ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 687 เทพแห่งความรัก
บทที่่ 687 เทพแห่งความรัก
เมื่อเห็นพวกเขาสองคนเป็นแบบนี้ หลินชิงเหอก็รู้สึกดีเหมือนได้กินยาบำรุงขนานใหญ่
สองคนนี้ไม่กล้ามองหน้ากันและกันแล้ว บรรยากาศแบบนั้นแค่ดูก็รู้เรื่องโดยไม่ต้องเอ่ย แต่สองคนนี้ยังมาด้วยกันได้ก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว
น่าจะยังไม่คบกัน ยังอยู่แค่ขั้นมีเยื่อใย
แต่ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ครั้นทั้งคู่ค้างที่บ้านหนึ่งคืน หลินชิงเหอก็ตั้งใจยกนมมาให้จงฉิงหนึ่งแก้ว
“สวี้เจี๋ยนี่น้าเห็นมาตั้งแต่เด็ก น้าเองก็ไม่มีลูกสาว ถ้าน้ามีลูกสาวนะ ต้องอยากได้มาเป็นลูกเขยตัวเองแน่ ๆ” หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ
“เขา….ไม่ได้ดีขนาดที่น้าพูดสักหน่อยค่ะ” จงฉิงรับนมมา และพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“สวี้เจี๋ยไม่ดีหรอ? มีคุณธรรม ไม่ขี้โม้หลงระเริงไปกับกิเลส รูปร่างหน้าตาแบบนั้น ลูกสาวบ้านไหนได้แต่งแล้วจะไม่มีความสุขบ้าง? ส่วนเรื่องพ่อแม่เขายิ่งไม่ต้องห่วงเลย คนมีเหตุผลทั้งนั้น น้าเคยเจอมาแล้ว” หลินชิงเหอบอก
ที่จริงแล้วไม่ใช่อย่างที่เธอบอกเลย พ่อแม่ของหานสวี้เจี๋ยจัดการยากมาก แต่พอพวกเขาทั้งสองได้เจอจงฉิง เหล็กผายังอ่อนนุ่มลงได้
เรียกไดว่าเป็นตัวแทนของพ่อแม่สามีดีเด่นเลยล่ะ
ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่านางเอกได้ยังไงล่ะ บารมีนางเอกสว่างจ้าจนตาแทบบอดขนาดนี้
จงฉิงได้ฟังก็เขิน ยิ่งช่วงนี้หล่อนกับหานซวี่เจี๋ยกำลังมีเยื่อใยต่อกัน เจ้าท่อนไม้ทื่อ ๆ อย่างหานสวี้เจี๋ยก็รู้จักพาหล่อนไปดูหนังแล้ว แถมยังให้ผ้าเช็ดหน้ากับหล่อนอีก ความหมายของเขาชัดเจนมาก
เพียงแต่หล่อนไม่แสดงต่อหน้าหลินชิงเหอ “คุณน้าคะ นี่ก็ดึกแล้ว”
“ใช่ ดึกแล้ว ต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว น้าอยากให้พวกเธอลงเอยกันด้วยดี ถ้าอีกหน่อยแต่งงานกัน น้าจะได้เหลือห้องไว้ให้พวกเธอสองคนด้วย พวกเธออยากมาอยู่เมื่อไหร่ก็มาได้ตลอด คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง” หลินชิงเหอกล่าว
หลังได้สวมบทเทพแห่งความรักแล้ว หลินชิงเหอก็อารมณ์ดีสุด ๆ
โจวชิงไป๋ยังดูออกว่าเธออารมณ์ดี และยังเกลี้ยกล่อมเธออยู่เลย “จงฉิงกับสวี้เจี๋ยเหมาะสมกันมาก คุณอย่าคิดเป็นอื่นเลย”
นี่เป็นเพราะเขานึกว่าเธออยากได้จงฉิงมาเป็นลูกสะใภ้ตัวเอง
หลินชิงเหอมองบนใส่เขายกใหญ่ “คิดอะไรของคุณน่ะคะ? สวี้เจี๋ยก็เป็นเด็กที่ฉันเห็นมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน อายุปูนนี้แล้วยังไม่มีแฟนก็ต้องเร่งเขาหน่อยเป็นธรรมดา เจ้าสามเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง”
โจวชิงไป๋หัวเราะ “ผมเห็นคุณใส่ใจเธอมาก”
ถึงกับชงนมไปให้หล่อนทีเดียว
“รีบนอนเถอะค่ะ” หลินชิงเหอโบกมือ
พูดจากใจจริงก็คือ จงฉิงเป็นเด็กสาวที่ดีเยี่ยมจริง ๆ แต่ต่อให้หล่อนจะดีขนาดไหน ก็ต้องดูวาสนากันไม่ใช่เหรอ?
