ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi - ตอนที่ 178 ความเป็นจริง / ตอนที่ 179 ดูหนังต้องพกบัตรประชาชน
- Home
- ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi
- ตอนที่ 178 ความเป็นจริง / ตอนที่ 179 ดูหนังต้องพกบัตรประชาชน
ตอนที่ 178 ความเป็นจริง
ไอร้อนระอุลอยกรุ่นจากถ้วยน้ำชาบนโต๊ะรับแขก ตันหวายวางมือทั้งสองข้างไว้บนตักอย่างทำตัวไม่ถูก
“ไม่ต้องเกร็งนะ” คุณแม่ของซือเซี่ยกล่าวอย่างอ่อนโยน เหลือบมองตันหวายครู่หนึ่งแล้วยิ้มกับตนเอง “เซี่ยเซี่ยเสียไปสามปีแล้ว ทุกปีมักจะมีคนไม่รู้จักมาเยี่ยมฉันเสมอ ปีแรกเป็นสาวน้อยตัวเล็กๆ ปีที่สองเป็นนักธุรกิจอายุสี่สิบกว่า ปีที่สามก็คือคุณ”
ตันหวายคลี่ยิ้ม ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี
“ที่จริงไม่ต้องบอกอะไรก็ได้” เธอยิ้มกล่าว “ตอนนี้เซี่ยเซี่ยคงจะมีชีวิตสุขสบายอยู่ที่ไหนสักแห่ง คุณว่าอย่างนั้นไหม?”
ตันหวายตะลึงงัน อ้าปากค้างอยากจะตอบว่าใช่ แต่ทำอย่างไรก็พูดไม่ออก
“คุณไม่จำเป็นต้องตอบฉันหรอก” เธอแย้มยิ้มอบอุ่นดั่งแสงแดดในฤดูหนาว
เธอเชื่อมั่นมาตลอดว่าลูกชายของตัวเองยังอยู่สินะ ตันหวายคิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง
เมื่อเดินพ้นจากคฤหาสน์หลังเล็กมาแล้ว ตันหวายก็มองเห็นคนคุ้นเคยแถวหน้าประตูหมู่บ้าน
คนคุ้นเคยสวมชุดออกกำลังกายสีขาว ยืนพิงอยู่ใต้เสาไฟ มือขวาคีบมวนบุหรี่ที่ยังสูบไม่เสร็จ เหมือนพวกเด็กเกเรที่ชอบอวดเก่งอย่างไรอย่างนั้น
ตันหวายผุดยิ้ม รีบสาวเท้าเดินเข้าไปตบบ่าเรียกไป๋เยว่ กะพริบตาปริบมองเขาพลางเอ่ยทัก “พี่ชาย เก๊กหล่อดักสาวเหรอครับ?”
ไป๋เยว่เบี่ยงตัวหันมา พอเห็นว่าเป็นตันหวายก็พลันยิ้มออก ทิ้งบุหรี่ลงถังขยะด้านข้างก่อนจะพยักหน้า “กำลังดักรออยู่เลย”
“ดักใครกันเหรอ?”
“ก็คุณน่ะสิ!”
คำพูดตรงไปตรงมากลับทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง ตันหวายหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจนัก
ไป๋เยว่เลิกคิ้ว หันไปพูดกับถนนที่ไร้ซึ่งผู้คนเบื้องหน้า “เดินเล่นหน่อยไหม?”
ตันหวายสีหน้าแปลกไปเล็กน้อย แสร้งมองไป๋เยว่ด้วยสายตาตื่นตระหนกตกใจ
“คุณดักปล้นหรือดักฉุดกันแน่เนี่ย?”
