ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 262 ไข่
บทที่ 262 ไข่
จางซิ่วเอ๋อพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “หรือว่าจะไปขโมยไข่มา? ”
บางครั้งจางต้าหูก็ปฏิบัติตัวไม่เลวร้ายต่อแม่โจว แม้เขาจะปฏิบัติดีได้แต่ก็เพียงกระทำลับหลังเท่านั้น จางต้าหูไม่มีความกล้าที่จะกระทำต่อหน้าแม้แต่น้อย
ใบหน้าของแม่โจวมีรอยยิ้มและส่ายศีรษะ “ครั้งนี้ไม่ได้ขโมย แต่มาจากไข่ที่ย่าของเจ้าให้มา”
เมื่อจางซิ่วเอ๋อได้ยินคำพูดนี้ นางก็ตกใจมาก พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านหมายความว่าท่านพ่อข้าหาไข่มากินอย่างเปิดเผย? ”
แม่โจวพยักหน้า “ข้าได้ยินมาทั้งหมด ว่าเขาเป็นคนไปขอมาจากท่านย่าเจ้า”
จางซิ่วเอ๋อเบ้ปาก “ท่านย่าข้าคงไม่อยากให้ใช่ไหม? ”
แม่โจวได้ยินเช่นนั้นก็มีแววตาหม่นหมองลงเล็กน้อย “อืม นางไม่ยอมให้ แต่ครั้งนี้พ่อของเจ้าไม่รู้ว่าเป็นอะไร เกิดแข็งข้อกับย่าของเจ้าขึ้นมาได้”
จางซิ่วเอ๋อยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าพระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตก จางต้าหูไม่เพียงแต่มีความกล้าพอที่จะปฏิบัติดีกับแม่โจวเท่านั้น แต่ยังกล้าแข็งข้อกับแม่เฒ่าจางอีก!
จางซิ่วเอ๋อต้องยอมรับว่านางมองจางต้าหูใหม่ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
ตั้งแต่แม่โจวกับจางต้าหูทะเลาะกันครั้งก่อนจนนางต้องกลับบ้านแม่ แม่โจวก็เห็นว่าจางต้าหูเป็นที่รำคาญกับสายตา
ครั้งนี้จางต้าหูเรียนรู้ที่จะต่อต้านแม่เฒ่าจาง ความสัมพันธ์ระหว่างแม่โจวกับจางต้าหูจึงค่อยผ่อนคลายลงบ้าง
จางซิ่วเอ๋อเองก็สังเกตเห็นว่าทัศนคติที่แม่โจวมีต่อจางต้าหูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้แม่โจวไม่เคยพูดถึงจางต้าหูอย่างเต็มปากเต็มคำกับจางซิ่วเอ๋อมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพูดถึงจางต้าหูด้วยรอยยิ้มเช่นนี้
จางซิ่วเอ๋อไม่ชอบจางต้าหู แต่นางก็รู้สึกว่าจางต้าหูทำตัวดีขึ้นมาก
นางมองแม่โจว นางไม่มีความเห็นอะไรกับจางต้าหู ขอเพียงแม่โจวรู้สึกมีความสุขก็พอแล้ว
ก่อนหน้านี้นางต้องการให้แม่โจวกับจางต้าหูหย่ากัน แต่นางก็คิดได้ว่าในสมัยโบราณนี้การหย่าไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้แม่โจวจะยินดี จางต้าหูก็คงไม่ยินดี
ต่อให้ทั้งสองมีความสุข มันก็ยังมีครอบครัวของทั้งสองมาเกี่ยวข้อง
ซึ่งมันเป็นผลกระทบอย่างใหญ่หลวงสำหรับฝ่ายหญิงทีเดียว
ถ้าจางต้าหูยังพอเยียวยาได้ ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทั้งสองคนนี้ยังอยู่ด้วยกัน ขอเพียงจางต้าหูดีต่อแม่โจว นางก็สามารถเปลี่ยนความคิดที่มีต่อจางต้าหูได้
หลังจากแม่โจวกินไปเกือบหมดแล้ว นางก็มองไข่แล้วกล่าวว่า “ซิ่วเอ๋อ บอกแม่มาเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”
จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้วมองแม่โจวแล้วพูดขึ้น “ท่านหมายความว่าท่านจะไม่กินไข่ไก่นี่ แล้วให้พ่อข้ากินใช่ไหม? ”
แม่โจวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกละอายเล็กน้อย นางรู้ว่าตนทำไม่ถูกและรู้ว่าจางซิ่วเอ๋อมีอคติต่อจางต้าหูมาก นางจึงกัดริมฝีปากและตัดสินใจไม่พูด
จางซิ่วเอ๋อเบ้ปากและพูดขึ้น “ในเมื่อพ่อข้าให้ไข่กับท่าน ดังนั้นข้าก็ไม่ว่าอะไรหากจะให้ไข่กับเขาสักฟอง แต่ขอพูดไว้ก่อนว่าเขาจะต้องกินต่อหน้าข้า ถ้าเอาไปให้คนอื่นกิน ก็อย่าแม้แต่จะคิด!”