ไม่มีวาสนาเคียงคู่กับเจ้าสามของเธอ หากจะฝืนให้คู่กันต้องโดนพลังต้านคืนแน่
หล่อนต้องคู่กับหานสวี้เจี๋ยสิ ถึงจะเป็นวิถีที่ถูกต้อง
ขอแค่พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน หากพวกเขาอยากมาเที่ยวเล่นที่บ้าน เธอยินดีต้อนรับทุกเมื่อ
หลังหลับสบายมาทั้งคืน พอหลินชิงเหอตื่นขึ้นมาตอนเช้าวันรุ่งขึ้น โจวชิงไป๋ หานสวี้เจี๋ยและเจ้าสามก็วิ่งกันกลับมา
แต่ละคนชุ่มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาจึงไปอาบน้ำก่อนและมากินข้าวกัน
เมื่อกินเสร็จ หานสวี้เจี๋ยก็กลับไปกับจงฉิง ไม่ต้องให้เจ้าสามไปส่ง พวกเขานั่งรถเมล์ตรงดิ่งไปที่สถานี
“ม้าครับ คราวนี้สบายใจได้รึยัง?” เจ้าสามเอ่ย
เขาก็ดูออกแล้วว่าระหว่างจงฉิงกับหานสวี้เจี๋ยมีเยื่อใยต่อกัน ใกล้จะได้ลงเอยกันแล้วล่ะ
หลินชิงเหอยิ้ม “ม้าไม่เคยกังวลเลย ม้าเชื่อลูกนะ ตอนนี้ลูกเพิ่ง 20 เอง ไม่ต้องรีบค่อยเป็นค่อยไป”
เจ้าสามไม่พูดอะไรอีก แม้จะเสียใจนิดหน่อยที่รู้ว่าจงฉิงและหานสวี้เจี๋ยมีใจให้กัน แต่ก็ปล่อยวางได้ ทีแรกเขาเองก็ไม่ได้ชอบมากอยู่แล้ว
“จะว่าไป อีกไม่กี่วันอาซิ่วจะมานี่ ถึงตอนนั้นลูกพาหล่อนไปทำความคุ้นเคยกับการจดบัญชีของบ้านเราหน่อย” หลินชิงเหอบอก
“ได้ครับ” เจ้าสามพยักหน้า
หลินซิ่วมาถึงตอนปลายเดือนมิถุนายน หล่อนโตเป็นสาวแล้ว จึงนั่งรถมาที่เรือนสี่ประสานนี่เองได้
พวกหลินชิงเหอไม่อยู่ ทว่าหลินชิงเหอได้สั่งอาอี๋จ้าวไว้ นางจึงเตรียมห้องไว้ให้หลินซิ่ว
หลินซิ่วอาบน้ำสระผมเองที่บ้าน และรอป้าของหล่อนอยู่ที่บ้าน
ช่วงนี้หลินชิงเหอค่อนข้างยุ่ง เพราะเธอรับคนที่เรียนจบด้านนี้มาโดยเฉพาะได้แล้ว และกำลังยุ่งเรื่องห้องทำงานนักแปล
ตอนนี้อยู่ในขั้นเริ่มต้น งานจึงค่อนข้างหนัก
กระทั่งเวลาพลบค่ำถึงกลับมาพร้อมกับโจวชิงไป๋และสาวน้อยมี่มี่เพื่อเตรียมกินข้าวเย็น
พอเห็นหลินซิ่วมาถึงแล้ว เธอย่อมดีใจเป็นธรรมดา “ฉันว่าแล้วว่าวันนี้เธอน่าจะมาถึง โทรไปบอกแม่เธอรึยังจ๊ะ?”
