ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน [更名为《冲喜娘子的锦绣田园》] - บทที่ 311 โดนจับไปขาย
บทที่ 311 โดนจับไปขาย
ชายวัยกลางคนมองจางซิ่วเอ๋ออย่างดูแคลน ก่อนจะมัดมือมัดเท้าของจางซิ่วเอ๋อไว้ด้วยกันเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด แล้วจึงออกไป
จางซิ่วเอ๋อเห็นว่าชายวัยกลางคนไปแล้วก็หอบหายใจอย่างหนัก ถึงตอนนี้นางถึงกล้าพอจะผ่อนคลาย
ตอนชายวัยกลางคนอยู่ จางซิ่วเอ๋อกลัวเหลือเกินว่าตนเองจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือมาร
แม้ว่าตอนนี้นางยังหนีไม่พ้น หลังจากนี้อาจจะลำบากกว่านี้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ปลอดภัยชั่วคราว
พอนึกถึงความคิดของชายคนนั้น จางซิ่วเอ๋อก็ขยะแขยงจนอยากจะอ้วก
อย่าให้นางออกไปได้นะ ถ้านางออกไปได้อย่างปลอดภัย จะไม่ยอมปล่อยคนเหล่านี้ที่ทำร้ายตัวเองไว้แน่
จางซิ่วเอ๋อคิดอย่างแค้นเคืองไปพลางและหาวิธีหนีไปพลาง
แต่ในตอนที่ชายคนนั้นไปได้มัดให้แน่นหนาเป็นพิเศษ จางซิ่วเอ๋อจึงไม่อาจสลัดให้หลุดได้เลย
ข้อมือของจางซิ่วเอ๋อโดนรัดจนเป็นสีแดง
นางดิ้นไปดิ้นมาตลอด และถึงขั้นหาทางขูดให้เชือกขาด แต่จนจางซิ่วเอ๋อหมดแรงแล้วก็ยังดิ้นไม่หลุด
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองออกมาโดยไม่ดูปฏิทินแน่ ๆ ซวยสุด ๆ ไปเลย
ในตอนนั้นเอง มีเสียงฝีเท้าดังมาจากหน้าประตู
จากนั้นชายวัยกลางคนเดินนำเข้ามาก่อน ด้านหลังชายวัยกลางคนมีสตรีชุดน้ำเงินผิวซีดเผือดคนหนึ่งตามมา สตรีผู้นั้นแต่งตัวเป็นพิธีรีตองมาก ปักปิ่นทองไว้บนหัวด้วย
หลังจากสตรีชุดน้ำเงินเดินเข้ามาแล้วก็กวาดสายตามองจางซิ่วเอ๋อไปมา
“แม่นี่น่ะหรือ?” สตรีชุดน้ำเงินขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจในตัวจางซิ่วเอ๋อเท่าไหร่
ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่นี่แหละ เห็นนางขี้เหร่แบบนี้แต่เป็นสาวพรหมจรรย์นะ”
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองชายวัยกลางคน แม้ว่านางจะไม่เคยมีสัมพันธ์กับใครจริง ๆ แต่ในใจของชายคนนี้ตัวเองเป็นหญิงสำส่อนนะ สิ่งที่เขาพูดกับสตรีชุดน้ำเงินในตอนนี้เรียกได้ว่าตั้งใจหลอกลวงชัด ๆ
สตรีชุดน้ำเงินผู้นี้คงจะเป็นคนที่ซื้อตัวเอง
แต่เวลานี้จางซิ่วเอ๋อไม่ปากมากพูดอะไรหรอก ชายวัยกลางคนไม่ใช่คนดี สตรีชุดน้ำเงินผู้นี้ลักลอบทำการค้าแบบนี้ก็คงไม่ใช่คนดีเหมือนกัน
