ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi - ตอนที่ 38 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (7) / ตอนที่ 39 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (8)
- Home
- ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi
- ตอนที่ 38 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (7) / ตอนที่ 39 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (8)
ตอนที่ 38 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (7)
กลิ่นคาวเลือดคลุ้งตลบไปทั่วห้องลับ เงาร่างในความมืดมิดดุจดั่งภูตผีปีศาจ กระตุ้นประสาทของทุกคนภายในห้องลับ
เจียงหลีกำพู่กันในมือของตนเอาไว้แน่น พยายามย่างฝีเท้าของต้นอย่างแผ่วเบาที่สุด เสียงกรีดร้องดังระงมมาจากสี่ด้านแปดทิศ กระตุ้นประสาทอันเปราะบางของเจียงหลีอย่างต่อเนื่อง
อยู่ที่นี่ เขาราวกับกลายเป็นคนธรรมดาเพียงคนเดียว สิ่งมีชีวิตอื่นใดที่เขาพานพบเจอ ไม่ว่าคนหรือสัตว์ตัวเล็กจ้อยอ่อนแอ ล้วนอาจฉวยโอกาสจู่โจมเขาจนถึงแก่ความตาย
ตึกๆๆ เสียงฝีเท้าที่ไม่รู้ว่าอยู่ทางทิศไหนดังมาจากข้างหลัง เจียงหลีขนลุกขนพอง
คัท!
เริ่นตงหลิวขมวดคิ้วขัดจังหวะการถ่ายทำฉาก
ตันหวายที่รับบทเป็นเจียงหลีหัวใจพลันจุกขึ้นมาอยู่ที่คอหอยทันทีทันใด เวลาสองชั่วโมง เขาถูกสั่งคัทไปแล้วห้าครั้ง ทีมงานรอบข้างพลอยเดือดร้อนเพราะเขาจนแทบคลั่งกันหมดแล้ว
“สีหน้าไม่ได้” เริ่นตงหลิวชี้มายังตันหวาย “คุณมากับผมหน่อย คนอื่นไปพักได้”
สุยยางที่ร่วมแสดงในฉากเดียวกันมองตันหวายถูกเรียกตัวไป สายตาที่ทอดมองเขาฉายแววห่วงใย
ความห่วงใยนี้ถูกเริ่นตงหลิวจับสังเกตได้ เขายิ้มเย็นยะเยือกให้สุยยาง “ทำไม คุณอยากมาด้วย?”
สุยยางก้มหน้างุดไม่พูดจา
เริ่นตงหลิวแค่นเสียงหัวเราะ เดินนำตันหวายเข้าไปในห้องพักด้านข้าง
ตันหวายกลืนน้ำลายอึก ทำหน้าอมทุกข์รอโดนสวด เขารู้สึกจุกในอกนิดหน่อย ผู้ชายคนนี้เมื่อตอนเช้าเพิ่งจะยื่นบัตรคนดีให้เขา พอตกบ่ายก็ดุด่าเขาอยู่ตั้งสองชั่วโมง
ขายหน้าก็ขายหน้า แต่เขากลับไม่ทุกข์ร้อนสักเท่าไหร่ วันนี้ได้เจอกับคนคนนี้ นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดของเขาแล้ว
เริ่นตงหลิวหน้าตาไม่เหมือนกับจวินเฉิงเลยแม้แต่นิดเดียว จวินเฉิงเปรียบเสมือนดั่งต้นไผ่ ผนวกกับใบหน้าอันเยือกเย็นสูงส่งของเขาแล้ว ช่างทำให้รู้สึกว่าไม่อาจแตะต้องได้ ส่วนเริ่งตงหลิว เขาก็เป็นต้นไผ่เหมือนกัน ทว่าไม่ใช่ต้นไผ่ที่เลี้ยงไว้ในลานบ้าน กลับคล้ายว่าเติบโตอยู่ที่ริมหน้าผามากกว่า รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา
