ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 257 อยากรับผิดชอบ
บทที่ 257 อยากรับผิดชอบ
เมื่อถึงเวลาอาหารเช้า เนี่ยหย่วนเฉียวก็หายดีแล้ว ตอนนี้เขาลุกขึ้นมากินข้าวได้ตามปกติ
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อเผชิญหน้ากับเนี่ยหย่วนเฉียว นางก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นา
เมื่อทุกคนนั่งลงและกำลังจะกินข้าว เถี่ยเสวียนก็กลับมาจากข้างนอก
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกโมโหทันทีที่เห็นเถี่ยเสวียน “หึ! เพิ่งรู้เหรอว่าจะต้องกลับมา! ”
เป็นเพราะเถี่ยเสวียนโยนปัญหาใหญ่อย่างเนี่ยหย่วนเฉียวนี้มาให้ จึงทำให้นางขายหน้า! จางซิ่วเอ๋อนึกโมโหจนหน้าแดง
เถี่ยเสวียนหัวเราะและกล่าวว่า “เจ้านายของข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
“เจ้าบอกว่าจะหายาให้เจ้านายของเจ้าไม่ใช่หรือ? แล้วเพิ่งจะกลับมาในตอนนี้เนี่ยนะ?” เมื่อวานถ้าไม่ใช่เพราะนาง เนี่ยหย่วนเฉียวคงหมดลมไปแล้ว
เถี่ยเสวียนมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้านาย ท่านไม่ได้บอกนางหรือ? ไม่ใช่ว่าเมื่อวานยามห้าย*… ข้ากลับมาแล้วเอายามาให้ท่านไม่ใช่เหรอ?”
ยามห้าย (亥:hài) คือ 21.00 – 22.59 น.
ถูกต้อง
ก่อนที่เถี่ยเสวียนจะจากไปไม่นาน เขาก็กลับมาส่งยาให้เนี่ยหย่วนเฉียว
ตอนนั้นบัณฑิตจ้าวออกจากบ้านผีสิงโดยที่จางซิ่วเอ๋อไปส่งส่วย จางชุนเถากำลังล้างจานอยู่ในห้องครัว เถี่ยเสวียนจึงรีบเข้าไปในห้องและมอบยาให้เนี่ยหย่วนเฉียว
แต่เพราะเขายังต้องมีเรื่องต้องทำอีกมาก หลังจากส่งยาให้เนี่ยหย่วนเฉียวแล้วและรู้ว่าคงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเนี่ยหย่วนเฉียวอีก จึงรีบร้อนจากไปโดยไม่สนใจทักทายคนอื่น ๆ
เขาคิดอยู่ว่าเมื่อเจ้านายของเขาฟื้นขึ้นมา เขาจะอธิบายให้จางซิ่วเอ๋อฟัง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าหลังจากที่เขาจากไป จางซิ่วเอ๋อก็ไปหาเนี่ยหย่วนเฉียว
เพราะไม่รู้สึกถึงลมหายใจของเนี่ยหย่วนเฉียว นางจึงคิดว่าเนี่ยหย่วนเฉียวตายแล้ว
ที่เนี่ยหย่วนเฉียวเป็นเช่นนี้ก็เพราะยาระงับพิษไอเย็นที่ได้รับ ทำให้ลมหายใจของเขาอ่อนแรงลงไปชั่วขณะ พร้อมกับร่างกายที่นิ่งไม่ไหวติงไป
จะว่าไปแล้ว อาการของเนี่ยหย่วนเฉียวนั้นเป็นเพียงผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ของยานั่นเท่านั้น
หลังจากที่เนี่ยหย่วนเฉียวกินยาเข้าไป อาการก็ดีขึ้น
นั่นเป็นเหตุผลที่จางซิ่วเอ๋อรู้สึกโล่งใจ
เถี่ยเสวียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นเนี่ยหย่วนเฉียวมองมาด้วยสายตาเย็นชา “หุบปาก! กิน ”
เถี่ยเสวียนมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างแปลกใจ เขาพูดอะไรที่ไม่ควรพูดอย่างนั้นหรือ?
