ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 298 คนในใจ
บทที่ 298 คนในใจ
เนี่ยหย่วนเฉียวได้ยินแบบนั้นแล้วสายตามัวหมอง หรือว่าเรื่องของจางซิ่วเอ๋อและหมอเมิ่งรู้กันทั้งหมู่บ้านแล้ว มีเพียงตัวเองที่ไม่รู้
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เนี่ยหย่วนเฉียวไม่ได้รู้สึกโล่งอก กลับรู้สึกแน่นหน้าอกและเจ็บปวด
เขามองจางซิ่วเอ๋อ ถ้าจางซิ่วเอ๋อมีคนในใจจริงเขาก็ไม่สามารถรับผิดชอบชีวิตของนางได้ และยิ่งบอกจางซิ่วเอ๋อถึงเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้
ถ้าตัวตนของตัวเองถูกเปิดเผย ไม่ว่าอย่างไรจางซิ่วเอ๋อก็เป็นภรรยาตัวเอง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อจะอยู่ด้วยกันกับคนในใจของตัวเองได้อย่างไร
ขณะนี้จางซิ่วเอ๋อยิ่งคิดยิ่งโมโห “หนิงอัน ข้าจะบอกให้นะวันหลังเจ้าอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยินมา ท่านหมอเมิ่งเป็นคนดี อย่าไปคาดเดาอะไรมั่วซั่ว ถึงเวลาข้าเสียชื่อเสียงไม่เท่าไหร่ อย่าให้ท่านหมอเมิ่งต้องเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องของข้าไปด้วย”
เนี่ยหย่วนเฉียวใจแทบหยุดเต้น
จางซิ่วเอ๋อหมายความว่านางไม่กลัวว่าตัวเองจะเสียชื่อ นางกลัวเพียงหมอเมิ่งจะเสียชื่อรึ?
ดูท่าหมอเมิ่งจะเป็นคนในใจของจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ
“แล้วหมอเมิ่งชอบเจ้าหรือไม่?” เนี่ยหย่วนเฉียวถามอีก แม้ว่าตอนที่เขาถามเขาพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง แต่สายตาเขาก็ยังปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้มประหนึ่งว่าพร้อมจะสาดพายุฝนลงมาทุกเมื่อ
แน่นอนว่าพายุฝนของเนี่ยหย่วนเฉียวมิได้สาดใส่จางซิ่วเอ๋อ แต่สาดในใจตัวเองต่างหาก
จางซิ่วเอ๋อกำลังโมโห พอได้ยินคำพูดนี้ของเนี่ยหย่วนเฉียวแล้วยิ่งเดือด นางไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงเหมือนบรรดาหญิงขี้นินทาในหมู่บ้าน
จางซิ่วเอ๋อไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่ตัวเองมีคนในใจหรือไม่นั้นสำคัญต่อเนี่ยหย่วนเฉียวมาก
เนี่ยหย่วนเฉียวได้รับการชี้แนะจากเถี่ยเสวียนมา
เขาจำได้เพียงว่าเถี่ยเสวียนให้เขาคอยจับตามอง เขาจับตาไปมาแล้วสุดท้ายก็รู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อกับหมอเมิ่งนั้นมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา
ในเมื่อเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ก็ต้องขอความแน่ใจจากจางซิ่วเอ๋อ
เถี่ยเสวียนบอกว่าจะไป แต่เวลานี้ก็ยังไปไม่ไกล เขาเดินวนเวียนอยู่หน้าประตูและได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขาข้ามกำแพง
เถี่ยเสวียนในตอนนี้แทบอยากจะพุ่งเข้าไปอุดปากเจ้านายตัวเอง
มีอย่างที่ไหนถามผู้หญิงด้วยคำพูดเช่นนี้ ต่อให้จางซิ่วเอ๋อจะชอบใครจำเป็นต้องยอมรับด้วยเหรอ
และการที่เจ้านายถามแบบนี้นอกจากจะหาความจริงไม่ได้แล้ว รังแต่จะสร้างความรำคาญใจให้จางซิ่วเอ๋อ
เดี๋ยวก่อน ทำไมเดี๋ยวนี้แม้แต่เขาเองยังอดคิดช่วยเจ้านายเอาใจจางซิ่วเอ๋อไม่ได้ล่ะ เห็นจางซิ่วเอ๋อโกรธเจ้านายแล้วทำไมเขาต้องร้อนใจด้วย นี่หรือที่เขาว่ากันว่าเจ้าตัวไม่ทุกข์ร้อนคนรอบข้างทุกข์ร้อนแทน
อืม ต้องเป็นเพราะจางซิ่วเอ๋อทำกับข้าวอร่อยเกินไปแน่ ๆ ใช่แล้ว เพราะสาเหตุนั้นแหละ ถ้าจางซิ่วเอ๋อกลายเป็นนายหญิงของตัวเองจริง ๆ อย่างน้อยเขาก็ได้กินข้าวด้วย
ถ้าอีกหน่อยจางซิ่วเอ๋อแต่งงานกับคนอื่นจริง ๆ …
จางซิ่วเอ๋อมีสามีแล้ว เช่นนั้นเขากับเจ้านายสองคนต่อให้ไม่มีอะไรในกอไผ่กับจางซิ่วเอ๋อ ถึงตอนนั้นก็คงไม่อาจเข้าออกบ้านนางได้ตามใจชอบ และหากเป็นแบบนั้นเขาก็อดกินกับข้าวที่นางทำน่ะสิ
เพื่อกระเพาะของตัวเอง หลังจากนี้เขาต้องเฝ้าเจ้านายให้ดี จะปล่อยให้เจ้านายทำอะไรโง่เขลาจนน่าร้อนใจแบบนี้อีกไม่ได้เด็ดขาด
แต่ตอนนี้ต่อให้เถี่ยเสวียนร้อนใจแค่ไหนก็รู้ว่าเวลาแบบนี้ตัวเองจะพุ่งออกไปไม่ได้ หากออกไปเวลานี้นอกจากจะห้ามเจ้านายตัวเองไม่ได้กลับจะเป็นการราดน้ำมันลงกองเพลิงอีกด้วย
จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างเคืองแค้น
