ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 585 ไล่ไป
บทที่ 585 ไล่ไป
หลังยายเฒ่าเจียงพูดประโยคนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณแม่กัวก็เริ่มฝืดเฝื่อนไป เพียงเท่านี้หล่อนก็รู้ว่ายายเฒ่าไม่มีเจตนาดีแล้ว
“แต่พี่รองของเสี่ยวเกิงยังเรียนอยู่ ได้ยินว่าจะเรียนต่อด้วย หลานสาวฉันเองที่อยู่ไกล ๆ ฉันยังไม่อยากจะแนะนำให้เลย อีกทั้งนี่ก็อีกตั้งนานกว่าเขาจะเรียนจบ เดี๋ยวรอดูไปก่อนนะจ๊ะ ตอนนี้พูดยังไงไปก็ไม่มีประโยชน์” ยายเฒ่าเจียงพูด
“ทำไมจะไม่มีประโยชน์คะ?” คุณแม่กัวพูดด้วยอาการปกติ
“มันก็แน่อยู่แล้วล่ะจ้ะ ถ้าแนะนำไปแล้วต้องรอเขาอีกนานแค่ไหน? อีกทั้งถ้ารอแล้วต่อไปเกิดเขาเรียนต่อมหาวิทยาลัยอีก เจอคนที่ดียิ่งกว่าจะทำยังไง? ฉันว่านะรอให้พี่รองของเสี่ยวเกิงเรียนจบแล้วค่อยพูดดีกว่า ถึงตอนนั้นเขาก็ไม่ได้เจอกับนักศึกษาสาว ๆ แล้ว” ยายเฒ่าเจียงพูด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ยายเฒ่าเจียงพูดมานั้นก็มีเหตุผล
ตอนนี้นางรู้แล้วว่าตระกูลกัวเปลี่ยนท่าทีไปจากเดิมเพราะแผนการแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ตัดรอนความคิดของพวกหล่อนในทันที เนื่องจากท้องของหลินชิงเหอตอนนี้ใหญ่มากแล้ว ใครจะไปรู้ว่าตระกูลกัวจะมีคุณธรรมแบบไหนกัน?
ดังนั้นนางจึงไม่พูดตัดเยื่อใย ใช้วิธีผัดผ่อนเวลาออกไปก่อน รอให้เด็กคลอดออกมาแล้ว ถึงตอนนั้นจะทำอะไรก็ได้
แม้คุณแม่กัวจะรู้สึกว่าที่ยายเฒ่าเจียงพูดมานั้นมีเหตุผล แต่หล่อนก็พูดต่อว่า “แต่ถ้าตกลงกันไว้ก่อน งั้นเขาก็ไม่สามารถไปคบกับใครได้แล้วนี่คะ?”
“ที่เธอว่ามาน่ะมันเป็นเพราะว่าพวกเราอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ขนาดครอบครัวที่แต่งงานแล้วยังหย่าร้างให้เห็นไม่น้อย นับประสาอะไรกับพวกที่ต้องเลิกรากันโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน” ยายเฒ่าเจียงพูด
นี่ก็เป็นความจริงข้อหนึ่งอีกเช่นกัน
ไม่เหมือนกับครอบครัวที่ชนบท ที่เมื่อแต่งงานแล้วก็จะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต น้อยมากที่จะหย่าร้างกัน เพราะกลัวอับอายขายหน้าผู้อื่น แต่ที่เมืองใหญ่ 2-3 ปีมานี้ มีครอบครัวไม่น้อยที่หย่าร้างกันไป
“ตระกูลโจวคงไม่ใช่คนที่ทำแบบนั้นหรอกมั้งคะ” คุณแม่กัวพูดอย่างลังเล
“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิด แต่ว่าครอบครัวฝ่ายหญิงน่ะยังไงก็เสียเปรียบอยู่ดี” ยายเฒ่าเจียงพูด
ในใจของคุณแม่กัวคิดว่าถ้านี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ว่าลูกสาวหล่อนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างนั้นเหรอ? แต่ถ้าตระกูลโจวกล้าทำให้ลูกสาวหล่อนเสียหายจริง หล่อนก็ไม่ยอมเหมือนกัน ถึงตอนนั้นต้องชดใช้ให้กับครอบครัวของหล่อนด้วยบ้านหลังนั้น!