ไม่ว่าจางต้าหูจะทำตัวแย่แค่ไหนมันก็ยังไม่เลวร้ายพอที่จะทำให้นางสูญเสียตัวตนไปได้ ความแค้นที่นางมีต่อแม่เฒ่าจางนั้นลึกซึ้งกว่าจางต้าหูเสียอีก
นอกจากนี้จางซิ่วเอ๋อยังรู้สึกว่านางกับแม่เฒ่าจางไม่สามารถคืนดีกันได้
แม้ว่าทัศนคติที่มีต่อจางต้าหูจะผ่อนคลายลง แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับแม่โจว
นอกจากนี้จางซิ่วเอ๋อยังรู้สึกว่าการที่จางต้าหูกล้าแข็งข้อกับแม่เฒ่าจางแบบนี้เป็นเรื่องที่ควรชมเชย! ถ้าในอนาคตจางต้าหูจะแข็งข้อขึ้นอีกหน่อย คงไม่โง่เง่าและกตัญญูขนาดนั้น หากเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับแม่เฒ่าจางมากกว่านี้ล่ะก็ นางก็รู้สึกสบายใจตามไปด้วย
ทางที่ดีไม่ต้องให้นางทำอะไรเลยจะดีกว่า ครอบครัวนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย!
แม่โจวได้ยินก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ซิ่วเอ๋อ หากเจ้าไม่มีความสุข เช่นนั้นก็ไม่ต้องแล้ว”
จางซิ่วเอ๋อโบกมือ “ถ้าพ่อข้าไม่รังเกียจ ก็ไม่เป็นไรที่จะให้ไข่เขาสักฟอง”
แม่โจวอธิบาย “วันนี้ข้าก็กินไข่ไปฟองหนึ่งเหมือนกัน ตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่ากินไม่ลง ”
เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายใจของแม่โจวที่กลัวว่านางจะโกรธ จางซิ่วเอ๋อก็พูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ท่านแม่ ท่านอย่าคิดมากเลย ถ้าข้าไม่มีความสุข ต่อให้ท่านเปิดปากพูดก็ไร้ประโยชน์”
จางต้าหูเพิ่งกลับมาถึงหลังจากรับประทานอาหารค่ำ
เขามองจางซิ่วเอ๋อในห้องด้วยหางตาวูบหนึ่ง ด้วยท่าทางที่ไม่เย็นชาและไม่อบอุ่น
จางซิ่วเอ๋อแอบหัวเราะเยาะในใจ โชคดีที่นางไม่คิดว่าจางต้าหูเป็นพ่อ ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกอะไรกับความเย็นชาของจางต้าหู
แม่โจวมองน้ำแกงผักโขมและไข่ในชามแล้วพูดขึ้น “อาหารนี่เก็บไว้ให้ท่าน รีบมากินเถอะ”
นอกจากนี้แม่โจวยังเหลือข้าวขาวหนึ่งชาม และเห็ดกับเนื้ออีกสองสามชิ้น มีอาหารเหลือไม่มากนัก เพียงไม่กี่คำเท่านั้น ซึ่งจางซิ่วเอ๋อก็ไม่สนใจ
ในครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อมีใจให้จางต้าหูได้ลองชิม
ให้จางต้าหูรู้ว่าถ้าเขาไม่กระทำผิดต่อตัวเอง เขาก็สามารถกินของดีพวกนี้ได้!