เนี่ยหย่วนเฉียวไม่อยากให้เถี่ยเสวียนพูดถึงเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าถ้าจางซิ่วเอ๋อรู้ว่าเขาตื่นแล้วล่ะก็ ตอนนี้นางจะต้องโกรธมากแน่ ๆ ตอนนี้นางยังไม่ได้ใจเย็นจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าอย่าไปกระตุกหนวดเสือจะดีกว่า
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจางซิ่วเอ๋อถึงทำแบบนั้น แต่เขารู้ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
หลังจากที่เถี่ยเสวียนถูกเนี่ยหย่วนเฉียวห้ามปราม เขาก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรให้ตนเองแบกหม้อ*โดยไม่ได้ตั้งใจ
*รับเคราะห์,ซวย
หลังกินอาหารมื้อนั้นเสร็จแล้ว แต่ละคนก็มีความคิดแตกต่างกันออกไป
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเห็นเนี่ยหย่วนเฉียว
นางไม่ควรปีนขึ้นเตียงเพราะง่วงนอนเกินไป!
จางชุนเถาที่อยู่ตรงนั้นมีดวงตาบวมแดงขึ้นเพราะแอบร้องไห้ ตอนนี้นางลอบมองเนี่ยหย่วนเฉียวสลับกับจางซิ่วเอ๋อ ไม่ว่าอย่างไรนางก็รู้สึกว่าทั้งสองคนแอบมองหน้ากัน
จางชุนเถาคิดแม้กระทั่งว่าทั้งสองคนแอบมีใจให้กันหรือไม่?
ถ้าเป็นกรณีนี้ นางจะต้องช่วยเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวและพี่ใหญ่หนิงอันให้ได้!
นางรู้ว่าพี่สาวของนางแตกต่างจากหนิงอัน
เมื่อถามพี่สาว พี่สาวของนางยังคงเถียงว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะคบกับหนิงอัน
แค่คิดก็รู้แล้ว ตอนที่สวี่อวิ๋นซานตกทุกข์ได้ยากมาขอความช่วยเหลือจากพี่สาว พี่สาวทำหน้าไม่พอใจ แต่เวลาเกิดเรื่องขึ้นกับหนิงอัน พี่สาวกลับเป็นห่วงมาก ถึงขั้นไปดูแลด้วยตัวเอง
แล้วเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวกับหนิงอันกันแน่?
ความรับผิดชอบอะไร?
หรือว่าหนิงอันจะได้กับพี่สาวแล้ว…
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว จางชุนเถาก็ใจหล่นวูบลง แม้ว่าพี่สาวจะเป็นแม่ม่าย แต่ก็เป็นสตรีที่ดีเช่นกัน! ดังนั้นไม่ควรปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ!
ส่วนเถี่ยเสวียนนั้นก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลก ๆ บนโต๊ะอาหารเช่นกัน
อย่างแรกคือเนี่ยหย่วนเฉียวเจ้านายของตนที่คอยมองมาเป็นระยะ ๆ เป็นสัญญาณให้เขากินข้าวให้มากขึ้นพูดน้อยลง!