คุณแม่กัวยิ้มแล้วพูด “ตกลงกันเอาไว้ก็ดีเหมือนกันค่ะ คุณป้าคิดว่าเมี่ยวจวินเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
ยายเฒ่าเจียงไม่อยากจะทนกับตระกูลกัวอีกต่อไปแล้ว หล่อนพูดแบบนี้ออกมานางก็เข้าใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็จะไม่ถอย
ตอนนี้เองโจวเฉวี่ยนก็เดินเข้ามาพอดี เขากะว่าจะมาเด็ดแตงกวาไปกิน พอเห็นคุณแม่กัวก็ยินหล่อนว่าคุณป้า หลังจากนั้นก็พูดกับยายเฒ่าเจียงว่า “ย่าเจียงครับ ผมมาขอเด็ดแตงกวาไปหน่อยนะครับ”
“เด็ดไปเถอะ” ยายเฒ่าเจียงพูด
คุณแม่กัวเห็นก็ยิ้มให้อย่างใจดีมีเมตตา และพูดว่า “ไม่เห็นต้องไปเด็ดมาเลย ฉันเอามาอยู่ไม่น้อย เธอมาเอาไปกินสิจ๊ะ”
“ไปเด็ดหลังบ้านกลับมาให้คุณป้าเอากลับไปดีกว่าลูก มีเยอะกว่าด้วย” โจวเฉวี่ยนยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ยายเฒ่าเจียงก็พูดขึ้น
นางไม่อยากให้เขารับของจากบ้านตระกูลกัวไปกิน
โจวเฉวี่ยนจึงไปเด็ดแตงกวามา ยายเฒ่าเจียงพูดกับคุณแม่กัวว่า “เธอก็เหมือนกัน แม่สามีเธอประหยัดถึงขนาดนั้น ยังเด็ดแตงกว่ามาให้อีก กลับไปแล้วหล่อนจะว่าเธอได้ เอากลับไปเยอะ ๆ แล้วกัน”
คำพูดของคุณแม่กัวถูกสกัดไม่ให้พูดกลับไปได้ เดิมทีหล่อนยังคิดว่ายายเฒ่าเจียงเป็นคนเรื่องมาก แต่พอได้ยินคำพูดแบบนี้หล่อนก็ไม่มีอะไรต้องพูดดีด้วยแล้ว
โจวเฉวี่ยนเด็ดมา 4 ถึง 5 ผล ล้างแล้วก็กินของตัวเอง 1 ผล ที่เหลือเขายกให้คุณแม่กัว
คุณแม่กัวยิ้มแล้วพูด “พ่อหนุ่มจ๊ะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร”
“ต้องขอโทษด้วยครับคุณป้า ผมชื่อโจวเฉวี่ยน” เจ้ารองที่กินแตงกวาอยู่พูด
“โจวเฉวี่ยน ป้าได้ยินมาจากย่าเจียงว่าเธอยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เหรอจ้ะ?” ท่านแม่กัวยิ้มพูด
“อืม ครับ” โจวเฉวี่ยนพยักหน้าพูด
“แล้วเธอมีคนคบหาหรือยังล่ะ?” คุณแม่กัวพูด
“คุณป้าล้อเล่นแล้วครับ ตอนนี้ผมจะไปมีแฟนได้ยังไงครับ ยังเรียนอยู่เลย อย่างเร็วที่สุดก็คือเรียนจบออกมาแล้ว มีงานทำแล้วค่อยว่ากันครับ ไม่อย่างนั้นเงินก็ยังไม่มีจะเลี้ยงแฟนได้ยังไงครับ?” โจวเฉวี่ยนพูด
ยายเฒ่าเจียงแอบยกนิ้วโป้งอยู่ในใจ พูดได้ดี
แต่คุณแม่กัวไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ใช่หล่อนแล้ว “ทำไมพูดอย่างนั้นละจ๊ะ? บ้านเธอก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินนี่”
“คุณป้าพูดผิดแล้วละครับ ครอบครัวของผมฐานะปานกลาง อีกทั้งเรื่องคู่ครองของผมก็เป็นเรื่องของผมเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับครอบครัวผมเลย” โจวเฉวี่ยนกินแตงกวาแล้วตอบ
คุณแม่กัวได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้วก็นิ่งอึ้งหัวสมองว่างเปล่า ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง เลือกคู่ครองสามารถไม่ดูครอบครัวของอีกฝ่ายได้เหรอ? ครอบครัวของอีกฝ่ายสิถึงจะเป็นสิ่งสำคัญ
“การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญเหมือนกันค่ะ” ยายเฒ่าเจียงเปิดปากพูด
“ใช่ครับ หลายคนมาแนะนำกับผม แต่ว่าตอนนี้ผมไม่มีเรื่องนี้อยู่ในหัวเลยครับ ไว้หลังจากนี้ค่อยว่ากันก็ได้” โจวเฉวี่ยนพูด