แต่ไม่ว่าอย่างไร ตันหวายยังคงจดจำได้ เขาก็คือจวินเฉิง ยิ่งไปกว่านั้น เขาถึงขนาดกล้าพนันเลยว่าเขาก็คือไป๋เยว่! จวินเฉิงคือไป๋เยว่ เริ่นตงหลิวคือไป๋เยว่ ส่วนคำชี้แจงจากระบบ เขาจะถือว่ามันพูดซี้ซั้วชั่วคราว
ตั้งแต่เข้าห้องพักมา ตันหวายก็เตรียมใจแล้วว่าตนคงจะโดนเริ่นตงหลิวด่าสาดเสียเทเสียอีกยกใหญ่
แต่ว่าเริ่นตงหลิวไม่ทำ เขาไม่ได้ดุด่าเขา เพียงแค่จุดบุหรี่ให้ตัวเอง พ่นพวยควันออกมาจางๆ
“คุณรู้ไหม ตลอดบ่ายนี้คุณทำผมเสียม้วนฟิล์มไปตั้งเท่าไหร่?” เริ่นตงหลิวเอ่ยถาม
ตันหวายตะลึงงัน ขบกรามพลางเงยหน้าถาม “ห้าร้อยพอไหม?” ว่าพลางล้วงเอาเงินสดที่มีอยู่เพียงห้าร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าของตน
เริ่นตงหลิวสายตาจับจ้องไปที่เงินห้าร้อยหยวนของตันหวายแล้วหัวเราะ หัวเราะจนตันหวายขนลุกเกรียวกราวไปทั้งตัว
ตันหวายชักเริ่มสงสัยว่าเริ่นตงหลิวอาจจะโกรธตนจนหัวเราะ แต่เขาไม่เข้าใจว่าตนเอาเงินชดใช้ค่าม้วนฟิล์มให้เขาแล้ว ทำไมเขาถึงยังโกรธอยู่อีก?
ถึงแม้เขาจะเปลี่ยนบทบาทจากซีหนานอ๋องมาเป็นผู้กำกับกะทันหัน ความเป็นต้นฉบับลดลงมาบ้างเล็กน้อย แต่จะขี้เหนียวขนาดนี้ไม่ได้นะ
แต่ช่างมันเถอะ สุดท้ายแล้วก็เป็นภรรยาของตนอยู่ดี ตันหวายปลอบใจตัวเอง
เริ่นตงหลิวจ้องมองตันหวายมองตนด้วยสายตาหวาดกลัวจนกระทั่งจนใจจนกระทั่งหลงใหลทั้งอย่างนั้น เขาเลยนิ่งเงียบไป
ประวัติของเยี่ยชิวเขาตรวจสอบจนรู้ชัดเจนทุกเรื่องแต่แรกแล้ว ดังนั้นเรื่องเขาเป็นเกย์ตนก็รับรู้เช่นกัน ว่าแต่เขาใช้สายตาแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร!
อารมณ์โกรธของเริ่นตงหลิวลดลงไปแล้ว เขาตบบ่าของตันหวาย ในที่สุดก็ถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า “สุยยางไม่ใช่คนที่ควรค่าจะฝากฝังอะไร คุณจะได้พบคนที่เหมาะสมกับตัวเอง จะอย่างไรคุณก็ห้าม…” ตกหลุมรักผมเด็ดขาด
เริ่นตงหลิวไม่ได้กล่าวออกไป แต่สายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความนัยว่าคุณต้องเข้มแข็ง
ไม่ใช่นะเมียจ๋า ผมกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น เมียจ๋าคุณฟังผมอธิบายก่อนนะจ๊ะ ตันหวายร้องตะโกนโดยไร้เสียง อยากจะตีอกชกหัวแทบตาย ไอ้ระบบสวะเอ๊ย ทำรักแรกของฉันพังพินาศหมด
เริ่นตงหลิวไม่อยากเสียเวลาปลอบใจคนมากเกินไป จึงเอาก้นบุหรี่โยนลงที่เขี่ยบุหรี่ เริ่นตงหลิวถามตันหวาย “เคยเจอเรื่องน่ากลัวอะไรบ้างไหม?”
