามขับรถไปรับกลับมาบ้านเอง” หลินชิงเหอพูด
เซวียเหม่ยลี่ยิ้มพูด “งั้นก็ต้องรบกวนด้วยนะคะ”
“รบกวนอะไรกันคะ ไปมาหากันบ่อย ๆ สิคะถึงจะดี” หลินชิงเหอพูด
โจวชิงไป๋ก็พูดขึ้นเช่นเดียวกัน “ที่โน่นมีกิจกรรมสนุก ๆ เยอะเลยครับ สถานที่ท่องเที่ยวก็เริ่มที่จะเปิดแล้ว หากไปที่โน่นไม่ต้องกังวลเรื่องกินหรือเรื่องที่อยู่อาศัยเลย”
รองผู้ว่าการเจียงพูด “งั้นหลังจากนี้พวกเราจะต้องไปให้ได้เลยครับ”
“ต้องไปแน่นอน พ่อของลูกอยากไปเทียนอันเหมินมาครึ่งชีวิตแล้ว ตอนนี้เปิดประเทศแล้วก็ควรจะต้องไปดูสักครั้ง” ยายเฒ่าเจียงพูด
“ใช่แล้ว” ตาเฒ่าเจียงพยักหน้า
หลินชิงเหอก็พูดกับเจียงเกิง “ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ ถ้าสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ก็ไม่ต้องห่วงอะไร หากไปที่นั่นแม่บุญธรรมจะเตรียมเรื่องกินเรื่องเสื้อผ้าให้เอง”
เซวียเหม่ยลี่ดีใจจนแทบเก็บไปอยู่ หล่อนชอบความสบาย ๆ ของหลินชิงเหอมาก แต่หล่อนก็รู้สึกทำใจไม่ได้ที่จะให้ลูกชายไปปักกิ่งและเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเลย ไปเที่ยวเล่นที่นั่นก็ถือว่าดีไม่น้อย
“บ้านที่นั่นมีโทรศัพท์ด้วยค่ะ พวกคุณจดเบอร์เอาไว้ หากไม่อะไรก็แค่โทรมาก็พอค่ะ” หลินชิงเหอพูด
เจียงเกิงหยิบกระดาษกับปากกามาจดเบอร์โทรศัพท์เอาไว้
หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงรับญาติแล้ว รองผู้ว่าการเจียงกับเซวียเหม่ยลี่ก็พาลูกชาย ลูกสาวตัวเองกลับไป
ตกดึกสองสามีภรรยาก็พูดคุยกันเอง
“ครอบครัวญาติบุญธรรมนี้ถือว่าไม่เลวเลย” รองผู้ว่าการเจียงพูดขึ้น
“ไม่ดีเหรอคะ พ่อบุญธรรมแม่บุญธรรมของเสี่ยวเกิงแค่เห็นก็รู้ว่าเป็นคนสบาย ๆ ลูกชายของพวกเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร บ้านที่นั่นยังมีโทรศัพท์ด้วย ทางนี้พวกเขายังมีรถยนต์อีก พวกเขามีพร้อมมากกว่าครอบครัวพวกเราเสียอีก” เซวียเหม่ยลี่พูด
ครอบครัวของพวกเขาย่อมไม่ได้ด้อย สามีของหล่อนเป็นถึงรองผู้ว่าการ ปลายปีหน้าหัวหน้าของเขาก็จะได้เลื่อนขั้น ส่วนสามีของหล่อนก็จะได้เลื่อนขั้นไปด้วยเช่นกัน
แต่ว่าถ้าพูดถึงติดตั้งโทรศัพท์กับซื้อรถยนต์แล้วนั้น พวกเขายังไม่รวยถึงขนาดนั้น
“ไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว สิ่งสำคัญคือครอบครัวพวกเขาดีก็พอแล้ว” รองผู้ว่าการเจียงพูด
หลังจากเลี้ยงรับญาติบุญธรรมแล้ว ความสัมพันธ์ของสองครอบครัวย่อมดีขึ้นเป็นธรรมดา ธรรมดาแล้วเจียงเกิงจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อเรียนหนังสืออยู่แล้ว บางครั้งเลิกเรียนดึกหลินชิงเหอก็ให้เขากินข้าวเย็นรอบสองที่นี่ด้วยกันเลย
หลินชิงเหอกินข้าวเย็นรอบแรกไปเมื่อตอนสี่โมงเย็น หนึ่งทุ่มกว่าเธอก็จะกินอีกรอบ ก่อนเข้านอนก็จะกินอะไรอีกเล็กน้อยแล้วค่อยนอน
วิธีกินน้อย ๆ แต่กินหลายมื้อนี้จะทำให้ไม่อ้วนง่าย
ก่อนที่จะปิดเทอมฤดูร้อน โจวชิงไป๋ก็ได้ร้านค้ามาอยู่ในมืออีก 2 ร้าน และในตอนนี้ท้องของหลินชิงเหอก็นูนออกอย่างเห็นได้ชัดแล้ว พอท้องเริ่มที่จะนูนออกมาตอนที่หล่อนสวมชุดหน้าร้อน ก็สามารถมองเห็นหน้าท้องได้แล้ว ปริมาณอาหารก็เห็นได้ว่าเพิ่มขึ้นด้วย
“แม่บุญธรรมครับ ผมได้ยินคุณย่าพูดว่าท้องนี้เป็นน้องสาวเหรอครับ?” เจียงเกิงพูด
