ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 656 ขอทำงาน
บทที่ 656 ขอทำงาน
เทียบกับพวกเขาสองคนที่ต้องกลับไปหย่าที่บ้านเกิดตามทะเบียนบ้านแล้ว การหย่าของสวี่เชิ่งเหม่ยและจ้าวจวินอีกด้านหนึ่งนับว่าง่ายกว่ากันมาก
ก่อนสวี่เชิ่งเหม่ยจะหย่า หล่อนก็เตรียมความพร้อมมาเต็มที่
หล่อนให้ลูกชายกับตระกูลจ้าวไป เพราะไม่ต้องการเลี้ยงเขา ให้ตระกูลจ้าวไปเลี้ยงเอาเองเถอะ ส่วนหล่อนนั้นหาคนรับช่วงต่อให้ตัวเองได้แล้ว
และในวันเดียวกับที่หย่ากับจ้าวจวิน หล่อนก็จดทะเบียนสมรสกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ฐานะไม่ด้อยไปกว่าบ้านตระกูลจ้าว
แถมจดทะเบียนกันต่อหน้าจ้าวจวินด้วย!
จ้าวจวินโกรธจัด แต่จะทำอะไรได้ ตอนนี้พวกเขาหย่ากันแล้ว สวี่เชิ่งเหม่ยไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาสักนิด
“ฉันคบชู้ก็จริง แต่เธอก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอก เงินที่บ้านจ้าวให้เธอเมื่อคืน เธอจงคืนมาซะ” แต่จ้าวจวินไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ เขาขวางสวี่เชิ่งเหม่ยไว้
เพื่อหย่ากันวันนี้ เมื่อคืนสวี่เชิ่งเหม่ยถึงกับรีดไถเงินจากตระกูลจ้าวมาตั้ง 30,000 หยวน
แต่สวี่เชิ่งเหม่ยจะยอมเอาเงินที่เข้ากระเป๋าตัวเองไปแล้วออกมาคืนได้อย่างไร น่าขันจริง ๆ
“คุณนอกใจฉัน ฉันไม่เคยต่อว่าคุณ ต่อให้ฉันทุกข์ใจแค่ไหนก็อดกลั้นมาตลอด ฉันรู้ว่านี่คือสิ่งที่ต้องแลกเพราะแต่งเข้าตระกูลจ้าวที่ฉันไม่คู่ควร แต่จ้าวจวินคะ ฉันกับน้องชายฉันไปทำอะไรให้คุณเหรอ? คุณถึงต้องไปมั่วอยู่กับนังแพศยาจางเหมยเหลียน? คุณไม่รังเกียจ แต่ฉันรังเกียจ!” สวี่เชิ่งเหม่ยแดกดัน
จ้าวจวินมีสีหน้ามืดครึ้ม “ไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้กับฉัน เธอเองก็สวมหมวกเขียวให้ฉันกับไอ้เวรบ้านหวงนี่เหมือนกันนั่นแหละ!”
“ฉันกับหวงปินไม่เคยทำอะไรเกินเลย กระทั่งวันนี้เพิ่งจะจดทะเบียนสมรสกัน ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยทำอะไรที่ผิดต่อคุณ” สวี่เชิ่งเหม่ยเอ่ยเสียงเรียบ “ส่วนเงินชดเชยที่ตระกูลจ้าวให้ฉันมาเป็นเงินที่ตระกูลจ้าวติดค้างฉันไว้ ซึ่งตระกูลจ้าวสมควรจะจ่าย”
พูดจบหล่อนก็พาผู้ชายข้างกายที่ชื่อหวงปินออกไป
จ้าวจวินโกรธแค้นจนแทบทนไม่ไหว
รอจนจางเหมยเหลียนและสวี่เชิ่งเฉียงกลับมาจากบ้านเกิด จ้าวจวินถึงรู้จากจางเหมยเหลียนว่าพวกเขาสองพี่น้องรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่แท้หลังจากสวี่เชิ่งเฉียงออกจากคุกได้ไม่นานเขาก็รู้แล้ว
เพียงแต่สองพี่น้องไม่เปิดเผยอะไร ตอนนี้สวี่เชิ่งเหม่ยหาคนดูแลหล่อนต่อได้แล้ว และฐานะตระกูลหวงไม่ด้อยไปกว่าตระกูลจ้าวเลยสักนิด แถมยังเป็นคู่ปรับที่ไม่ถูกกับตระกูลจ้าวด้วย
และทั้งสองตระกูลอาศัยอยู่ในโครงการย่านเดียวกัน พอให้มีเรื่องครึกครื้นไปสักพักเลยล่ะ
จ้าวจวินโมโหจนแทบทนไม่ไหว แต่จางเหมยเหลียนกลับมีเรื่องให้หัวใจได้ตื่นเต้น
ตอนนี้สวี่เชิ่งเหม่ยหย่ากับจ้าวจวินแล้ว นั่นก็หมายความว่าหล่อนมีโอกาสแล้วใช่ไหม?