ตอนที่ 39 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (8)
เรื่องน่ากลัวจะว่าไปแล้วก็มีไม่น้อยเลยจริงๆ ตันหวายครุ่นคิดสักครู่ รู้สึกว่าตนน่าจะยกตัวอย่างมาได้สักกระบุง
ตอนอายุสามขวบ เขาตกใจกลัวหมียักษ์ร้องเพลงได้ที่พ่อเขาเอากลับมาบ้านจนกลิ้งมุดเข้าไปใต้เตียง ตอนอายุสิบขวบ เขาถูกลูกพุดเดิ้ลตัวหนึ่งในซอยวิ่งไล่กวดไปหลายพันเมตร ตอนอายุสิบห้า ทุกครั้งที่ทำการบ้านไม่เสร็จ เขากลัวไม้เรียวของครูประจำชั้นเป็นที่สุด ต่อมาภายหลัง เรื่องที่เขากลัวที่สุดคือกลัวไป๋เยว่จะไม่ชอบตัวเอง
ส่วนตอนนี้ ตันหวายจ้องมองเริ่นตงหลิว ตอนนี้กลัวว่าเขาจะหายไปอีกครั้ง
ฉะนั้นตอนที่เริ่นตงหลิวถามเขาว่ามีเรื่องที่กลัวบ้างหรือไม่ ตันหวายจึงพยักหน้าตอบว่ามีทันที
“มีเรื่องที่กลัวก็จัดการง่ายล่ะ” เริ่นตงหลิวพึงพอใจ “นักแสดงที่ดี จะต้องยึดถือตัวละครเป็นชีวิตของตัวเองในขณะที่ทำการแสดง”
เริ่นตงหลิวผุดลุกขึ้นนั่งบนโซฟาพลางเชิดคางใส่ตันหวาย “เจอเรื่องที่หวาดกลัวแล้ว คุณถึงจะสามารถแสดงฉากนี้ได้ดี เจียงหลีเป็นนักศึกษาที่ไม่มีอาวุธติดมือ ขณะเผชิญหน้ากับความตายที่คุกคามเข้ามาในห้องลับ เขาต่อต้านได้ แต่ข่มความหวาดกลัวในใจเอาไว้ไม่ได้”
ตันหวายกะพริบตาปริบๆ ลูบคางครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก่อนผงกหัวให้กับเริ่นตงหลิว
เริ่นตงหลิวคลี่ยิ้ม เข้าใจก็ดีแล้ว เขาไม่อยากเสียเวลาตลอดทั้งบ่ายเพื่อฉากนี้ฉากเดียว
หลังจากนั้น…
เริ่นตงหลิวเขวี้ยงบทละครทิ้งไปทันที บทละครที่น่าสงสารร่วงตกลงสู่กองเลือดปลอมบนพื้น ตายศพไม่ครบส่วน
“เยี่ยชิวไอ้[ปี๊บ~]โคตรพ่องเหอะ เอ็งเห็นปีศาจคลั่งฆ่าคนหรือเจอคนรักเอ็งกันแน่วะ?” เริ่นตงหลิวโมโหจนสติขาดสะบั้น เหวี่ยงขาเตะใส่เก้าอี้จนเกิดเสียงโครมครามดังสนั่น
“เอ็งเห็นว่ามีคนจะฆ่าเอ็ง เอ็งควรจะแสดงยังไง? แล้วตอนนี้เอ็งแสดงเชี่ยไรอยู่วะเนี่ย กระเ**้ยนกระหือรืออยากให้เขาฆ่าเอ็งใจจะขาดงั้นสิ หา?”