แม้ว่าคุณแม่กัวจะไม่ประสบความสำเร็จในการขายลูกสาวตัวเองออกไป แต่ก็ไม่ถือว่าหล่อนพ่ายแพ้เสียทีเดียว เนื่องจากเขาต้องเรียนจึงไม่มีทางเลือก ตอนนี้เชื่อมความสัมพันธ์กับสองครอบครัวก่อน ต่อไปถ้าลูกสาวหล่อนยังหาคู่ครองไม่ได้ ค่อยดูกันอีกทีก็ยังไม่สาย
คุณแม่กัวเดินจากไปแล้ว โจวเฉวี่ยนกินแตงกวาหมดไป 1 อันแล้วก็ไปเด็ดมะเขือเทศมากินต่อ ก่อนจะพูดกับยายเฒ่าเจียงว่า “ย่าเจียงครับผมขอตัวกลับไปก่อนนะครับ”
“กลับไปเถอะลูก” ยายเฒ่าเจียงพยักหน้า และไม่คิดจะพูดกับเขาเรื่องของตระกูลกัวอีก เนื่องจากอีกไม่นานเขาก็จะกลับไปเรียนต่อที่ปักกิ่งแล้ว
นางรอให้หลินชิงเหอกลับมา
หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ออกไปเดินเล่น 40 กว่านาทีถึงค่อยกลับมา ท้องของเธอตอนนี้ออกกำลังกายอย่างอื่นไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่หากได้เดินเล่นบ้างจะเป็นผลดีมาก
และพอได้เดินเช่นนี้รอบหนึ่งเธอก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อย อยากจะหาอะไรกินแล้ว
ทั้งที่ก่อนออกไปเดินเล่นเพิ่งจะกินมันเทศต้มกับข้าวโพดต้มอย่างละอันก็เถอะ!
“หิวแล้วเหรอครับ?” โจวชิงไป๋ยิ้มถาม
หลินชิงเหอมองค้อนเขาตาขาว จากนั้นโจวชิงไป๋จึงเข้าไปนำถั่วเขียวต้มออกมาให้
แม้ว่าถั่วเขียวต้มจะเย็นชืดไปแล้ว แต่กินนิดหน่อยก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับคนท้อง เพียงอย่าเย็นเกินไปนักก็พอ
ถั่วเขียวต้มมีรสหวานอร่อยมาก แต่ก็ไม่สามารถดับความหิวได้ เธอกินถั่วเขียวต้ม 2 ถ้วยพร้อมกับดูทีวีไปด้วยแป๊บเดียวก็เกือบจะหมดแล้ว
แต่ตอนนี้โจวชิงไป๋กำลังเริ่มเตรียมทำอาหารเย็น
ปลากะพงเหลือง 1 ตัว ต้มจืดฟักซี่โครงหมู 1 ชาม ผัดผักกาดขาว 1 จาน กับมันฝรั่งผัดเนื้อตุ๋น กินคู่กับข้าวชามใหญ่
หลินชิงเหอกินเสร็จก็ไปเดินย่อยหลังอาหารที่บ้านของยายเฒ่าเจียง เพราะว่าอยู่ข้างบ้านโจวชิงไป๋จึงไม่ได้ไปด้วย
จึงไม่ได้ยินเรื่องที่ยายเฒ่าเจียงบอกหลินชิงเหอเกี่ยวกับบ้านตระกูลกัว
หลินชิงเหอได้ฟังแล้วในที่สุดก็เข้าใจ ว่าเจตนาของตระกูลกัวคืออะไร
เธอว่าแล้วว่าทำไมช่วงนี้จึงได้มีท่าทางที่ดีต่อเธอได้ ที่แท้ก็เพราะว่าคิดถึงเจ้ารองของเธอนี่เอง
กัวเมี่ยวจวินคนนั้นเธอเคยเห็นมาแล้ว และก็ไม่ใช่ผู้หญิงไม่ดี แต่หล่อนไม่เหมาะกับเจ้ารองของเธออยู่ดี
อีกทั้งหากมองว่าพวกเขาเหมาะสมกันก็เป็นเรื่องที่คิดไปก่อนจะเกิดขึ้นจริงทั้งนั้น ตระกูลกัวพวกนี้เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนที่จะหยุดอะไรง่าย ๆ
“ตอนนี้ท้องของเธอใหญ่ถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ควรมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเลยจะดีที่สุด ดังนั้นก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อน ต่อไปค่อยว่ากัน บางทีลูกสาวหล่อนอาจทนไม่ไหวแต่งงานออกไปเร็ว ๆ ก็ได้” ยายเฒ่าเจียงพูด
หลินชิงเหอพยักหน้า ไม่พูดอะไรมากอีก
แต่เป็นอย่างที่ยายเฒ่าเจียงพูดจริง คุณแม่กัวนั้นเพิ่งพูดจบ ก็มีแม่สื่อเข้ามาพูดกับหล่อนว่าอยากจะจับคู่ให้
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พยายามจะตื้อเอาให้ได้เลยนะบ้านกัว เสียใจด้วยค่ะที่เจ้ารองไม่สนใจ
ไหหม่า(海馬)