เรื่องที่สวี่เชิ่งเหม่ยสวี่เชิ่งเฉียงหย่าแล้วทั้งคู่ บ้านโจวเพิ่งรับรู้หลังจากที่สวี่เชิ่งเฉียงกลับมายังปักกิ่ง
สวี่เชิ่งเฉียงเป็นคนมาเล่าให้น้าเล็กและน้าสะใภ้ของเขาฟังเอง และเอ่ยปากขอทำงานด้วย
หลินชิงเหอไม่ชอบพวกเขาสองพี่น้องเลยนับตั้งแต่ตอนแรกจนถึงบัดนี้ หลังจากเธอได้ยินจากอาเตียว่ามีคนที่ชื่อสวี่เชิ่งเฉียงมาหา เธอถึงกับไม่อยากให้เข้ามา อยากไล่ให้โจวชิงไป๋ออกไปพบเขาเองด้วยซ้ำ
แต่สุดท้ายก็ให้เข้ามา
และเป็นครั้งนี้ที่พอเห็นสภาพของสวี่เชิ่งเฉียงแล้ว หลินชิงเหอก็เกิดความรู้สึกว่าเขามีวี่แววจะกลับใจ
จากสภาพเมื่อก่อนที่ดูขาดการอบรม เป็นเด็กเกเรที่ไม่เคยเจอความโหดร้ายของสังคม แต่ดูตอนนี้สิ เขากลับดูโตขึ้นเยอะ
เมื่อฟังเขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จบ หลินชิงเหอถึงกับไม่อยากเอื้อนเอ่ยคำใด
โจวชิงไป๋เห็นว่าเขาสำนึกผิดจริง ๆ แต่ยังด่าต่ออีกนิดหน่อย “เมื่อก่อนอยากจะแต่งกับหล่อนให้ได้ ตอนนี้ไปแต่งให้ฉันดูหน่อยสิ พี่แกก็เหมือนกับแกนั่นแหละ”
หลินชิงเหอรู้สึกว่าสวี่เชิ่งเหม่ยกับสวี่เชิ่งเฉียงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน นิสัยใจคอห่างกันมากกว่าหนึ่งระดับ
สวี่เชิ่งเหม่ยยอมหย่าก็ต่อเมื่อหาคนรับดูแลรายต่อไปได้แล้ว
แต่ก็ว่าอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็หย่ากันแล้ว
“น้าเล็กครับ ตอนนี้ผมไม่มีที่ไปแล้ว ที่นี่ยังรับสมัครพนักงานอยู่ไหมครับ” สวี่เชิ่งเฉียงเอ่ย
โจวชิงไป๋มองภรรยาตัวเอง หลินชิงเหอจึงมองสวี่เชิ่งเฉียง “ร้านค้าของตระกูลโจวไม่รับสมัครนักเลง ใครก็ตามที่ทำงานกับตระกูลโจว ต่อให้เจอลูกค้าไร้มารยาทคุยยากก็ต้องพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน เพราะถือหลักการว่าลูกค้าคือพระเจ้า เธอทำได้ไหม?”
