ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 631 บ้านราคาแพง
บทที่ 631 บ้านราคาแพง
ตอนนี้อากาศที่ไห่หนานอยู่ที่ประมาณ 23 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่ถือว่าอบอุ่นกำลังสบาย เปรียบเสมือนได้อาบลมในฤดูใบไม้ผลิ[1]
แม้ว่าไห่หนานในตอนนี้จะเทียบเท่ากับยุคหลังจากนี้ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นเมืองชั้นนำที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ บรรยากาศจึงคึกคักเป็นอย่างมาก
ตอนหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋พามี่มี่ลงเรือ ก็มองเห็นภาพบรรยากาศคึกคักได้จากที่บริเวณท่าเรือแล้ว
ในปีนี้มีประชากรอาศัยอยู่ในเมืองไม่ถือว่าเยอะนัก แต่ก็ถือว่าครึกครื้นแล้ว ทว่าหลินชิงเหอมองความเปลี่ยนแปลงในปีนี้แล้วก็รู้ว่าปีหน้าเป็นต้นไปถึงจะมีคนนับแสนคนมาอาศัยอยู่ที่นี่
พวกเขาสามคนหาที่พักกันก่อน จากนั้นก็อาบน้ำชำระกลิ่นไอเค็มจากทะเลที่ติดตัวออกไป แล้วจึงออกมาหาของกิน
รอบด้านนั้นเป็นทะเลทั้งหมด อาหารทะเลก็ต้องอุดมสมบูรณ์เป็นธรรมดา อย่างเช่นหอยสังข์ตัวใหญ่ที่มีเนื้อทั้งอวบทั้งสด แถมราคาก็ไม่แพง ซึ่งหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ชอบมาก ส่วนสาวน้อยมี่มี่กินโจ๊กกุ้งไปหนึ่งถ้วย ก็กินอย่างอื่นไม่ลงแล้ว
การนั่งเรือมาที่นี่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียไม่น้อย ดังนั้นหลังจากมี่มี่กินอิ่มแล้ว เธอก็พิงตัวลงในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ จากนั้นไม่นานก็หลับไป
โจวชิงไป๋เห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวด เขาปรับเปลี่ยนท่าทางให้ลูกสาวได้นอนสบาย ๆ ก่อนจะให้เธอหลับต่อไป
หลินชิงเหอกินไปพอประมาณแล้วก็พูดขึ้น “มาค่ะฉันอุ้มเอง คุณกินต่อเถอะ”
โจวชิงไป๋จึงส่งลูกสาวให้กับภรรยา หลังจากนั้นก็จัดการกวาดทะเลอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ไม่นานอาหารที่เต็มโต๊ะอยู่ก็ถูกกวาดลงท้องของโจวชิงไป๋ถึงเจ็ดส่วน
หลินชิงเหอรู้ตั้งนานแล้วว่าเขาชอบกินอาหารทะเล และอาหารทะเลของที่นี่ก็สดดีจริง ๆ จึงปล่อยให้เขาได้ทานตามใจ
“คุณกินอย่างนี้พอพวกเรากลับไป เดี๋ยวน้ำหนักคุณได้ขึ้นไปถึงร้อยกิโลขึ้นไปหรอกค่ะ” ระหว่างทางกลับมาโรงแรม หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ
โจวชิงไป๋พูด “พรุ่งนี้เช้าผมจะออกไปวิ่ง”
เด็กน้อยเหนื่อยแล้ว ผู้ใหญ่ก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน หลังอาบน้ำกินข้าวพวกเขาก็ค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย ตอนนี้จึงขอกลับไปพักผ่อนก่อน
รอให้ตื่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน อย่างไรก็มีเวลาอีกมาก ไม่ต้องรีบร้อน
ทั้งครอบครัวรู้สึกหิวอีกครั้งในตอน 5 โมงเย็น ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงมี่มี่ก็หิวอีกครั้ง จึงลุกขึ้นมากินเกี๊ยวกุ้งเล็กน้อย หลังจากนั้นพวกเขาก็หลับต่อ และตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไป
โจวชิงไป๋ออกไปวิ่ง ตอนที่เขากลับมา หลินชิงเหอกับสาวน้อยมี่มี่ก็เพิ่งตื่นนอน พวกเธอกำลังหวีผมใส่เสื้อผ้ากันอยู่เลย
“ผมไปดูรอบ ๆ มา และก็ถามคนสองสามคนแถวนั้น ร้านค้าที่นี่ราคาไม่ต่ำเลย” โจวชิงไป๋พูด
“เท่าไหร่คะ?” หลินชิงเหอพูด
“1,300 กว่าหยวน ที่ทำเลดีก็ประมาณ 1,400-1,500 หยวน” โจวชิงไป๋พูด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าราคานี้มันแพงมากจริง ๆ ขณะนี้ฐานเงินเดือนอยู่ที่เท่าไหร่กัน? ในเมืองปักกิ่งตอนนี้ที่นับว่ามีฐานเงินเดือนมากที่สุดแล้วก็ได้เพียง 100 กว่าหยวนต่อเดือนเท่านั้น
ราคา 1,000 หยวนต่อ 1 ตารางเมตร ด้วยเงินเดือนเท่านี้ ต้องประหยัดเงินอย่างไรถึงจะสามารถซื้อ 1 ตารางเมตรได้?
