ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi - ตอนที่ 150 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 38) / ตอนที่ 151 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 39)
- Home
- ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi
- ตอนที่ 150 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 38) / ตอนที่ 151 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 39)
ตอนที่ 150 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 38)
(ขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้าของร่าง ภารกิจเสร็จสมบูรณ์แปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว)
“เร็วขนาดนี้เชียว?”
ตันหวายเอ่ยปากถามตรงๆ โดยไม่ได้หลบเลี่ยงบอดี้การ์ดเหล่านี้
บอดี้การ์ดเหล่านี้มีจรรยาบรรณวิชาชีพสูงมาก ไม่เคยถือวิสาสะซักถามเรื่องส่วนตัวของผู้ว่าจ้างแต่อย่างใด และไม่เคยพูดจาพร่ำเพรื่อ
(พยานหลักฐานแน่นหนา บริษัทของเจี่ยงหลีตอนนี้หุ้นร่วงระนาวอย่างหนัก ตระกูลฮั่วไม่ถือหางเขาอีกต่อไป เขาเสียฮูหยินซ้ำยังเสียขุนศึก นับว่าผลกรรมตามสนองแล้ว ไช่ซือชิงเองก็ถูกจับกุมเพราะยุยงให้หลิวปิ่งซูแทรกแซงการผลิตยาคุมกำเนิด ยิ่งกว่านั้นหลิวปิ่งซูยังถูกตัดสินจำคุก โดยภาพรวมถือว่าภารกิจของท่านเสร็จสมบูรณ์)
ตันหวายกะพริบตาปริบ หันหน้าไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
(ท่านหัวเราะทำไมกัน?)
“ยุ่งอะไรด้วย” ตันหวายเลิกคิ้ว
(…เจ้าเด็กบ้า)
สื่อมวลชนจำนวนมากยังคงล้อมรอบบริเวณมหาวิทยาลัย ตันหวายแอบเข้ามาทางประตูหลังเพื่อเข้าพบท่านอธิการบดี ไม่มีใครล่วงรู้แม้แต่คนเดียว
อาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ล้วนจดจ่อกับงานวิจัยทางวิชาการ อาจารย์ที่ข่าวฉาวรุมเร้าเช่นตันหวายเพิ่งจะเคยมีเป็นคนแรก ท่านอธิการบดีมีจิตใจโอบอ้อมอารี กลับไม่ได้ว่ากล่าวอะไร เพียงแต่ตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อได้ยินว่าเขาจะขอลาออก
“อาจารย์ฮั่ว ถึงเรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยอยู่บ้าง แต่ทางมหาวิทยาลัยจะไม่ยอมเสียอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมไปเพราะเรื่องนี้” อธิการบดีกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พยายามจูงใจตันหวายสุดความสามารถ “อาจารย์ฮั่ววางใจได้เลย ในมหาวิทยาลัยจะไม่มีใครต้อง…”
“ท่านอธิการบดี” ตันหวายขัดจังหวะเขาอย่างลำบากใจ “ผมไม่สามารถทำงานต่อไปได้ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ สำหรับตำแหน่งของผม ผมจำได้ว่าครึ่งปีก่อนมหาวิทยาลัยของเรามีอาจารย์ใหม่เข้ามาหลายท่าน หนึ่งในนั้นเป็นบัณฑิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ”
เมื่อตันหวายพูดถึงขนาดนี้ อธิการบดีก็ไม่กล้าออกปากขอร้องอีก จำต้องยอมเห็นชอบแต่โดยดี
ตันหวายออกมาจากมหาวิทยาลัย ค่อยๆ พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ กล่าวพึมพำกับตนเองว่า “โลกนี้จบลงแล้วเหรอ?”
(จบแล้ว ท่านเจ้าของร่างต้องการนับเวลาถอยหลังสามวันใช่ไหม?)
“ผม…ผมอยากไปซื้อของที่ร้านค้า”
(กลับสู่โลกความจริงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง?) ระบบคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
ตันหวายพยักหน้า “ขอใช้เวลาสามวันนี้กลับไปเยี่ยมโลกความจริงสักหน่อยแล้วกัน”
(จะไม่บอกลากงฉือก่อนหรือ?)