“ต่อให้เป็นสาวพรหมจรรย์ แต่เนื้อหนังยังไม่ถึงสองชั่งด้วยซ้ำ เจ้าก็รู้ว่าบรรดาแขกของข้าไม่ชอบผู้หญิงผอมแห้งเช่นนี้” สตรีชุดน้ำเงินพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
แต่ที่นางพูดคือความจริง นางลักลอบค้ามนุษย์ คนที่มาหานางส่วนใหญ่คือพวกพ่อค้าหาบเร่
คนฐานะเช่นนี้มักจะมีเมียผอมแห้งที่บ้านอยู่แล้ว มีที่ไหนออกมาซื้อหญิงยังจะซื้อคนที่รูปร่างคล้ายเมียตัวเองอีก
บวกกับนางมาซื้อ ต้องอยากกดราคาอยู่แล้ว เวลานี้ไม่มีทางชมอะไรจางซิ่วเอ๋อหรอก มีแต่คำพูดดูถูก
“เช่นนั้นเจ้าว่านางมีค่ากี่ตำลึง?” ชายวัยกลางคนพูดเสียงหงอย ๆ
เขาเตรียมใจไว้แต่แรกแล้วว่าจางซิ่วเอ๋อได้เงินไม่มาก
สตรีชุดน้ำเงินยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว
ชายวัยกลางคนเห็นแบบนั้นก็ตกใจ “อะไรนะ? 2 ตำลึงเงิน นี่คนทั้งคนเลยนะ 2 ตำลึงเงินจะพอได้อย่างไร”
จางซิ่วเอ๋อเบ้ปาก คิดไม่ถึงว่าตัวเองโดนขายที่นี่ยังสู้โดนขายผ่านมือแม่เฒ่าจางไม่ได้
ตอนนี้ตัวเองมีค่าแค่ 2 ตำลึงเงินเท่านั้น
สตรีชุดน้ำเงินมองชายวัยกลางคนอย่างรำคาญใจ “ทำไม? เจ้าเห็นว่าน้อยไปรึ? ถ้าน้อยไปข้าจะได้ไป สภาพนี้ซื้อมาก็ทำได้แค่ยกข้าวยกน้ำ ต่อให้พาไปรับใช้ผู้ชายยังไม่มีใครเอา”
“แต่… 2 ตำลึงเงิน…” ชายวัยกลางคนไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าจะบอกให้นะ ก็มีแต่ข้านี่แหละที่ยอมจ่าย เจ้าพานางไปข้างนอกสิ อย่าว่าแต่ 2 ตำลึงเงินเลย ต่อให้เจ้าให้คนอื่นเปล่า ๆ ยังไม่มีใครเอา เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ ว่าเจ้าจับตัวแม่นี่มาได้อย่างไร การลักลอบค้ามนุษย์ถ้าทางการรู้เข้าเป็นเรื่องใหญ่แน่ แบกรับความเสี่ยงมากขนาดนี้ข้าให้ตั้ง 2 ตำลึงเงินยังไม่รู้จักพออีก” สตรีชุดน้ำเงินแค่นเสียงเย็น
จางซิ่วเอ๋อได้ยินถึงนี่ก็สิ้นหวังอย่างสมบูรณ์ นางมิได้ปริปากขอความช่วยเหลือจากสตรีชุดน้ำเงิน เห็นได้ชัดว่าสตรีชุดน้ำเงินผู้นี้รู้ว่าตนเองโดนจับตัวมา แต่ตอนนี้ก็ยังอยากทำการค้าขายนี้อยู่
บ่งบอกได้ว่าสตรีชุดน้ำเงินผู้นี้ไม่มีทางช่วยนาง
มีแรงขอความช่วยเหลือสู้หาวิธีหนีไปดีกว่า
ชายวัยกลางคนหน้าตาลังเล เขาเอามือเกาหัว สุดท้ายก็กัดฟันพูดขึ้น “สองตำลึงเงินก็สองตำลึงเงิน”
“เช่นนั้นข้าเอาแม่นี่” สตรีชุดน้ำเงินพูดเสร็จก็ควักเศษตำลึงเงิน 2 ก้อนจากกระเป๋าตัวเองให้ชายวัยกลางคน