“เมื่อก่อนผมเคยเป็นคนดื้อด้าน แต่ตอนนี้ผมไม่มีเรื่องกับคนอื่นแล้วครับ” สวี่เชิ่งเฉียงเม้มปากพูด
“ถ้าเธอทำได้ก็ตกลง ส่วนเรื่องตำแหน่งให้น้าเธอเป็นคนจัดการ” หลินชิงเหอกล่าว
ถ้าเป็นตัวเธอเมื่อก่อน เธอไม่เอาสวี่เชิ่งเฉียงไว้หรอก แต่ตอนนี้อายุมากขึ้นแล้ว ตอนที่ได้เห็นเด็ก ๆ พวกนี้ เธอก็พร้อมให้โอกาสเขาอีกครั้ง ขอแค่ไม่ขัดต่อหลักการ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่มีให้เขาเมื่อได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเขาหลังออกจากคุก
“ห่อเกี๊ยวต้มเกี๊ยวเป็นไหม” โจวชิงไป๋มองสวี่เชิ่งเฉียงพลางเอ่ย
“ไม่เป็นครับ” สวี่เชิ่งเฉียงทำอะไรพวกนี้เป็นเสียที่ไหน เขากินแต่ที่ทำเสร็จมาแล้วตลอด “แต่ผมเรียนรู้ได้ครับ”
“วันนี้พักที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้ไปเปิดร้านกับฉัน อีกหน่อยฉันจะให้เธอเป็นคนดูร้านเกี๊ยวแทนและจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน” โจวชิงไป๋มองเขาและบอก
สวี่เชิ่งเฉียงรับคำ เขามีเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนแค่ชุดเดียว เนื้อตัวก็สกปรก เขาจึงรีบไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำ
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วถึงกลับมา ขากลับจึงบังเอิญเจอเจ้าสามโจวกุยหลายและเจียงเกิงที่กลับมาเพราะวันหยุด รวมถึงเจียงเหิงที่มาฝึกงาน
โจวกุยหลายมองเขาพลางพูด “มาเยี่ยมที่บ้านหรอ”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฉันจะไปห่อเกี๊ยวที่ร้านเกี๊ยวของน้าเล็กน่ะ” สวี่เชิ่งเฉียงพูดขึ้น
เนื่องจากเจียงเหิงเจียงเกิงอยู่ด้วย โจวกุยหลายจึงไม่ถามอะไรมาก และพาเขาเข้าบ้านด้วย ผ่านไปสักพักกังจือก็กลับมา เดี๋ยวนี้อากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กังจือมีเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวเหมือนกัน
“รอฉันแป๊บนึงนะ ฉันเข้าไปอาบน้ำก่อน” กังจือกล่าว และหยิบเสื้อผ้าสะอาดเข้าไปอาบน้ำเย็นในห้องอาบน้ำที่บ้าน จนสดชื่นไปทั้งตัวแล้วถึงยอมออกมา
“นายอยู่ที่นี่มาตลอดเลยหรอ” สวี่เชิ่งเฉียงถามกังจือ
กังจือตากแดดจนตัวดำ ได้ยินแล้วพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว”
ถ้าจะบอกว่าสวี่เชิ่งเฉียงไม่อิจฉาคงไม่จริง แต่เรื่องนี้จะโทษคนอื่นก็ไม่ได้ ถ้าเมื่อก่อนเขาเอาการเอางานมากกว่านี้ ก็คงไม่เป็นที่รังเกียจในฐานะหลานชายเหมือนกัน แต่เขาไม่รังเกียจกังจือหรอก
“ไปช่วยอาเตียยกกับข้าวมา” หลินชิงเหอบอก
เจียงเกิงและกังจือจึงเข้าไปช่วยยกกับข้าว ไม่นานนักกับข้าวก็เต็มโต๊ะ ทุกคนนั่งกินด้วยกัน
เทียบกับเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ ที่คุยหยอกล้อกัน เห็นได้ชัดว่าสวี่เชิ่งเฉียงไม่ค่อยกลมกลืนเท่าใด ทุกคนไม่สนิทกับเขา และไม่รู้ว่าเขามาทำไม
เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องไปเปิดร้านแต่เช้า สวี่เชิ่งเฉียงจึงไปนอนก่อน เจียงเกิงก็พาลูกพี่ลูกน้องเขาไปนอนเหมือนกัน
ตอนนี้เหลือเพียงเจ้าสามโจวกุยหลายและกังจือ ทั้งสองคนจึงหันไปมองผู้ใหญ่
“สวี่เชิ่งเฉียงหย่าแล้วเลยมาของานที่นี่ ป๊าเลยให้เขาไปลองทำที่ร้านเกี๊ยวดู” หลินชิงเหอพูดสรุป
โจวกุยหลายและกังจือผงะ “หย่าแล้วหรอ?”
“ไม่ใช่แค่เขาที่หย่า พี่สาวเขาก็หย่าแล้วเหมือนกัน” หลินชิงเหอบอก
………………………………………………………………………………………………………………………….