“บอก…บอกสิ” สิ้นเสียงกล่าวของตันหวาย เสียงโทรศัพท์มือถือก็ร้องดังขึ้นมา
คุณกงโทรมาได้จังหวะพอดิบพอดี ตันหวายชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรับสาย
ปลายสายพูดอะไรบางอย่าง ตันหวายสูดลมหายใจลึก ในที่สุดก็ยกยิ้มเบาบางตอบรับออกมา “ตกลง”
“ระบบ ผมขอซื้อตั๋วกลับสู่โลกความจริงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ซื้อเดี๋ยวนี้เลย” ตันหวายตัดสินใจเด็ดขาด
(หักคะแนนหนึ่งพันแต้ม ขณะนี้คะแนนคงเหลือแปดสิบแต้ม การเดินทางข้ามเวลากำลังจะเริ่มต้น ท่านเจ้าของร่างโปรดเตรียมตัวให้พร้อม)
ตันหวายตกตะลึง ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรก็ดำดิ่งลงสู่ห้วงความมืดมิด
ภายในคอนโดมีเนียมขนาดเล็ก กงฉือสูดดมกลิ่นชาเขียวที่หลงเหลืออยู่ในห้อง มือประคองถือถ้วยกาแฟยืนอยู่ริมหน้าต่าง เอ่ยถามขึ้นช้าๆ “โลก เขาไปแล้วหรือ?”
(ใช่แล้ว เจ้าของร่างกลับสู่โลกความจริงเป็นที่เรียบร้อย)
รอยยิ้มผลิบานบนใบหน้าของกงฉือ ราวกับสามารถหลอมละลายหิมะน้ำแข็ง ก่อนกล่าวพึมพำว่า “อย่างนั้นก็ดี”
โทรศัพท์มือถือยังคงแสดงข้อความที่ส่งมาจากแม่ของเขาในโลกนี้ บอกให้เขารีบกลับบ้านไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัว เขาไม่ได้สนใจไยดี ปล่อยให้โทรศัพท์มือถือสั่นระรัวบนโต๊ะไม่ขาดสาย
เดี๋ยวอีกสักพักเขาคงจะได้รู้ข่าวการจากไปของฮั่วหมิงเยว่ กงฉือคิดในใจ
รายการข่าวในโทรทัศน์กำลังถ่ายทอดข่าวการจับกุมตัวไช่ซือชิง ไช่ซือชิงบนจอหน้าตาหมองโทรม ไม่เหลือเค้าโอเมก้าผู้เป็นขวัญใจหนุ่มสาวทั้งมหาวิทยาลัยแม้แต่น้อย
กงฉือมองดูเพียงผ่านๆ ก่อนจะปิดโทรทัศน์ ถึงแม้ไช่ซือชิงต้องชดใช้กรรมไปตลอดชีวิต ทว่าฮั่วหมิงเยว่กลับไม่อาจฟื้นคืนมาได้อีกแล้ว
จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างออก กงฉือขมวดคิ้วถาม “ในโลกถัดไปผมจะสูญเสียความทรงจำอีกไหม?”
(ท่านรื้อฟื้นความจำในโลกนี้ก็ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎแล้ว โปรดอย่าสร้างความเดือดร้อนให้พวกเราเลย)
กงฉือพยักหน้า “ก็ได้”
ตอนที่ 151 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 39)
กลิ่นยาปฏิชีวนะฉุนคลุ้งเตะจมูกของตันหวาย ทำให้เขารู้สึกวิงเวียน เกิดอาการอยากจะยันฝาผนังขย้อนอาเจียนออกมา
“ผู้ป่วยห้อง 305 หน้าตาหล่อชะมัดเลย น่าเสียดายจริงเชียว”
“นั่นน่ะสิ ได้ยินว่าเรียนด้านศิลปะ แถมยังเป็นนักเรียนเด่นของมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วย”
“ไม่รู้เหมือนกันว่าจะฟื้นหรือเปล่า”
“ไม่แน่หรอก”
ผู้สนทนาเดินห่างออกไปไกลแล้ว ตันหวายเอามือยันผนังลุกขึ้นยืนอย่างสะโหลสะเหล สะบัดหัวไปมาจนรู้สึกตัวว่าอยู่ในโรงพยาบาล
305…
ตันหวายนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบพุ่งปราดไปยังห้อง 305 ทันที
โรงพยาบาลคนไม่พลุกพล่าน แต่ภายในโถงทางเดินยังมีญาติผู้ป่วยหลายคนเดินสวนกันไปมา และมีอีกหลายคนเดินตรงดิ่งเข้ามาหาตันหวาย ตันหวายสิ้นเปลืองแรงอย่างมากเพื่อหลบหลีกพวกเขา
ตันหวายหลบหลีกคนอีกหลายคน ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ขมวดคิ้วถามระบบว่า “พวกเขามองไม่เห็นผม?”
