ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi - ตอนที่ 142 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 30) / ตอนที่ 143 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 31)
- Home
- ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi
- ตอนที่ 142 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 30) / ตอนที่ 143 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 31)
ตอนที่ 142 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 30)
ตันหวายปรุงบะหมี่ได้สวยงามน่ารับประทานยิ่งนัก เส้นบะหมี่เหนียวนุ่มโอบอุ้มไข่ลวกไว้ตรงกลาง ตกแต่งด้วยผักสดวางเคียงกันโดยรอบ ชวนให้น้ำลายสอเป็นพิเศษ
เปรียบเทียบกับตันหวายที่กินไม่บันยะบันยัง ท่าทางการกินของกงฉือก็ดูสุภาพเรียบร้อยขึ้นมาทันที
ราวกับเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ตอนที่เจอกันในมหาวิทยาลัยครั้งแรก ไป๋เยว่ก็กำลังนั่งทำงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่บนเก้าอี้แบบนี้ เหมือนกับข้าราชการอาวุโสอย่างไรอย่างนั้น
อันที่จริงไป๋เยว่ไม่ได้ขาดชีวิตชีวาแบบที่เด็กหนุ่มวัยรุ่นควรมีแต่อย่างใด ในเวลาส่วนตัวเขามักจะตั้งวงดื่มเหล้ากับผองเพื่อนนักศึกษา และมักจะดื่มจนเมาหัวราน้ำด้วยความคึกคะนอง ตันหวายคอยสังเกตเขาอยู่เสมอ แอบดูชีวิตประจำวันหลายอย่างอยู่ในมุมที่เขามองไม่เห็น
พอเห็นตันหวายเหม่อลอย กงฉือก็เอื้อมมือไปเคาะโต๊ะเบาๆ ตั้งใจจะเรียกสติคนใจลอยให้รู้สึกตัว แต่น่าเสียดายที่คนใจลอยยังจมดิ่งอยู่ในภวังค์ฝันของเขา ไม่ทันมองเห็นคนรักที่พยายามจะปลุกเขาจากข้างนอก
กงฉือเลิกคิ้วสูง เอามือยันโต๊ะพลางลุกขึ้นโน้มตัวมาหาตันหวาย โต๊ะรับประทานอาหารของพวกเขาไม่ใหญ่นัก เพียงแค่ลุกขึ้นยืนก็แทบจะสัมผัสคนตรงหน้าได้ตลอดทั้งตัว
เมื่อเงามืดปกคลุมอยู่เหนือศีรษะ สติสัมปชัญญะของตันหวายก็หวนคืนสู่ความเป็นจริงในที่สุด ก่อนเงยหน้าขึ้นมองกงฉือที่ยืนประชิดติดกับตนเอง ตันหวายยกยิ้มมุมปาก มือเรียวลูบไล้ไปตามเอวสอบแล้วค่อยๆ ไล่ขึ้นมาถึงปกเสื้อของเขา
ดวงตาของกงฉือพลันฉายแววลึกล้ำ ก่อนจะเม้มริมฝีปาก ราวกับคาดเดาออกว่าตันหวายจะกระทำสิ่งใดต่อไป
จ้องมองริมฝีปากที่เลื่อนเข้าหาตนทีละน้อย กงฉือข่มกลั้นมุมปากที่ทำท่าจะกระดกขึ้นตลอดเวลา จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง
“คุณกง ช่วงนี้นอนไม่พอหรือยังไง สิวขึ้นบนหน้าคุณแล้ว”
กงฉือเบิกตาโพลงขึ้นมา ยิ้มหน้าตายพลางคว้ามือของตันหวายออกจากหน้าตัวเอง ทิ้งตัวกลับไปนั่งที่ของตนด้วยสีหน้าหมดอารมณ์ เริ่มกินบะหมี่ต่อด้วยสีหน้าหมดอารมณ์
“พรืด!” ตันหวายระเบิดเสียงหัวเราะ ปรี่เข้าไปเกาะแขนกงฉือพร้อมกล่าวเสียงออดอ้อน “คุณกง คุณโกรธแล้วจริงๆ เหรอ?”
กงฉือไม่ยอมแม้แต่จะชายตามองเขา ทำเพียงคีบเส้นบะหมี่ส่งเข้าปาก จ้องชามอย่างใจจดใจจ่อประหนึ่งมองคนรักของเขา
ตันหวายแลบลิ้นปลิ้นตา ก่อนขยับเข้าไปข้างๆ กงฉือแล้วจุ๊บทีหนึ่งอย่างรวดเร็ว หากไม่สังเกตให้ดีก็ไม่มีทางรับรู้ว่าเมื่อครู่คนทั้งสองสัมผัสแนบชิดกัน
ระบบตะลึงตาค้าง เอ่ยขึ้นช้าๆ (ท่านเจ้าของร่าง ท่านเขินอายอะไร?)