แต่ถ้าเขาอยากทำตามคำสั่งแม่เฒ่าจาง เช่นนั้นก็ไปกินแกลบเสียเถอะ!
จางต้าหูเบิกตากว้างขณะมองไปยังสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากเชื่อกับภาพที่เห็น
ทุกครั้งที่จางซิ่วเอ๋อมาที่นี่ นางมักจะนำของดีมามากมาย และเขาก็ไม่เคยได้ลิ้มรสมันมาก่อนในชีวิต! เขาจะไม่เกิดละโมบในใจได้อย่างไร?
เขายังหวังว่าจางซิ่วเอ๋อและแม่โจวจะทิ้งอะไรไว้ให้ตัวเองบ้าง แค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น
จางซิ่วเอ๋อไม่เคยเอาอะไรติดตัวมาด้วย และแม่โจวไม่เคยทิ้งอะไรไว้ให้จางต้าหูเลย
แม้จางต้าหูจะทึ่มเป็นตอไม้ แต่เขาก็ไม่ได้โง่แบบกู่ไม่กลับ และยังมีปัญหาเรื่องการไว้หน้าด้วย
เมื่อเขารู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกินอาหารที่จางซิ่วเอ๋อส่งมา ทุกครั้งเขาจึงทำได้เพียงบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงมัน
แต่บางครั้งเขาก็อดรนทนไม่ไหวที่จะดูว่าจางซิ่วเอ๋อส่งอะไรให้แม่โจว
แม้จะไม่ได้กิน ขอแค่ได้กลิ่นก็ยังดี
จางต้าหูถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าพูดจริงเหรอ?” ”
จางต้าหูถามและมองไปที่ใบหน้าของจางซิ่วเอ๋อ จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วและพูดว่า “ถ้าอยากกินก็รีบกิน หลังข้าเก็บชามและตะเกียบเสร็จข้าก็จะกลับแล้ว! ”
ถึงจางต้าหูจะบ่นว่าจางซิ่วเอ๋อไม่สุภาพกับเขา แต่ก็อดดีใจไม่ได้
เขาไม่เคยเห็นของดีแบบนี้มาก่อน!
จางต้าหูคีบเนื้อเค็มชิ้นหนึ่งใส่ปาก จางซิ่วเอ๋อหั่นเนื้อชิ้นใหญ่มาก วิธีการหั่นเนื้อของตระกูลจางแทบจะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เทียบไม่ได้กับจางซิ่วเอ๋อเลย
แม้ว่าบางครั้งจะมีเนื้อชิ้นใหญ่ ๆ ใส่เข้าไปสักสองสามชิ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ตกลงไปในปากของจางต้าหู บางครั้งอาจจะได้เพียงเศษเนื้อ
กลิ่นหอมเค็มที่เป็นเอกลักษณ์ของเนื้อเค็มอวลกระจายทั่วปากของจางต้าหู
จางต้าหูลิ้มรสมันอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะกลืนเนื้อลงไปอย่างช้า ๆ
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะเยาะ จางต้าหูนี้ช่างโง่เง่าเสียจริง! เขาอุทิศตัวเองต่อครอบครัวนี้ตั้งมากมาย แต่กลับทำให้ภรรยาและลูก ๆ ของเขาอิ่มหนำสำราญไม่ได้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังต้องฝืนกินของที่เหลือจากคนอื่น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สรุปคืออิพ่อหาสมองเจอแล้วใช่ไหม ก็ดี จะได้ไม่ลำบากซิ่วเอ๋อ
ไหหม่า(海馬)