(ก็แหงอยู่แล้วสิ หากพวกเขามองเห็นท่านคงได้ขวัญกระเจิงกันพอดี)
“ไอ้…!!!” ตันหวายเกือบหลุดปากสบถคำหยาบ เขากล้ำกลืนฝืนทนหันกลับมาดูอีกที คนอื่นกลับยังมองไม่เห็นเขาเช่นเคย
ถึงแม้จะไม่สบอารมณ์ แต่ตันหวายก็อับจนหนทาง จำต้องปล่อยเลยตามเลย หลบหลีกคนพวกนั้นอย่างระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม มุ่งหน้าเข้าใกล้ห้อง 305 ทีละเล็กทีละน้อย
ห้องพักผู้ป่วยหมายเลข 305 เป็นห้องเตียงเดี่ยวพิเศษ ครอบครัวของตันหวายไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง จึงเอาความสะดวกสบายเข้าว่าไว้ก่อนเป็นธรรมดา
ตันหวายมองเห็นตนเองที่นอนอยู่บนเตียงในห้องผู้ป่วย ซีดเซียว อ่อนแอ ไร้ชีวิตชีวา นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเหมือนกับศพร่างหนึ่ง
ตันหวายนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนหัวเราะเยาะกับตนเองว่า “คุณพูดไว้ไม่ผิดเลย สภาพผมไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว”
ระบบกล่าวปลอบโยน (ท่านเจ้าของร่างอย่าเพิ่งท้อใจ ท่านยังเหลืออีกเพียงโลกเดียว หลังจากโลกนี้จบสิ้นท่านก็จะสามารถกลับมาได้)
(อันที่จริงสรรพชีวิตส่วนใหญ่ล้วนเข้าสู่ระบบของเรา ภารกิจก็ยากเย็นแสนเข็ญ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ภารกิจของท่านถึงสำเร็จเสร็จสิ้นอย่างราบรื่นเช่นนี้ เป้าหมายยึดครองยังมีเพียงคนเดียวอีกด้วย)
ตันหวายไม่รู้สึกว่าถูกปลอบแต่อย่างใด เขามีนิสัยละเอียดรอบคอบ ยิ่งใกล้ถึงช่วงเวลาสำคัญมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งวิตกกังวลมากเท่านั้น
พยาบาลพิเศษที่ว่าจ้างมาเฝ้าไข้งีบหลับอยู่ด้านข้าง ตันหวายมองอยู่สักครู่ก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงถามระบบว่า “ไป๋เยว่อยู่ที่ไหน ผมอยากจะไปเยี่ยมเขา”
พอสิ้นเสียงกล่าว ประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกผลักเปิดออก
“มาเยี่ยมเสี่ยวหวายประจำเลยนะจ๊ะ เกรงใจเธอจริงๆ”
ตันหวายฟังออกว่านี่คือเสียงแม่ของเขา
“คุณป้าครับ เขาเป็นแบบนี้เพราะช่วยชีวิตผมไว้ ผมรู้สึกผิดกับเขา”
ตันหวายพลันตะลึงค้าง เขาจำเสียงนี้ได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่กล้าปักใจเชื่อก็เท่านั้น
หันหลังกลับอย่างแข็งทื่อ ตันหวายมองเห็นคนสองคนเดินเข้ามา คนที่หิ้วปิ่นโตในมือคือแม่ของเขา ส่วนคนที่ประคองถือดอกไม้สดช่อใหญ่ก็คือไป๋เยว่
ไป๋เยว่ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ชุดสูทเรียบหรูตลอดทั้งตัวเผยให้เห็นบุคลิกอันสง่างามโดดเด่น ก่อนวางดอกไม้ลงในแจกันบนโต๊ะด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ หลังจากจัดช่อจนพองามแล้วจึงค่อยหยิบผ้าขนหนูบนโต๊ะมาเช็ดหน้าให้ตันหวาย
พยาบาลพิเศษด้านข้างรู้สึกละอายใจ “ดิฉันทำเองดีกว่าค่ะคุณไป๋เยว่”
“ไม่เป็นไรครับ” ไป๋เยว่โบกมือปฏิเสธ ดำเนินสิ่งที่กระทำอยู่ต่อไปโดยไม่แสดงท่าทีรำคาญแม้แต่น้อย
ตันหวายตัวแข็งทื่อ สมองสับสนฟุ้งซ่านไปหมด เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ หากเขาปกป้องไป๋เยว่ได้สำเร็จ แล้วทำไมไป๋เยว่ถึงปรากฏตัวอยู่ในโลกพวกนั้นด้วยล่ะ?
หรือว่าคนพวกนั้นจะไม่ใช่ไป๋เยว่มาตั้งแต่แรก ไม่สิ เป็นไปไม่ได้ นั่นต้องเป็นไป๋เยว่อย่างแน่นอน ตันหวายใกล้สติแตกเต็มที เขามองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
ภาพฉากนี้ทำให้เขารู้สึกไร้ความหมาย ส่วนเหตุใดถึงรู้สึกไร้ความหมายเขาเองก็ไม่รับรู้ บางทีอาจเป็นเพราะเกิดความกังขาในตัวตนของระบบ บางทีนี่อาจเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่งหลังความตายของเขา แต่ทว่าบัดนี้ตื่นจากฝันแล้ว