ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi - ตอนที่ 76 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (45) / ตอนที่ 77 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (46)
- Home
- ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi
- ตอนที่ 76 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (45) / ตอนที่ 77 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (46)
ตอนที่ 76 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (45)
รางวัลอิ๋นเหนี่ยว[1]เป็นรางวัลภาพยนตร์อันทรงเกียรติสูงสุดในประเทศ อย่าว่าแต่ได้รับรางวัลเลย เพียงแค่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล เส้นทางอาชีพนักแสดงภายหลังจากนั้นก็ย่อมโรยด้วยกลีบกุหลาบ
จู่ๆ ได้รับรู้ข่าวนี้กะทันหัน ตันหวายเลยยังตั้งตัวไม่ค่อยจะทัน จ้องมองสายตาของหลิวหลิวที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ‘นายแกล้งฉันอยู่ใช่ไหมเนี่ย?’
หลิวหลิวแทบจะหลั่งน้ำตานองหน้า “นายคิดไม่ถึงเหมือนกันใช่หรือเปล่า ฉันก็คิดไม่ถึงเลยว่านายจะได้รับเสนอชื่อจริงๆ!”
หลิวหลิวคิดมาตลอดว่า เยี่ยชิวคือสิ่งที่พระเจ้าสรรค์สร้างประทานพร ยังไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่ควรจะเฉิดฉายบนจอภาพยนตร์ตั้งแต่เกิดของเขา เพียงแค่ทักษะการแสดงของเขาก็เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใดจึงฝีมือตกไปมากขนาดนั้น แต่ดีร้ายอย่างไรก็ฟื้นคืนสู่ศักยภาพสูงสุดแล้ว
ตันหวายสงบนิ่งอย่างยิ่ง เขาสาวเท้าเดินไปนั่งลงบนโซฟา ก่อนพยักเพยิดไปทางโซฟาฝั่งตรงข้ามเป็นเชิงให้เขานั่งลงค่อยพูดค่อยจา
“บอกให้ชัดหน่อย เสนอชื่อสาขาไหน?”
“นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไง จะเป็นอะไรได้อีกล่ะ!” ตอนนี้หลิวหลิวแทบอยากจะขอซูฮกความใจเย็นของตันหวาย นี่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงสาขานักแสดงนำชายของรางวัลอิ๋นเหนี่ยวเชียวนะ เขาจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว!
ภาพยนตร์ที่ทำให้ตันหวายได้รับเสนอชื่อคือ <เล่ห์ขุนพล> แม้ว่านักแสดงนำในเรื่องกับผู้กำกับจะกลายเป็นประเด็นถกเถียง ทว่าไม่ส่งผลกระทบกับความสำเร็จและคำชื่นชมของภาพยนตร์เรื่องนี้แต่อย่างใด รายละเอียดยิบย่อยเช่นเครื่องแต่งกายและระบอบปกครองที่พาย้อนกลับสู่ยุคต้าโจวอย่างสมจริงในภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถมองเห็นความเอาใจใส่ทุกฉากทุกตอน
“อย่าเพิ่งดีใจไปนัก” ตันหวายหัวเราะ พลางรินชาถ้วยหนึ่งให้หลิวหลิว “แค่ถูกเสนอชื่อเท่านั้นเอง ใช่ว่าจะได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเสียเมื่อไหร่”
ตันหวายรู้ดีแก่ใจ หลิวหลิวก็รู้ดีแก่ใจ ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่บนปากเหว ได้รับการเสนอชื่อย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งแล้ว ไม่มีกรรมการคนไนชอบนักแสดงที่ตกเป็นข่าวฉาวหรอก
รอยยิ้มของหลิวหลิวพลิกคว่ำลง กล่าวอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ “นายก็คิดในแง่ดีหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้!” ตันหวายเสี้ยมเขา
อันที่จริงตอนนี้เขาทั้งกังวลทั้งคาดหวังอยู่ในใจ หากบุญหล่นทับได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจริงๆ มิใช่ว่าเขาต้องพลัดพรากจากภรรยาของตนเดี๋ยวนั้นหรอกหรือ? แบบนี้มันโหดร้ายเกินไปแล้ว แต่พอคิดอีกแง่หนึ่ง ตันหวายก็รู้สึกว่าตนใกล้จะฟื้นคืนชีพเข้าไปอีกก้าว ถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน
หลังจากเรื่องที่ตันหวายได้รับการเสนอชื่อเป็นกระแสร้อนแรงบนเวยป๋อ ก็ยิ่งสร้างความนิยมให้กับตันหวายได้อีกไม่น้อย
เมื่อเริ่นตงหลิวรู้ข่าวก็ยินดีเป็นอย่างมาก ทั้งยังเลี้ยงข้าวพนักงานทั้งสตูดิโอไปมื้อใหญ่
ตันหวายมองเริ่นตงหลิวที่ดีใจจนออกนอกหน้าอย่างยากจะกล่าวอธิบาย เขานึกอยากเรียกสติเริ่นตงหลิวให้ตื่นยิ่งนัก บอกว่าเมียจ๋าถ้าได้เป็นราชาภาพยนตร์จริงๆ คงต้องขอเลิกกับคุณเดี๋ยวนี้แล้วล่ะ!