ไป๋เยว่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรสักคำ
ไป๋เยว่เล่าให้ฟังทีหลังว่าครอบครัวเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ ตอนที่กลับมาเอาของบังเอิญเห็นตันหวายเข้าไปเยี่ยมเพื่อนบ้านพอดี จึงถือโอกาสรอทักทายอยู่ข้างนอก
ตันหวายถึงกับหมดคำพูด บอกว่าขนาดคุณไม่รู้กระทั่งผมเข้าไปทำอะไรออกมาเมื่อไหร่แล้วยังอุตส่าห์รอข้างนอก ถ้าเกิดผมไม่ออกมาคุณจะยืนรอทั้งคืนเลยหรือไง
ไป๋เยว่พลันหัวเราะลั่น บอกว่าคุณก็ออกมาแล้วไม่ใช่หรือ อีกอย่างเขาไม่ทันคิดไปไกลถึงขั้นนั้นจริงๆ
ม่านบังตาที่คั่นกลางระหว่างพวกเขากระชากเปิดได้ง่ายดาย แต่กลับไม่มีใครยอมเปิดมัน ตันหวายไม่กล้าแตะต้องเพราะเขาหวาดกลัว ส่วนไป๋เยว่นั้นไม่อาจล่วงรู้ได้
เมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างตันหวายกับไป๋เยว่คือฝ่ายหนึ่งเป็นคนแอบรัก อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนถูกรัก สองคำนี้แตกต่างกันเพียงตัวอักษร แต่ผลตอบแทนกลับแตกต่างราวฟ้ากับเหว
ตอนนี้พวกเขาหลุดพ้นจากการเป็นคนแอบรักและคนถูกรักไปสู่ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น นั่นคือฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิต อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ถูกช่วยชีวิต
แต่ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหน ก็ล้วนไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน ตันหวายอยากเป็นเพื่อนกับไป๋เยว่ และหากยังพอมีโอกาส เขาก็หวังว่าสักวันจะได้เปลี่ยนสถานะเป็นคนรัก
รสนิยมของไป๋เยว่ในตอนนี้ตันหวายไม่เป็นกังวล เพราะตอนอยู่ในระบบก็แทบจะงอเป็นขดยากันยุงแล้ว
สุดท้ายวันนั้นพวกเขาไปทานข้าวด้วยกันในร้านอาหารตะวันตกธรรมดาแห่งหนึ่ง ตันหวายหั่นฟัวกราส์ไปพลางกล่าวไปพลางว่า “นักศึกษาจนๆ อย่างพวกเรา น่าจะกินเบียร์แกล้มเนื้อย่างก็พอนะครับ”
ไป๋เยว่ขมวดคิ้วทันใด กล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับได้ยินเรื่องเหลวไหลไร้สาระ “เนื้อย่างไม่ดีต่อสุขภาพ”
ตันหวายขำพรืด แทบจะพ่นไวน์แดงที่ไม่ถูกปากเขาสักนิดออกมาเดี๋ยวนั้น
เขากล่าว “รุ่นพี่ไป๋ คุณโตกว่าผมแค่สามปีนะ ไม่ใช่สิบสามหรือสามสิบปีเสียหน่อย”
ไป๋เยว่สวนกลับทันควันว่า หากป็นไปได้ ตันหวายจะเรียกเขาว่าพ่อเขาก็ไม่ถือสา
ในที่สุดบทสนทนานี้ก็จบลงที่ตันหวายถลึงตาอย่างเจ็บแค้นใจ
~
ย่างเข้าเดือนเก้า ฝนฤดูใบไม้ร่วงมาเยือนอย่างกะทันหัน ตันหวายนั่งอยู่บนโซฟา มองดูกระเป๋าตัวเองที่จัดเสร็จแล้วพลางถอนหายใจ
นิ้วมือรัวกดแป้นพิมพ์บนมือถือ ตันหวายคอลหาแม่ที่ตอนนี้กำลังเพลิดเพลินกับการอาบแดดบนชายหาด
“ฮัลโหล ฝนตกเลยไปมหาลัยไม่ได้?”
ตันหวายพยักหน้าหงึกหงัก ในบ้านตัวเองเปรียบเหมือนกับหัวผักกาดน้อยบนดินที่ไม่มีใครสนใจไยดี
“อ้าว แล้วพ่อแกล่ะ?”