“อีกเดี๋ยวค่อยไปดูค่ะ” หลินชิงเหอพูด
ตอนนี้เธอยังไม่มีแผนว่าจะทำอะไร เพียงแค่มาพักผ่อนกับครอบครัวเท่านั้น ไม่สู้ออกไปเดินดูรอบ ๆ ก่อนดูว่าในความทรงจำของเธอจะยังเหมือนเดิมไหม
แม้ว่าพวกเธอตอนนี้จะมีเงินมหาศาล และทุกเดือนก็มีรายได้เข้ามาไม่น้อย แต่จะใช้เงินไปแบบนี้ไม่ได้ เนื่องจากที่นี่ไกลจากปักกิ่งมาก ถ้าจะทำจริงมันก็ดูวุ่นวายไม่น้อย
ในเมื่อมาแล้วก็ไม่ต้องมาอีกอะไรทำนองนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นอันลงมือทำอะไร เรื่องอะไรจะให้มันเป็นสิ่งกวนใจเสียเปล่า ๆ
อีกอย่างถ้าเอาเงินมาไว้ที่นี่ ไม่สู้กู้เงินธนาคารเอาไปซื้อที่ดินที่ชิงไป๋พาเธอไปดูดีกว่าเหรอ
แต่ไปดูสักหน่อยก็ไม่เสียหาย
โจวชิงไป๋ออกไปวิ่งมาจนเหงื่อเต็มตัว เขาจึงเข้าไปอาบน้ำอีกครั้ง และทั้งครอบครัวก็ออกมากินโจ๊กทะเล
เมื่อกินเสร็จแล้วจึงเริ่มไปดูอาคารพาณิชย์ของเมืองไห่หนาน ที่นี่พัฒนาเร็วมากจริง ๆ อาคารพาณิชย์ของที่นี่ทุกตึกมีแต่ตึกสวย ๆ ทั้งนั้น
สำหรับสายตาของนักวิเคราะห์ความงามแล้วนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
“ถ้าทั้งสองท่านต้องการอะไรล่ะก็ สามารถเรียกหาผมได้เลยนะครับ ผมจะอธิบายให้ทั้งสองท่านเอง” เด็กหนุ่มคนหนึ่งต้อนรับพวกเขาแล้วพูดอย่างมีมารยาท
“ปีนี้ไห่หนานพัฒนาไปเร็วมาก ตึกพวกนี้สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ ตอนฉันมาครั้งก่อนยังไม่เห็นเลย” หลินชิงเหอเอ่ยปากพูด
“งั้นพวกคุณก็น่าจะมาค่อนข้างเร็วไปหน่อยน่ะครับ ตึกเหล่านี้สร้างมา 1 หรือ 2 ปีแล้ว เป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เหมาะแก่การอยู่อาศัยมาก โดยเฉพาะอากาศของที่นี่อยู่สบายทุกสี่ฤดู ไม่มีที่ไหนเหมาะจะอยู่เท่านี้แล้วครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม
“พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะซื้อไหม เห็นคุณกระตือรือร้นแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะเสียแรงพูดเปล่าเหรอคะ” หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ
“ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไรครับ ผมเห็นคุณน้าและคุณอาดูภูมิฐานน่านับถือ จะผูกมิตรกันแบบเพื่อนก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มยิ้ม
“คุณชื่ออะไรเหรอ” โจวชิงไป๋ถาม
“ผมชื่อหลินหยวนครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าพูด
“บังเอิญจัง ฉันก็แซ่หลินเหมือนกัน เธอเรียกฉันว่าพี่หลินก็พอนะ” หลินชิงเหอพูด และแนะนำโจวชิงไป๋กับลูกสาวให้เขา
เป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายรู้จักกันแล้ว หลินหยวนจึงพูดว่า “พี่โจวกับพี่หลินมาเที่ยวที่นี่เหรอครับ?”
