ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 295 ท่อนไม้
บทที่ 295 ท่อนไม้
แม่โจวพูดด้วยตาแดงก่ำ “ถ้าไม่ใช่ว่าซิ่วเอ๋อปกป้องข้า ต่อให้เด็กคนนี้เป็นผู้ชายก็คงไม่ได้เกิดมาหรอก!”
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยพูดอะไรไม่ใช่เพราะข้าไม่น้อยใจ แต่ข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้ท่าน ข้าถึงอดทนไว้” แม่โจวพูดไปพูดมาก็ยิ่งมีน้ำเสียงน้อยใจ
“แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าข้าทนไม่ไหวแล้ว ถ้าต้องเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้มีซิ่วเอ๋ออยู่ ข้าว่าข้าก็คงปกป้องเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้!” แม่โจวถอนหายใจ
แม่โจวกล่าวต่อ “ข้าจะปล่อยให้เด็กคนนี้มีชะตากรรมอย่างเด็กคนนั้นไม่ได้นะ ต้าหู ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนกตัญญู แต่ท่านก็ต้องคิดแทนพวกเราแม่ลูกกันบ้าง เรื่องที่แม่ท่านและพี่ชายท่านทำถูกต้องกับพวกเราแล้วหรือ? พวกเขาจะบีบให้เราต้องตายเลยนะ!”
จางต้าหูเห็นแม่โจวร้องไห้สะอึกสะอื้นเบา ๆ จึงลนลานขึ้นมา “เหมยจื่อ เจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ ครั้งนี้ข้าไม่เอาไปให้แล้ว”
“ท่านพ่อ ไม่ใช่แค่ว่าครั้งนี้ไม่เอาของกินไปให้หรอกนะ แต่พ่อเคยคิดไหมว่าถ้าท่านแม่ยังอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไป ต่อให้น้องชายข้าเกิดมาได้ อีกหน่อยก็คงไม่โตหรอก พวกเราเป็นเด็กผู้หญิงดวงแข็งถึงฝืนมีชีวิตรอดมาได้ แต่น้องชายล่ะ เขาต้องเจอเคราะห์กรรมมากมายตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ข้า นี่ถ้าคลอดออกมา…..” จางซิ่วเอ๋อพูดมาถึงนี่ก็เริ่มแฝงความนัย
จางซิ่วเอ๋อไม่รู้ว่าเด็กในท้องแม่โจวเป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ต่อหน้าจางต้าหูจางซิ่วเอ๋อไม่กล้าบอกว่าเป็นเด็กผู้หญิง
จางซิ่วเอ๋อดูแคลนพฤติกรรมให้ความสำคัญเพศชายมากกว่าเพศหญิงแบบนี้ของจางต้าหูมาก
แต่นางเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ความคิดเช่นนี้ได้ฝังรากลึกในใจของจางต้าหูไปแล้ว
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงได้ยากมาก
หากจะพูดให้จางต้าหูเชื่อฟังในตอนนี้ก็ได้แต่ต้องถือว่าเด็กคนนี้เป็นผู้ชายไปก่อน รอให้แยกบ้านกันแล้วก็ไม่ต้องสนว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง จางต้าหูไม่มีทางให้กลับตัวแล้ว!
“พวกเจ้าจะบอกว่า?” จางต้าหูฟังออกแล้วว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ได้จะสื่อถึงเรื่องเด็กที่เกิดมา
จางซิ่วเอ๋อกล่าว “ท่านพ่อเคยพิจารณาเรื่องที่จะพาแม่และน้องสาวข้าออกไปอยู่กันเองไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะได้ดูแลครอบครัวเราได้มากกว่านี้ อย่างเรื่องอาหารการกินอย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้พวกพ่อต้องอด”
“ข้าไม่รับประกันว่าพวกพ่อจะมีเนื้อกินทุกวัน แต่เวลาเทศกาลรับรองว่าพวกพ่อได้กินจนหนำใจ” จางซิ่วเอ๋อพูดต่อ
จางซิ่วเอ๋อวาดวิมานให้จางต้าหู
จางต้าหูฟังแล้วตาเป็นประกาย ถ้าได้กินของอร่อยแบบนี้บ่อย ๆ ต้องดีขนาดไหนกันนะ!