ถัดมาคือจางซิ่วเอ๋อที่ใช้สายตาคมกริบมองมา
จางชุนเถายังดูปกติดี ไม่ได้แสดงท่าทางเป็นศัตรูกับเขาออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยคนนี้กำลังจมอยู่ในโลกของตนและเศร้าเสียใจ…
ทันใดนั้นเถี่ยเสวียนก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
เขาเปลี่ยนความขุ่นเคืองใจให้กลายเป็นแรงจูงใจ และกินข้าวมากกว่าปกติ
หลังจากกินข้าวเสร็จ จางซิ่วเอ๋อก็เก็บข้าวของและหยิบตะกร้าใบเล็กออกมา
เนี่ยหย่วนเฉียวเห็นดังนี้ก็รีบถามทันที “แม่นางซิ่วเอ๋อ เจ้าจะไปไหน? ”
จางซิ่วเอ๋อชำเลืองมองเนี่ยหย่วนเฉียวแวบหนึ่ง “จำสิ่งที่ข้าพูดเมื่อเช้าไว้ให้ดี พวกเราทำงานของตัวเองเอง ข้าทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไม่ต้องรายงานเจ้า! ”
จางซิ่วเอ๋อเองก็รู้ว่านางมีทัศนคติที่ไม่ดี นางไม่ควรระบายโทสะของนางใส่เนี่ยหย่วนเฉียว
แต่จางซิ่วเอ๋อตอนนี้แค่อยากเว้นระยะห่างจากเนี่ยหย่วนเฉียว อย่างน้อยนางก็ต้องทำเพื่อไม่ให้เนี่ยหย่วนเฉียวคิดฟุ้งซ่าน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางไม่สามารถทำให้เนี่ยหย่วนเฉียวรู้สึกว่านางจงใจปีนขึ้นเตียงของเขา! เพื่อให้เขารับผิดชอบ!
หลังจากนั้นจางซิ่วเอ๋อก็พาจางชุนเถาจากไป
เถี่ยเสวียนเดินไปหาเนี่ยหย่วนเฉียวเงียบ ๆ เอ่ยพึมพำ “เกิดอะไรขึ้นกับนางขอรับ? ทำไมนางถึงพูดจาก้าวร้าวรุนแรงนัก? ”
เนี่ยหย่วนเฉียวมองเถี่ยเสวียนด้วยสายตาล้ำลึก แล้วจู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้น “ถ้าข้าบอกว่าข้าต้องรับผิดชอบนาง เจ้าจะคิดอย่างไร? ”
ตอนนี้เนี่ยหย่วนเฉียวยังพูดไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบจางซิ่วเอ๋อ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ได้เกลียดจางซิ่วเอ๋อ และยังชอบมีปฏิสัมพันธ์กับจางซิ่วเอ๋อด้วย
ด้วยแบบนี้นี่เอง เนี่ยหย่วนเฉียวถึงอยากรับผิดชอบจางซิ่วเอ๋อ
เมื่อเถี่ยเสวียนได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ตกตะลึง
“สวรรค์…เจ้านาย ท่านหายดีหรือยังขอรับ?” เถี่ยเสวียนถามอย่างไม่เชื่อ
เนี่ยหย่วนเฉียวหรี่ตาลงและมองเถี่ยเสวียนเป็นการเตือน เถี่ยเสวียนคงคิดว่าเขาป่วยจนเลอะเทอะถึงได้พูดแบบนี้หรือ?
หากไม่ใช่เพราะเขาเองก็เต็มใจจะคิดเช่นนี้ อย่าว่าแต่ป่วยเลย ต่อให้มีคนเอามีดมาจ่อรอบคอ เขาก็จะไม่พูดแบบนี้!
เถี่ยเสวียนหัวเราะเสียงแห้ง “เอ่อ เจ้านาย ท่านอย่าโกรธไปเลย ข้าแค่กลัวนิดหน่อย ท่านเพิ่งบอกว่าท่านต้องรับผิดชอบหรือ? ท่านคงไม่ได้หมายถึง… อยากให้จางซิ่วเอ๋อเป็นนายหญิงของข้าจริง ๆ ใช่ไหม? ”
เนี่ยหย่วนเฉียวถามกลับ “แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
เถี่ยเสวียนมองเนี่ยหย่วนเฉียวด้วยสีหน้าเศร้าสลด พลางคิดในใจ เจ้านายหนอเจ้านาย ท่านถามข้าแล้วข้าจะตอบอย่างไร? นี่ไม่ใช่การขว้างก้อนหินก้อนใหญ่ใส่หัวเขาเหรอ? เขารับไม่ไหวหรอก!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แต่ละคนคิดกันไปไกลเลยน้า จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย
ไหหม่า(海馬)