“ก็ถือว่ามาเที่ยวแหละจ้ะ แต่พวกเราน่ะตกใจที่เห็นไห่หนานเจริญมากในปีนี้” หลินชิงเหอพูด
หลินหยวนก็ไม่มีธุระอะไรเช่นกัน จึงสามารถพูดได้นานกว่าเดิม อีกทั้งเขาก็มองออกจริง ๆ ว่า ทั้งสองคนนั้นไม่มีทางเป็นคนไม่มีเงินได้
ดูจากท่วงท่าเขาก็รู้แล้ว อย่างที่เขาพูดว่าเหมือนคนภูมิฐานน่านับถือแบบนั้น
สุดท้ายเขาก็พูดในประเด็นที่พวกเขากล่าวขึ้นมาว่าปีนี้ไห่หนานเจริญขึ้นมาก “พี่โจวกับพี่หลินจะไม่ซื้อเหรอครับ? ผมคิดว่าหากซื้อบ้านแล้วต้องไม่รู้สึกเสียใจภายหลังแน่ เพราะขนาดตอนนี้ยังเจริญถึงเพียงนี้ ถ้าผมมีเงินล่ะก็ ผมคงจะซื้อเอาไว้สักหลัง”
“หลังหนึ่งก็หลายหมื่นหยวน ราคาไม่ถูกเลยจริง ๆ” หลินชิงเหอพูด
แม้ว่ารายได้ของครอบครัวเธอเดือนหนึ่งจะเป็นหลายหมื่นหยวนเช่นกัน แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะถูก
“ใช่ ผมว่ามันแพงเกินไปหน่อยเหมือนกัน แต่ต่อจากนี้จะยิ่งแพงขึ้นอีกนะครับ” หลินหยวนพูด
“เธอเป็นคนในพื้นที่ คงจะรู้เรื่องไห่หนานเป็นอย่างดีสินะ พวกเราคิดว่าจะอยู่อีกสองสามวัน เธออยากจะเป็นคนนำเที่ยวให้พวกเราหน่อยไหมล่ะ?” หลินชิงเหอถาม
“คุณน้า ผมมีงานต้องทำน่ะครับ” หลินหยวนพูด
“เงินเดือนเท่าไหร่เหรอ?” โจวชิงไป๋มองเขาพูด
“เงินเดือนผม 120 หยวน” หลินหยวนไม่คิดว่าเขาจะตั้งคำถามนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่เขาก็ไม่ได้ไม่พอใจและพูดตอบอีกฝ่ายไป
เงินเดือนเท่านี้ไม่ถือว่าน้อย แต่สำหรับคนที่แต่งงานแล้วและมีภรรยาและลูกอย่างเขาที่มีฐานะเป็นเสาหลักของบ้านนั้น เงินเท่านี้ไม่เยอะเลยจริง ๆ อย่างน้อยก็ไม่มีทางซื้อบ้านไหว
“นี่ร้อยหนึ่ง เธอไปลางานวันจันทร์นี้นะ แล้วพาพวกเราไปเที่ยวดูรอบ ๆ” หลินชิงเหอส่งธนบัตร 100 หยวนให้เขา และพูดขึ้น
หลินหยวนคิดไม่ถึงว่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น เขามองพวกเขา สุดท้ายก็กัดฟันแล้วผลักเงินกลับไป พูดขึ้นว่า “คุณน้ากับคุณอามาเที่ยวที่นี่ ผมเป็นไกด์ให้พวกคุณได้อยู่แล้ว เงินนี้ไม่ต้องให้หรอกครับ ผมสามารถขอลางานได้พอดี เอาเงินเดือนเดือนหน้าของผมมาคิด จะลาเจ็ดวันก็ไม่มีปัญหา”
…………………………………………………………………………………………………………………………
[1] เหมือนได้อาบลมในฤดูใบไม้ผลิ เป็นการเปรียบว่ารู้สึกสบายเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
สารจากผู้แปล
ครอบครัวนี้จะได้บ้านที่ไห่หนานสักหลังไหมนะ แล้วจะได้บ้านแบบไหนกัน บรรยากาศคงดีมากแน่ๆ ถ้าได้บ้านแบบพูลวิลล่าริมทะเล
ไหหม่า(海馬)