อารมณ์ร้ายของเริ่นตงหลิวเป็นที่เลื่องลือไปทั้งวงการ เหล่าทีมงานที่ร่วมถ่ายทำกับเขาบ่อยครั้งรอบข้างล้วนเห็นกันจนชินตาแล้ว
ตันหวายเม้มริมฝีปาก อ้าปากอยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน ทั่วทั้งร่างแผ่รังสีแห่งความพ่ายแพ้สิ้นหวังอย่างเข้มข้น
สุยยางอ้าปากค้าง ไม่กล้าพูดแทนตันหวายจริงๆ ได้แต่แกล้งนิ่งเป็นใบ้อยู่ด้านข้าง
เห็นท่าทางหงอยเหงาเศร้าซึมของตันหวาย อารมณ์โกรธของเริ่นตงหลิวก็พลันจุกอยู่ที่อกทันใด กระทั่งขัดใจก็ไม่รู้ว่าต้องขัดใจอย่างไรแล้ว
ควานหาบุหรี่ในกระเป๋าของตนอย่างหงุดหงิด จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้กำลังถ่ายทำ สูบบุหรี่ไม่ได้ เริ่นตงหลิวหัวเสียยิ่งกว่าเดิม
“ถ่ายฉากต่อไปก่อน”
เริ่นตงหลิวออกคำสั่ง ผู้คนรอบข้างต่างก็ผ่อนลมหายใจ ถ่ายทำฉากเดียวปาเข้าไปเกือบสามชั่วโมงแล้วยังไม่กระเตื้อง อย่าว่าแต่ผู้กำกับเลย พวกเขาก็แทบจะเป็นบ้าไปตามกัน
ตันหวายกัดริมฝีปาก ถูกรุมเร้าด้วยความหดหู่ผิดหวังอย่างมหาศาล เขาเกิดมาจนโตป่านนี้ ยังไม่เคยสัมผัสการแสดงละครเลยสักนิดเดียว ถึงแม้จะติวเข้มมาตลอดหลายวัน แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เหลือบมองเริ่นตงหลิวที่จ้องจอมอนิเตอร์เขม็งอยู่ด้านหนึ่ง จู่ๆ ตันหวายก็รู้สึกกลัว กลัวเริ่นตงหลิวจะคิดว่าตนเป็นคนไร้ประโยชน์
สุยยางเดินเข้ามา พอเห็นตันหวายที่จิตตกก็รู้สึกไม่สบายใจ
สุยยาง “นาย…”
ตันหวายเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นสุยยางสีหน้าจิตตกก็หายวับไปกับตา
“ขอโทษทีนะ” ตันหวายยิ้ม พลางเว้นระยะห่างออกมาจากสุยยาง “ไม่ทำบัตรเครดิตเหมือนกัน”
เหอะๆ ไอ้ประเภทเข้าหาแฟนเก่าหลังจากเลิกกันขอให้ทำประกันทำบัตรเครดิตน่ะเขาเห็นมานักต่อนักแล้ว
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้มาขอให้นายทำประกันทำบัตรเครดิตสักหน่อย” สุยยางที่มักถูกขัดจังหวะเสมอชักจะมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว “ฉันแค่อยากจะถาม การแสดงของนาย ทำไมถึง…” ชะงักไปครู่หนึ่ง “เป็นเพราะบาดแผลที่ฉันทำไว้กับนาย นายถึง…”
ตันหวาย “…” นายเคยเห็นคนเขาถูกทำร้ายจนฝีมือการแสดงเขาแย่ลงด้วยหรือไง?
ฉีกยิ้มกว้างอย่างหน้าระรื่น ตันหวายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ถุย!”
“ไอ้พวกหงายไพ่เล่นกับความรู้สึกก่อนค่อยขายประกันทีหลังอย่างพวกนาย พ่อเห็นมาเยอะแล้วโว้ย”