“เจ้าจับแม่นี่ยัดกระสอบแล้วขนไปที่นู่น” สตรีชุดน้ำเงินพูด
ดังนั้นจางซิ่วเอ๋อจึงโดนจับใส่กระสอบอีกครั้ง และโดนแบกไปอีกที่
รอจนจางซิ่วเอ๋อโผล่ออกมาจากกระสอบอีกครั้ง สิ่งแวดล้อมได้เปลี่ยนไปแล้ว
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋ออยู่ในห้องที่คล้าย ๆ ห้องขัง ในห้องมีเพียงวัชพืช นอกจากนั้นยังมีผู้หญิงอีก 2-3 คน
ตอนนี้ผู้หญิงเหล่านั้นกำลังนอนอยู่บนกองหญ้า
ซึ่งในห้องมีตะเกียงน้ำมันสลัว ๆ อยู่
จางซิ่วเอ๋อมองผู้หญิงพวกนั้น ดูเหมือนสภาพของพวกนางจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่มีอย่างหนึ่งคือผู้หญิงเหล่านั้นตัวมีน้ำมีนวล ผิวก็ขาวเนียน
หลังจากจางซิ่วเอ๋อโดนโยนเข้ามา บางคนทำเป็นเหมือนไม่เห็นจางซิ่วเอ๋อ บางคนเงยหน้ามองจางซิ่วเอ๋อด้วยสายตาเฉยชาและหันไปทำอะไรของตัวเองต่อ
หลังจากสตรีชุดน้ำเงินโยนจางซิ่วเอ๋อเข้ามาแล้วก็พูดอย่างโหดเหี้ยม “หลังจากนี้เจ้ามีชื่อว่าอวี้เอ๋อ อวี้เอ๋อที่แปลว่าหอมกรุ่นนุ่มนวล ส่วนจะรับแขกอย่างไรนั้นเจ้าศึกษากับพี่สาวที่อยู่ที่นี่ ข้ารู้ว่าเจ้าเพิ่งมาถึงต้องคิดหนีแน่ แต่เจ้าจงจำไว้ คนที่คิดหนีจบไม่ดีหรอก”
ขณะที่พูด สตรีวัยกลางคนก็ปิดประตูดังปัง
จางซิ่วเอ๋อเดินเข้าไปและถามเสียงแผ่ว “พวกเจ้าก็โดนจับมาเหรอ?”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าต่อให้ตัวเองมีชีวิตที่อนาถาเพียงใด หากคิดจะขายตัวก็ไม่มาในที่แบบนี้ เช่นนั้นคนเหล่านี้ก็คงมีชะตากรรมเหมือนนาง
ผู้หญิงบางคนมีบาดแผลตามตัวด้วย ไม่รู้ว่าโดนสตรีชุดน้ำเงินตีหรือโดนแขกตี
ไม่มีใครตอบจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อขยับริมฝีปาก สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรอีก คนพวกนี้คงจะโดนขังไว้นานจนเริ่มเอ๋อ
“เจ้า…เจ้าคือจางซิ่วเอ๋อหรือ?” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงนั้นเล็กบาง และเจือความไม่แน่ใจ
จางซิ่วเอ๋อได้ยินชื่อตัวเองกะทันหันก็ตกใจ ที่แบบนี้มีคนรู้จักตนด้วยเหรอ?
จางซิ่วเอ๋อเงยหน้าและมองไปข้างหน้า
ก็เห็นหญิงสาวอายุ 18 ถึง 19 คนหนึ่งกำลังมองนางอึ้ง ๆ
จางซิ่วเอ๋อลังเลนิดหน่อยก่อนจะถามขึ้น “เจ้าเป็นใคร”
“ซิ่วเอ๋อ เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วหรือ? ข้าคือรุ่ยเซียงไง” หญิงสาวที่ชื่อรุ่ยเซียงดูจะตื่นตูมมาก