ใครเขินอายกัน? ไร้สาระ! ลูกผู้ชายอกสามศอกสูงหนึ่งเมตรเจ็ดสิบอย่างเขาจะไปเขินอายได้อย่างไร พูดจาเหลวไหลสิ้นดี!
กงฉือเหลือบมองตันหวายที่หน้าแดงเป็นลูกตำลึง จู่ๆ ก็รู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก คิดว่าหากมีคนคนนี้อยู่เคียงข้างกันเสมอ ถ้าเช่นนั้นสายที่เขาโทรหาเมื่อสักครู่ก็คุ้มค่า
หลังจากกินบะหมี่เสร็จ กงฉือก็เก็บกวาดจานชามบนโต๊ะให้เรียบร้อย พร้อมกับเข้าไปล้างจานในห้องครัวอย่างรู้งาน
ตันหวายไม่ค่อยเกี่ยงเรื่องทำอาหารสักเท่าไหร่ แต่กลับเกลียดงานจำพวกซักล้างยิ่งกว่าอะไรดี ดังนั้นการที่กงฉือรู้งานจึงทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ตันหวายถือโอกาสตอนที่กงฉือล้างจานรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ทันทีที่กงฉือออกมาเขาก็ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมออกเดินทางแล้ว
“จะออกไปข้างนอกเหรอครับ?” กงฉือขมวดคิ้ว “คุณออกไปข้างนอกตอนนี้ไม่ปลอดภัย”
ภาพถ่ายของตันหวายปลิวว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ตแล้ว เขาออกไปทั้งอย่างนี้ มีโอกาสสูงว่าจะถูกจดจำได้
“วางใจเถอะ” ตันหวายกะพริบตาปริบ ส่งสายตาให้กับกงฉือเป็นเชิงปลอบใจ แล้วจึงเดินออกจากประตูไปโดยไม่ฟังคำคัดค้าน
ตอนที่ตันหวายออกมาเรียกได้ว่าติดอาวุธครบมือ ถึงแม้เขาจะไม่เคยกระทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรม แต่ความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนกลับไม่อาจประเมินได้เลย เขาไม่กล้าเสี่ยงอันตราย
“คุณเจี่ยงหลี” ตันหวายขับรถไปพลางถือโทรศัพท์ไปพลาง “คุณไช่ซือชิงอยู่บนเตียงของคุณไหม? ผมคิดว่าพวกเราคงต้องเจอหน้ากันหน่อย”
ตอนที่ 143 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 31)
ยืนอยู่หน้าประตูบ้านที่เจ้าของร่างเดิมพำนักอาศัยมานานหลายปีอีกครั้ง ในใจรู้สึกสลดสังเวชยิ่งนัก บ้านหลังนี้เจ้าของร่างเดิมตกแต่งไว้ก่อนแต่งงานพร้อมกับความหวังอันล้นเปี่ยม ทุกซอกทุกมุมล้วนอบอวลไปด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของเจ้าของร่างเดิม
ตอนที่เจ้าของร่างเดิมตกแต่งบ้านต้องไม่รู้แน่ว่า ชีวิตแต่งงานของเขาไม่มีความสุขยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก
หากเจี่ยงหลีสารภาพว่าเขาคบหากับคนอื่นหวังให้เจ้าของร่างเดิมถอนตัว ถ้าเช่นนั้นเจ้าของร่างเดิมก็ย่อมถอนตัวโดยไม่ลังเล นับแต่นั้นจะไม่วุ่นวายกับพวกเขาอีกต่อไป
จริงอยู่ที่เจ้าของร่างเดิมชอบเจี่ยงหลี แต่ความชอบของเขามีขอบเขตในตัวมันเองเสมอ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเจี่ยงหลี่ไม่ได้คบหากับไช่ซือชิง เจ้าของร่างเดิมถึงได้ตามจีบเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
ยืนอยู่หน้าประตูอีกครู่ใหญ่ ตันหวายยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ สะบัดความคิดเจ้าของร่างเดิมที่ครอบงำตนเองทิ้งไป ก่อนจะก้าวออกไปเคาะประตู
ประตูเปิดออกโดยเร็ว เมื่อเจี่ยงหลีเห็นตันหวายก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ตั้งสติได้แล้วหลีกทางให้เขาเข้าไป
สายตาจับจ้องไปที่รอยจ้ำแดงบริเวณกระดูกไหปลาร้าของเจี่ยงหลี่ ตันหวายเบือนสายตาอย่างเย็นชา แสยะรอยยิ้มเหยียดหยัน เงยหน้าขึ้นมองไปยังปากบันไดชั้นสอง
ชายเสื้อโผล่แวบออกมาให้เห็นบนบันได แสดงว่ามีใครบางคนอยู่ด้านบน
ตันหวายทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างแรง ยกขาขึ้นไขว่ห้างโดยไม่รักษาภาพพจน์แม้แต่น้อย
เจี่ยงหลีถึงกับช็อก ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ฮั่วหมิงเยว่ถึงทำท่าทางหยาบคายโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์แบบนี้
เจ้าของร่างเดิมให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์เสมอ ไม่ว่าในโอกาสใดก็มักจะหลีกเลี่ยงการกระทำที่เสียมารยาท ดังนั้นพอตันหวายนั่งแผ่สบายอารมณ์เช่นนี้ ก็ทำให้เจี่ยงหลีประหลาดใจอยู่นานสองนานทีเดียว
ตันหวายพยักเพยิดไปทางบันไดพลางแย้มยิ้ม “คนข้างบนไม่คิดจะออกมาทักทายกันหน่อยเหรอ?”