แต่ไม่นานนักจางต้าหูก็เข้าใจความหมายของจางซิ่วเอ๋อ เขามองจางซิ่วเอ๋ออย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าหมายถึงให้แยกบ้านหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “ใช่แล้ว ลุงสามข้าอยากแยกบ้านไม่ใช่หรือ? รังเกียจพวกเราว่าเป็นตัวถ่วงไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเราแยกบ้านกันดีกว่า แบบนี้ลุงสามข้าก็จะมีความสุข เราเองก็มีความสุข”
“แบบนั้นไม่ได้! ท่านย่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่นะ! ถ้าเราแยกบ้านก็เท่ากับปล่อยให้คนทั้งหมู่บ้านจับผิดเราน่ะสิ?” จางต้าหูร้อนใจขึ้นมาในบัดดล
เรื่องแยกบ้านจางต้าหูไม่ต้องคิดอะไรเลย
จางซิ่วเอ๋อมองจางต้าหูด้วยสายตาเย็นชา “พ่อหมายความว่าให้ใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป พวกลุงสามไม่มีความสุข เราก็ไม่มีความสุข ถึงเวลาสองครอบครัวทะเลาะกัน คนในหมู่บ้านจะไม่ยิ่งหัวเราะเยาะเอาหรือ?”
“สู้แยกกันไปเลยทีเดียวให้จบ แบบนี้วันหน้าก็ไม่ถึงขั้นมีเรื่องให้ผู้อื่นเยาะเย้ยบ่อย ๆ!” จางซิ่วเอ๋อกล่าวเสียงเข้ม
จางต้าหูได้ยินแบบนั้นแล้วพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เนิ่นนานก่อนจะพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “ซิ่วเอ๋อ คนในครอบครัวอยู่ด้วยกันมีที่ไหนไม่กระทบกระทั่งกันบ้าง ตอนนี้พวกลุงสามของเจ้ากำลังโมโห อีกสักพักก็จะไม่เป็นแบบนี้แล้ว อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นพี่น้องแท้ ๆ”
“เช่นนั้นเราก็รอดูแล้วกันว่าหลังจากนี้เขายังเห็นพ่อเป็นพี่น้องหรือไม่!” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเย็น นางรู้สึกว่าจางต้าหูนั้นดื้อดึงเหลือเกิน
อย่าว่าแต่หลังจากนี้เลย ก่อนหน้านี้จางต้าเหอก็ไม่เคยเห็นจางต้าหูเป็นพี่น้อง!
จางต้าหูหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าแต่ไม่ได้โต้เถียงอะไรกับจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อเห็นจางต้าหูเป็นแบบนี้แล้วมีท่าทางอ่อนลง ถ้านางพูดเรื่องพวกนี้กับจางต้าหูก่อนหน้านี้ จางต้าหูจะต้องไม่ใช่อารมณ์นี้แน่ ๆ เขาต้องยอกย้อนกลับในทันที
ถึงตอนนี้จางต้าหูก็คัดค้านเหมือนกัน แต่ฟังอย่างไรคำคัดค้านของจางต้าหูก็ไม่มีน้ำหนักเท่าใด
เรื่องนี้บ่งบอกอะไร? บ่งบอกว่าจิตใจของจางต้าหูเริ่มสั่นคลอนแล้ว บ่งบอกว่าตอนนี้จางต้าหูเริ่มลังเล และอาจถึงขั้นที่จางต้าหูเองก็ไม่สบอารมณ์จางต้าเหออยู่เหมือนกัน
เดิมทีจางซิ่วเอ๋อก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะโน้มน้าวใจจางต้าหูได้ในคราเดียว
นางคิดแบบนี้แล้วจึงผ่อนคลายอารมณ์ตัวเองลงก่อนจะปริปาก “พ่อกินข้าวก่อนเถอะ ข้าเตรียมข้าวให้พ่อแค่มื้อเดียวของวันนี้เท่านั้น พรุ่งนี้พ่อไปกินข้าวกับพวกย่าเถอะ”
เฮอะ ในเมื่อจางต้าหูไม่อยากแยกบ้าน ก็ปล่อยให้จางต้าหูไปใช้ชีวิตลำบากกับคนตระกูลจางแล้วกัน
ไม่สิ จางต้าหูใช้ชีวิตลำบากคนเดียวต่างหาก!