ตันหวายกะพริบตาปริบ ตอบอย่างใสซื่อว่า “เขาออกไปค้นหาตัวเองแล้ว”
“จะค้นหาตัวใครก็ช่างหัวมันสิ”
ต่อจากนั้น ตันหวายก็ฟังแม่ตัวเองตัดพ้อต่อว่าพ่อตัวเองเป็นเวลาสองชั่วโมงเต็ม พร้อมกับได้รับคำพูดแทงใจประโยคหนึ่งว่า ‘ใครใช้ให้แกอยู่ตัวคนเดียวจนไม่มีผู้ชายเอากันล่ะ’
ตันหวายมองโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกตัดสายไปแล้วได้ข้อสรุปอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเขาไม่น่าโทรไปหาตั้งแต่แรกเลย
ตันหวายเปิดตัวให้ครอบครัวรับรู้มานานแล้ว สมัยเรียนอยู่มัธยมปีที่สาม ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่นคึกคะนอง ดาวน์โหลดหนังเกย์ติดเรทหลายเรื่องลงคอมพิวเตอร์ของพ่อ สุดท้ายถูกจับได้จนโดนไม้เรียวหวดไปยกใหญ่ แล้วเรื่องนี้ก็กลายเป็นอดีตไป
ก่อนที่เขาจะเข้ามหาวิทยาลัย พ่อแม่ของเขามักฝันร้ายว่าถูกคนประณามหยามเหยียดที่มีลูกชายเบี่ยงเบนทางเพศนับครั้งไม่ถ้วน แน่นอนว่าฝันร้ายไม่เคยเป็นจริง เพราะจนกระทั่งบัดนี้เขายังไม่มีแฟนเลยสักคน
ตันหวายเหลือบดูนาฬิกา ก่อนจะเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งหน้ามหาวิทยาลัย พอบอกทางกับคนขับเรียบร้อยแล้ว ไป๋เยว่จึงค่อยโทรมาบอกว่าจะไปส่งเขา
แน่นอนว่าความคิดแรกของตันหวายก็คือ เขารู้สึกผิดกับคุณลุงคนขับรถ
โชคดีที่คุณลุงคนขับรถยังไม่ทันออกตัว ตันหวายเลยรีบกดยกเลิกจองรถและเสียค่าบริการห้าหยวน พลางขอโทษขอโพยคนขับรถแท็กซี่ยกใหญ่
ตอนที่ 179 ดูหนังต้องพกบัตรประชาชน
รถของไป๋เยว่นั่งสบายมากทีเดียว แต่สาเหตุหลักของความสะดวกสบายน่าจะเป็นเพราะรถราคาแพงหูฉี่
กลิ่นหอมเย้ายวนอบอวลไปทั่วทั้งรถ ตันหวายถามว่ากลิ่นอะไร ไป๋เยว่จึงตอบหน้าตายว่ากินหม้อไฟหมาล่ามาเมื่อวาน
ตันหวายคิดว่ามีคนประเภทหนึ่งที่ภายนอกดูเคร่งขรึม แต่ความจริงแล้วพูดจาไม่เข้าเรื่อง
มหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้รถภายนอกเข้าอาคารเรียน ไป๋เยว่หยิบร่มสองคันจากเบาะหลังรถ แล้วจูงมือตันหวายเดินเข้าไปข้างในโดยไม่ยอมให้คัดค้าน
เดินไปได้สองก้าว ไป๋เยว่ก็หยุดชะงัก พลางเหม่อมองไปทางหัวมุมถนนฝั่งตรงข้าม ตันหวายชะโงกหัวออกมาจากด้านหลัง ก่อนจะคลี่ยิ้ม
สาวน้อยตรงหน้ารูปร่างหน้าตาสะสวย สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวตลอดทั้งตัว ในมือถือถุงพลาสติกใบใหญ่ ยืนโซเซจะล้มมิล้มแหล่อยู่ท่ามกลางลมฝน แลดูน่าสงสารยิ่งนัก
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนรู้จักกัน ตันหวายหน้าตายิ้มแย้ม แต่ภายในใจกลับรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าก่อนเกิดอุบัติเหตุรถชนกับพวกเขาครั้งนั้น ไป๋เยว่มารอหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อรับเธอหรือเปล่า
“ฝนตกแล้วยังจะออกมาวิ่งพล่าน” ไป๋เยว่ย่นคิ้ว น้ำเสียงตำหนิเปี่ยมไปด้วยความคุ้นเคย
ตันหวายเอามือลูบจมูกแก้เก้อ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกว้างขวางคอชิ้นโต
“ยังไม่รีบกลับหออีก?” ไป๋เยว่ขมวดคิ้วมุ่น “เช้าขนาดนี้จะเข้ามาในมอ’ทำไมก็ไม่รู้”
เด็กสาวแลบลิ้นปลิ้นตา กล่าวเสียงใสว่า “รู้แล้วน่าพี่”
ตันหวายหมดอาลัยตายอยาก คิดในใจว่าคุณดูพวกเขาสนิทสนมกันสิ ช่างอบอุ่นเสียเหลือเกิน แถมยังเรียกไป๋เยว่ว่าพี่…เดี๋ยวก่อนนะ พี่เหรอ?