“หนูโทรหาป้าสะใภ้สามแล้วค่ะ” หลินซิ่วบอกยิ้ม ๆ
หล่อนเรียกสะใภ้สามโจวว่าป้าสะใภ้สามเหมือนพวกเจ้าสาม
“ดีแล้ว คืนนี้พักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยให้เจ้าสามพาเธอไปทำความคุ้นเคยกับงาน” หลินชิงเหอกล่าว
“หนูกลัวแค่ว่าหนูจะทำได้ไม่ดี” หลินซิ่วยิ้มและบอก
“ถึงเรื่องที่ต้องดูจะไม่น้อย แต่ทำไปเดี๋ยวก็คล่องเอง ไม่เข้าใจตรงไหนถามเจ้าสามไม่ก็เอ้อร์นี หรือฉันก็ได้” หลินชิงเหอเอ่ย
ขณะที่คุยกันอยู่ กังจือก็กลับมาจากข้างนอก หลินชิงเหอจึงพูดขึ้น “อากาศร้อนขนาดนี้ รีบไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
“ได้เลยครับ” กังจือยิ้มกว้าง
เขาไปอาบน้ำก่อน หลินชิงเหอพูดกับอาซิ่ว “เงินเดือนที่จะให้เธอนั้นไม่สูงนะ แค่ 160 หยวน แต่ให้เธอกินฟรีอยู่ฟรี”
“กินฟรีอยู่ฟรียังได้ตั้งร้อยหกสิบ นับว่าสูงมากแล้วค่ะ” หลินซิ่วเอ่ยยิ้ม ๆ
“พ่อเธอยังโทรหาฉันอยู่เลย บอกว่าอยากหาร้านให้เธอออกไปเปิดเอง” หลินชิงเหอบอก
เธอรู้ความตั้งใจของน้องชายเธอ ด้วยความที่หน้าร้านทำเงินได้ ถึงจะขายไม่ได้ดีมาก แต่ก็ดีกว่าไปทำงานเยอะ
แต่แม่ของหลินซิ่วไม่ยอม ลูกสาวหล่อนเป็นเด็กจบวิทยาลัยแต่ให้ไปเปิดร้านเนี่ยนะ ล้อเล่นรึเปล่า?
อย่างไรก็ต้องออกไปทำงานสิ
ถึงแม้เปิดร้านจะทำเงินได้เยอะ แต่ในใจน้องสะใภ้สามหลินมองว่าการทำงานที่ได้รับจัดสรรนั้นดีกว่า โดยเฉพาะเมืองใหญ่ข้างนอกนั่น หล่อนอยากส่งลูกสาวออกไปอยู่เมืองใหญ่เหลือเกิน
อย่างไรเสียลูกสาวคนโตก็ได้ดิบได้ดีที่สุด ลูกสาวคนเล็กสองคนผลการเรียนธรรมดา เรียนจบมัธยมปลายก็ไม่เรียนต่ออีก แบบนั้นสิต้องไปเปิดร้าน
หลินซิ่วยิ้ม “หนูคุยกับพ่อแล้วค่ะ หนูก็อยากออกมาเปิดร้าน”
หล่อนชอบปักกิ่งจริง ๆ อยากมาทำงานและใช้ชีวิตที่นี่ อีกอย่างบ้านป้าของหล่อนก็อยู่ที่นี่ ถ้าที่นี่ไม่มีใคร ตัวเองอยู่คนเดียวไม่รู้จักใครก็ช่างมันเถอะ
แต่ตอนนี้หล่อนอยากมาอยู่ที่นี่จริง ๆ
“หนุ่มสาวออกมาใช้ชีวิตข้างนอกก็ดี” หลินชิงเหอกล่าว “อีกหน่อยป้าจะหาแฟนที่นี่ให้ แล้วเธอก็แต่งงานมาอยู่ที่นี่เลย”
หลินซิ่วเอ่ยยิ้ม ๆ “ไม่ต้องรีบร้อนหรอกค่ะ หนูยังไม่อยากมีแฟน”
“อื้ม ไม่รีบ” หลินชิงเหอนึกในใจว่าพอดีเลยกังจือก็ไม่รีบ งั้นก็รอกันไปเถอะ อย่างไรก็ยังหนุ่มยังสาวกันอยู่ อีกหน่อยค่อยว่ากันว่ามีวาสนาต่อกันไหม
………………………………………………