“พี่ทั้งสามของลูกเป็นผู้ชายหมดเลย พ่อบุญธรรมของลูกเลยหมกมุ่นอยากได้ลูกสาว ก็เลยพยายามมาตลอด ทั้งหมดก็เป็นความปรารถนาของเขาทั้งนั้น” หลินชิงเหอเอนหลังกับโซฟาอย่างเกียจคร้านแล้วพูด
โซฟานี้โจวชิงไป๋ซื้อมาให้เป็นพิเศษ แล้ววางเอาไว้ในบ้านให้เธอได้เอนตัวนอน
เจียงเกิงหัวเราะแล้วจึงเรียนต่อ
ไม่กี่วันต่อมาโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายก็ตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าใครจะได้มา และก็เป็นโจวกุยหลายที่ได้มาหา
โจวชิงไป๋ไปรับที่สถานีรถไฟโดยขับรถยนต์ไป พอโจวกุยหลายเห็นรถยนต์เขาก็ยืนมึนไปเลย
“ป๊า นี่คือรถของบ้านเรางั้นเหรอ?” โจวกุยหลายพูดอย่างตื่นเต้น
“อืม” โจวชิงไป๋ตอบรับอย่างเย็นชา
“ปีหน้าผมจะได้เรียนขับรถแล้ว!” โจวกุยหลายพูดโพล่งขึ้นมาทันที
พี่ชายของเขาสองคนขับรถเป็นกันหมดแล้ว เหลือแต่เขาที่ยังขับรถไม่เป็น แน่นอนว่าเขาอยากเรียน แต่ว่าพ่อกับแม่บอกว่าหากเขายังไม่อายุถึง 18 ปี จะเรียนตอนนี้ก็ยังเรียนไม่ได้
โจวชิงไป๋ไม่สนใจเขา และขับรถมาที่บ้าน
ตอนที่สองพ่อลูกกลับมาถึง ยายเฒ่าเจียงกำลังพูดคุยอยู่กับหลินชิงเหอพอดี
“เจ้าสามของฉันมาแล้วค่ะ” หลินชิงเหอได้ยินเสียงรถก็ยิ้มและพูดขึ้น
ยายเฒ่าเจียงพูด “ฉันอยากจะเห็นเขาจัง” ยายเฒ่าเจียงยิ้มพูด หลังจากนั้นก็ออกมายืนต้อนรับ และก็มองเห็นโจวกุยหลายที่รูปร่างสูงใหญ่ถือกระเป๋าเดินทางมา
“โอ้โห ฉันคิดว่าชิงไป๋สูงพอแล้วนะ เจ้าสามของเธอเพิ่งจะอายุ 17 ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงสูงขนาดนี้?” ยายเฒ่าเจียงพูดอย่างประหลาดใจ
อย่ามองว่าโจวกุยหลายอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น แต่ส่วนสูงของเขากลับไม่เตี้ยกว่าพ่อของเขาเลย
“ป๊าครับ คุณยายท่านนี้คือใครเหรอ?” โจวกุยหลายหันมามองพ่ออย่างงง ๆ
“ลูกเรียกว่ายายเจียงสิ” โจวชิงไป๋พูด
“ยายเจียงครับ” โจวกุยหลายเรียกตาม
ยายเฒ่าเจียงตอบรับคำทักทายของเขาแล้วพูด “รีบเข้ามาเถอะ แม่ของเธอกำลังรออยู่เชียว”
โจวกุยหลายถือกระเป๋าเดินทางของเขาเข้ามาแล้ว ก็เห็นแม่ของเขากำลังนอนเอนตัวอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางเกียจคร้าน หน้าท้องก็โตขึ้นมาแล้ว ตัวคนก็อ้วนขึ้นไม่น้อย อืมม ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะเลี้ยงได้ไม่เลว
“เจ้าสามมาแล้ว” หลินชิงเหอพูด
“ม้ารู้สึกอย่างไรบ้างครับ” โจวกุยหลายวางกระเป๋าเดินทางไว้บนพื้น แล้วเดินมาหา
“สบายดีจ๊ะ เหนื่อยล่ะสิ ไปอาบน้ำก่อนเถอะ” หลินชิงเหอพูด
โจวกุยหลายดมกลิ่นตัวตัวเอง ที่นี่อากาศร้อนอบอ้าวกว่ามาก เขาจึงไปอาบน้ำก่อน
ยายเฒ่าเจียงพูดกับหลินชิงเหอ “เด็กคนนี้สูงจริง ๆ ต่อไปก็ยังสูงได้อีก”
“พี่ชายใหญ่เขาก็สูงประมาณ 190 กว่าค่ะ ถ้าเขายังโตแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ น่าจะไม่ต่างกับพี่ชายใหญ่เขาเท่าไหร่” หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ
เจ้ารองโจวเฉวี่ยนไม่ได้สูงจนน่ากลัวขนาดนั้น เขาสูงประมาณ 186 และตอนนี้ก็ไม่ได้สูงขึ้นอีกแล้ว แต่ส่วนสูงเท่านี้กำลังดีแล้ว เจ้าใหญ่กับเจ้าสามสองคนสูงเกินไปจริง ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจ้าสามมาเยือนเซี่ยงไฮ้แล้ว ต้องครึกครื้นมากแน่ ๆ ค่ะ
ไหหม่า(海馬)