เด็กสาวเดินผ่านพวกเขาไปแล้ว ก่อนจากไปยังหันมามองสำรวจตันหวายอย่างสงสัยใคร่รู้ ทำเอาตันหวายยืนตัวเกร็ง กลัวว่าแม่สาวน้อยจะไม่พอใจอะไรตน
“ไปกันเถอะ” ไป๋เยว่รวบข้อมือของตันหวายมาจับไว้ พาเขาเดินเคียงข้างไปพร้อมกับตนเอง
ตันหวายหน้าแดงซ่าน แอบชำเลืองมองไป๋เยว่อย่างระมัดระวัง สุดท้ายก็แกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยอมให้ไป๋เยว่พาตัวเองไปส่งใต้ตึกหอพัก
ไอ้พวกบื้อทั้งหลายยังอยู่หอกันพร้อมหน้าเหมือนเดิม เพียงแต่ผ่านไปหนึ่งปี ตันหวายเพิ่งจะขึ้นปีสอง ส่วนเจ้าพวกนั้นขึ้นปีสี่ไปหมดแล้ว
ตอนเปิดประตูเข้ามาตันหวายไม่ทันตั้งตัว ได้ยินแต่เสียงลูกโป่งระเบิดดังปุ้งปั้งข้างในห้อง รูมเมทบอกว่าถ้าเขายังไม่ยอมกลับมาอีกพวกเขาจะเผากระดาษไปให้อยู่แล้ว
“สุดยอดครับพี่หวาย” รูมเมทคนหนึ่งจับบ่าตันหวายไว้แน่น “เดี๋ยวนี้รู้จักเสียสละเพื่อคนอื่นแล้ว เสียสละจนตัวเองนอนง่อยเป็นผักเลย โชคดีนะว่าบ้านนายรวย”
ตันหวายยกมือลูบจมูกเป็นเชิงว่าไม่อยากพูดมากนัก ภายในหอวุ่นวายอยู่พักหนึ่งก่อนจะเงียบลงไป
อาจเป็นเพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากระหว่างอยู่ในระบบ ตันหวายจึงมักรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาไม่ได้คิดไปเองแต่อย่างใด เพราะนอกจากเขาแล้ว เหล่าเพื่อนร่วมห้องก็พบว่าตันหวายเปลี่ยนไปเช่นกัน
นอนเร็วตื่นเช้าเป็นกิจวัตรไม่พอ แม้แต่นิสัยติดเล่นเกมก็ลดน้อยลงไปมาก เวลารูมเมทนัดกันออกไปเที่ยวกลางคืน ตันหวายมักจะเป็นคนแรกที่ปฏิเสธเสมอ
อุปนิสัยแบบนี้ไม่น่ามีอยู่ในตัวนักศึกษาวัยยี่สิบเอ็ดปี เปรียบเทียบกับเมื่อก่อน ตันหวายดูจะแก่หง่อมลงไปมากจริงๆ
แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ตันหวายคิด มีไม่กี่คนที่สามารถประคับประคองชีวิตวัยรุ่นให้อยู่ยืนยาว โดยเฉพาะคนที่รอดตายมาอย่างหวุดหวิดเช่นเขา
วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างสงบสุข ทว่าหัวใจของตันหวายกลับอยู่ไม่เป็นสุข เขาวางแผนที่จะออกตามหาผู้รอดชีวิตจากระบบคนอื่นๆ
นอกจากเจ้าของร่างสองคนก่อนของซือเซี่ย ตันหวายก็ไม่พบเจอใครคนอื่นอีก ส่วนเจ้าของร่างทั้งสองเองก็ไม่อยากเอ่ยถึงมันสักเท่าไหร่ สุดท้ายจึงเหลือเพียงเขาที่ยืนหยัดต่อสู้ด้วยตัวคนเดียว
ภายหลังมีคนคนหนึ่งเล่าถึงระบบโดยเขียนเป็นนิยายลงในเว็บเทียปา[1] ตันหวายอ่านจบแล้วก็รีบติดต่อไปหานักเขียนคนนั้นทันที