บรรยากาศในห้องรับแขกตึงเครียดขึ้นมาทันใด ตันหวายนั่งแผ่สองสลึงด้วยใบหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่รับรู้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียดโดยรอบ
ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดคนข้างบนบันไดก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาค่อยๆ เดินลงมาจากบันไดโดยไม่สวมรองเท้า ฝีเท้าเหยียบย่างลงบนพื้นอย่างเนิบช้าไร้ซึ่งสุ้มเสียงใด
นี่เป็นครั้งแรกที่ตันหวายได้เจอไช่ซือชิงตัวเป็นๆ และเป็นครั้งแรกที่เจ้าของร่างเดิมได้เจอไช่ซือชิงเช่นเดียวกัน
แต่ก่อนไช่ซือชิงมีตัวตนอยู่ในคำพูดของเจี่ยงหลีเสมอ เหมือนกับภาพวาดที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลแสนไกล สวยงามเพียงไหนก็ไม่อาจทำให้สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้ภาพวาดหวนกลับมาแล้ว สีสันคล้ายจะสวยสดงดงามยิ่งกว่าเก่า แต่ท่ามกลางสีสันอันฉูดฉาดกลับอาบย้อมด้วยยาพิษ
ไช่ซือชิงหน้าตาสวยงามอย่างไม่ต้องสงสัย เขากับเจ้าของร่างเดิมเป็นโอเมก้าที่บุคลิกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เจ้าของร่างเดิมเป็นโอเมก้าตามแบบฉบับของจักรวาลนี้ เฉลียวฉลาดและสุภาพอ่อนโยน มีอาชีพการงานมั่นคง ทั้งยังดูแลครอบครัวได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ใบหน้าของเขามักจะฉายแววเป็นมิตร ทำให้ผู้อื่นรู้สึกโกรธเกลียดไม่ลง
หากแต่ไช่ซือชิงเป็นตัวแทนของความหัวขบถและความหยิ่งผยอง ผู้มีใบหน้างดงามหยาดเยิ้มเช่นเขา คือยอดดวงใจที่บรรดาอัลฟ่าทุกตนต่างเฝ้าปรารถนา
ตันหวายพลันเข้าใจกระจ่างว่าเหตุใดเจ้าของร่างเดิมถึงพ่ายแพ้ เพราะว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ควรจะลดตัวลงมาเทียบกับไช่ซือชิงตั้งแต่แรกแล้ว
เสื้อผ้าบนตัวไช่ซือชิงหลุดลุ่ยยับเยิน ตลอดหัวจรดเท้าล้วนเปิดเผยโจ่งแจ้งว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเจี่ยงหลี นี่คือการประกาศศักดาอย่างเงียบสงบ ไม่ใช่แค่ตันหวายที่สัมผัสได้ กระทั่งเจี่ยงหลีเองก็สัมผัสได้เช่นกัน
สีหน้าของเจี่ยงหลีไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาลุกพรวดขึ้นมาคว้าตัวไช่ซือชิงเอาไว้ ตะคอกใส่ด้วยอารมณ์เดือดดาล “คุณจะลงมาทำไม นี่มันไม่ใช่เรื่องของคุณ ยังไม่รีบขึ้นไปอีก!”
พูดจบเจี่ยงหลีก็ดันร่างไช่ซือชิงขึ้นไปชั้นบน
ไช่ซือชิงเห็นท่าทีของเจี่ยงหลีก็บันดาลโทสะ ก่อนผลักเจี่ยงหลีออกไปเต็มแรง สายตาจ้องเขม็งไปยังตันหวายด้วยความโกรธแค้น ฟาดงวงฟาดงาราวกับว่าเขาคือตัวจริงและตันวายคือคนที่ทำลายชีวิตแต่งงานของคนอื่น
ตันหวายรู้สึกว่าช่างน่าขัน จริงดังคาด คนบางคนก็หน้าด้านหน้าทนชนิดที่คุณไม่มีวันเทียบติด