คนอื่น ๆ ในตระกูลจางไม่ต้องทนอดทนหนาวหรอก และไม่มีทางต้องเหนื่อยด้วย!
จางต้าหูกำลังกินเนื้อกระต่ายอยู่ พอได้ยินแบบนั้นแล้วมือเขาที่ขยับอยู่ชะงักไปเล็กน้อย กินเนื้อกระต่ายช้าลงเล็กน้อย เขาต้องลิ้มรสให้ละเอียด ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ก็ไม่มีให้กินแล้ว
ตอนยังไม่เคยได้กินของดีจางต้าหูยังไม่กระหายเท่าใด
แต่พอของดีเข้าปากแล้ว จางต้าหูก็เริ่มกังวลว่าอนาคตอาจไม่ได้กินของดีเช่นนี้อีก
พอนึกถึงว่าพรุ่งนี้ต้องกินข้าวร่วมกับคนตระกูลจาง จางต้าหูก็เริ่มกินข้าวแบบไม่รู้รสชาติเสียแล้ว
หลังจากกินเสร็จ จางซิ่วเอ๋อเห็นจางต้าหูกินยันต้นหอมในกะละมังแล้วอดปากกระตุกไม่ได้ คนที่น่าสงสารย่อมมีจุดที่น่าชิงชัง
อย่างไรเสียจางต้าหูก็เป็นชายอกสามศอก ถือว่าเป็นคนทำงานเก่งในหมู่บ้านนี้
นี่ถ้าพาแม่โจวออกมาอยู่กันเองแต่แรกยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เนื้อก็คงไม่ถึงขั้นที่ปีหนึ่งก็ไม่ได้กินสักครั้งหรอก?
จางซิ่วเอ๋อเก็บของเสร็จแล้วก็กลับไป
ส่วนจางต้าหูเอากระดูกที่ตัวเองแทะแล้วเข้าปากแทะอย่างละเอียดอีกรอบ
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าถ้าตัวเองทนดูต่อไปคงต้องทนไม่ไหวและอัดจางต้าหูแน่ ๆ
หลังออกมาจากบ้านตระกูลจางได้ จางซิ่วเอ๋อก็เจอกู๋อวี่
จางซิ่วเอ๋อยิ้มทักทายกับกู๋อวี่
กู๋อวี่มองซ้ายมองขวา เห็นว่าไม่มีใครจึงกระเถิบเข้ามาและเอ่ยถาม “แม่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ตอนนี้แม่ข้าดีขึ้นนิดหน่อยแล้ว” จางซิ่วเอ๋อตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
กู๋อวี่มองจางซิ่วเอ๋อและถอนหายใจเบา ๆ ตอนจางซิ่วเอ๋อไม่ทะเลาะกับคนอื่นก็ดูเรียบร้อยนะ ดูเป็นเด็กสาวที่ไม่เลวเลย
แต่พอทะเลาะกับคนอื่นก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันที
กู๋อวี่กดเสียงให้เบาลง “แม่เจ้าช่างอาภัพจริง ๆ คนตระกูลเถาไม่น่ามาหาเรื่องแม่เจ้าเลย”
จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจ “แม่ข้าไม่เคยอยากจะมีเรื่องกับใครเลย ครั้งนี้กลับต้องมาเจอเรื่องร้ายเช่นนี้ มีเคราะห์โดยที่ไม่ได้ทำอะไร”