คนคนนั้นบอกตันหวายว่า คนที่เคยเข้าสู่ระบบแล้วอยู่รอดปลอดภัยกลับมาในโลกความเป็นจริงนั้นมีไม่มากนัก
“ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสฟื้นคืนชีพ และไม่ใช่ทุกคนที่ผ่านบททดสอบของระบบ”
ตันหวายราวกับครุ่นคิดบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ดึงดันรบเร้า หากวันใดโชคชะตานำพา ไม่แน่ว่าอาจจะได้พบเจอคนที่เหลือ
หลังจากการสืบสวนเล็กๆ น้อยๆ สิ้นสุดลง ตันหวายก็ได้รับคำเชิญไปออกเดตจากไป๋เยว่ พวกเขาสองคนทานข้าวด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง นอกจากครั้งแรกที่ไป๋เยว่บอกว่าอยากจีบตน ครั้งหลังๆ ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรอีก
“ทานข้าว?” ตันหวายทำปากยื่น เตะก้อนหินที่เท้ากระเด็นไปไกลพลางเอ่ยถามอย่างมีความหวัง “ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากชวนผมไปทานข้าวล่ะ?”
ไป๋เยว่ที่อยู่ปลายสายกล่าวอย่างประหลาดใจ “ก็ผมจีบคุณอยู่นี่นา? ต้องชวนคุณทานข้าวอยู่แล้วสิ!”
พอไป๋เยว่พูดจบทั้งสองคนต่างก็นิ่งเงียบไป ตันหวายพลันรู้สึกว่าคุณไป๋เยว่ก็น่ารักไม่หยอก อ้อ ที่แท้ตลอดหลายเดือนมานี้เขาจีบเราอยู่นี่เอง ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ดูไม่ออกเลยนะครับเนี่ย
ไป๋เยว่อึกอักเล็กน้อย กล่าวเสียงงึมงำว่า “ผมไม่เคยจีบใครมาก่อน ก็เลย…งั้นผมขอเลี้ยงหนังคุณแทนแล้วกัน”
ตันหวายหูตาแพรวพราว จงใจถามว่า “หนังรอบดึกเหรอ?”
“ถ้าคุณอยากดู ผมไม่ติดอะไร”
“ก็ได้ คุณอย่าลืมพกบัตรประชาชนมาด้วยนะ”
ไป๋เยว่ที่อยู่ปลายสายตกตะลึง “เดี๋ยวนี้ยังต้องพกบัตรประชาชนซื้อตั๋วหนังอีกเหรอ?”
ตันหวายขำพรืดออกมาทันใด เขานึกภาพคุณไป๋ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสับสนว่าเพราะอะไรถึงต้องพกบัตรประชาชนไปดูหนังออกเลยทีเดียว
สุดท้ายวันนั้นพวกเขาไม่ได้ไปดูหนังเพราะฝนตกระหน่ำอีกรอบ ตันหวายคิดว่าเขาคงล่วงเกินเซียวจิ้งเถิง[2]เข้าให้แล้วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมฝนต้องตกทันทีที่ก้าวขาออกจากประตู
วันนั้นตันหวายแวะไปที่บ้านของไป๋เยว่ หลังอาบน้ำอุ่นชำระร่างกายเสร็จแล้ว จึงค่อยถามคำถามหนึ่งที่เขาค้างคาใจมาเนิ่นนาน
——
[1] ไป่ตู้เทียปา (百度贴吧) คือเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมของประเทศจีน
[2] เซียวจิ้งเถิง คือนักร้องชื่อดังชาวไต้หวันเจ้าของฉายา ‘เทพเจ้าแห่งฝน’