ก่อนหน้านี้นางอุตส่าห์นึกว่าเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนไม่เลว แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าเนี่ยหย่วนเฉียวจะถามอะไรแบบนี้
เนี่ยหย่วนเฉียวโตขนาดนี้แล้ว คิดไม่ได้เลยเหรอว่าการถามเจาะจงเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเด็กผู้หญิงไม่เหมาะสม นี่ถ้าอยู่ในยุคปัจุบันถ้าไม่ใช่เพื่อนที่สนิทจริง ๆ มาถามแบบนี้ ใคร ๆ ก็ต้องไม่พอใจ
ไม่ต้องพูดถึงยุคโบราณที่วัฒนธรรมล้าสมัยนี้
จางซิ่วเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร “หนิงอัน ข้ารู้ว่าเจ้ายังนึกถึงบุญคุณที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้และอยากตอบแทนข้า แต่ข้าบอกเจ้าไปนานแล้วนะว่าระหว่างเราสองคนหายกันแล้ว ไม่พูดเรื่องที่ระหว่างข้ากับหมอเมิ่งไม่มีอะไร ต่อให้มีอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
“ข้าขอบคุณในความห่วงใยของเจ้า แต่ข้าขอร้องให้เจ้าอย่ามาเป็นห่วงข้าเช่นนี้อีก” จางซิ่วเอ๋อพูดเสียงแข็ง
จางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่าท่าทีของตัวเองไม่ค่อยดีนัก แต่พอนางนึกถึงที่ตอนนี้คนในหมู่บ้านครหาเรื่องของตัวเองกับหมอเมิ่ง พอกลับมาถึงบ้านยังต้องโดนจี้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกก็โมโหสุด ๆ
และที่นางเป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้เพราะเรื่องนี้แค่เรื่องเดียว
นางรู้ว่าเนี่ยหย่วนเฉียวดีกับนาง แต่นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเนี่ยหย่วนเฉียวถึงเป็นเช่นนี้ จนตอนนี้เป็นห่วงยันเรื่องนี้ด้วย ส่งผลให้นางรู้สึกหงุดหงิดแปลก ๆ
คำพูดคล้าย ๆ เดิมอีกแล้ว เรื่องของนางไม่เกี่ยวกับเขา…เนี่ยหย่วนเฉียวได้ยินแล้วเงียบไป
พอเห็นเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ใจเย็นลง
หลังจากใจเย็นแล้วจางซิ่วเอ๋อก็เริ่มตำหนิตัวเอง หนิงอันทำแบบนี้อาจจะยุ่งไม่เข้าเรื่องก็จริง แต่เขาก็เป็นห่วงตัวเอง ทำไมตัวเองต้องโมโหใส่หนิงอันด้วย
นอกจากเหตุผลเพราะเกลียดที่คนอื่นลือเรื่องของตัวเองกับหมอเมิ่งและกลัวว่าจะทำให้หมอเมิ่งเสียชื่อแล้ว…. ดูเหมือนจะมีสาเหตุอื่นด้วย
ต่อให้นางไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องเผชิญหน้าอยู่ดี
นางไม่ชอบที่หนิงอันถามเรื่องนางกับหมอเมิ่งด้วยท่าทีจริงจัง
ถ้าหนิงอันทำอะไรอย่างอื่น แม้ว่านางจะรู้สึกประหลาดใจบ้าง แต่อย่างน้อยก็ยังดีใจ
มีเพียงวันนี้ที่เขาถามเรื่องของนางและหมอเมิ่งด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงและจริงจังนั้น ที่ทำให้นางไม่สบอารมณ์ ถึงได้โมโหยกใหญ่ขนาดนี้
คิดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อก็ถอนหายใจ และรู้สึกหมดแรงไปชั่วขณะ “หนิงอัน เจ้าอย่าถือสาข้านะ ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นมากมาย ข้าจึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้”
เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อและพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้าไม่โกรธเจ้า”
เนี่ยหย่วนเฉียวพูดมาถึงนี่แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง
จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียว ท้ายสุดก็ปริปาก “เดี๋ยวก่อน”
เนี่ยหย่วนเฉียวหันกลับมามองจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียวและพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง “หมอเมิ่งไม่ใช่คนในใจของข้า ส่วนเรื่องที่หมอเมิ่งดูแลข้าดีข้าคิดว่าคงเพราะหมอเมิ่งเป็นคนใจดี เขาปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นนี้เหมือนกัน”
“เจ้าอย่าไปเชื่อที่คนในหมู่บ้านพูด” จางซิ่วเอ๋อเบ้ปาก ถือว่าอธิบาย
นางไม่อยากให้เนี่ยหย่วนเฉียวเข้าใจผิดเรื่องของตัวเองกับหมอเมิ่ง
เนี่ยหย่วนเฉียวที่เมื่อกี้ยังอารมณ์มัวหมองอยู่พอได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “เจ้าไม่ชอบหมอเมิ่งหรอกหรือ?”
“ข้าชอบหมอเมิ่ง แต่ชอบแบบเพื่อน” จางซิ่วเอ๋อนึกถึงเรื่องที่เมื่อกี้ตัวเองดุเนี่ยหย่วนเฉียวแล้วรู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปหน่อย จางซิ่วเอ๋อจึงตอบคำถามนี้ของเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างจริงจัง