เริ่นตงหลิวไม่รับรู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย แถมยังยิ้มแยกเขี้ยวตาหยีเหมือนคนบ้าหน้าหมู่บ้านอย่างไรอย่างนั้น
ตันหวายอารมณ์เสียนิดหน่อย ตั้งใจว่าจะจัดการเริ่นตงหลิวให้หนำอกหนำใจบนเตียง แต่ผลลัพธ์แค่คิดดูก็รู้แล้ว เขาถูกจับกดอีกตามเคย
จันทร์เพ็ญแฝงเร้นในกลีบเมฆ หลบลี้ฉากรักแสนหวานละมุนภายในห้องอย่างเหนียมอาย ไม่ยอมเมียงมองชายกับชายเล่นชู้กันอย่างแนบชิดสนิทสนม
ตันหวายตื่นมาดื่มน้ำกลางดึก พอมองดูใบหน้าที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย ก็เข้าไปขบกัดเบาๆ แล้วกระซิบกล่าว “คุณคอยดูเถอะ ชีวิตหน้า ผมจะอยู่ข้างบนให้ได้เลย”
ตันหวายในความมืดมิดไม่รู้เลยว่า เริ่นตงหลิวที่หลับใหลอยู่กำลังฝันถึงสามชีวิตที่ประสบผ่านมา
วันเวลาผ่านไปอย่างอบอุ่นและอิ่มเอม ตันหวายเข้าใจถ่องแท้แล้วว่าสุขสบายจนลืมบ้านเก่าหมายถึงอะไร
วันงานประกาศรางวัลอิ๋นเหนี่ยว ตันหวายยืนจัดชุดสูทอยู่หน้ากระจกลองเสื้อผ้าบานใหญ่ ทันใดนั้นเริ่นตงหลิวก็รวบกอดเขาไว้จากด้านหลัง พลางจรดจูบลงบนซอกคอของเขา
พอตันหวายถูกเขาจูบก็ชาวาบจนอ่อนระทวย เอนร่างซบกับอ้อมกอดของเริ่นตงหลิว ถลึงตาใส่เขาอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย
คนคนนี้ทำตัวรุ่มร่ามไม่เลือกที่เกินไปหน่อยแล้ว!
“ถ้าหากวันหนึ่งผมเกิดอุบัติเหตุรถชน คุณจะโผเข้าไปผลักผมออกไหม?” เริ่นตงหลิวพรมจูบที่ข้างแก้มของตันหวายไปพลางกล่าวพึมพำไปพลาง
ตันหวายพลันชะงักค้าง เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถามเสียงแข็งทื่อว่า “ทำไมอยู่ๆ ถึงถามคำถามแบบนี้?”
“แค่ถามเฉยๆ น่ะ” เริ่นตงหลิวคลี่ยิ้ม จัดทรงเนคไทบนอกตันหวายให้เรียบร้อย พูดเลี่ยงประเด็นไปว่า “ถึงเวลาแล้ว เข้างานกันเถอะ”
ตันหวายเดินแกว่งมือพร้อมเท้าขณะถูกเริ่นตงหลิวจูงเข้าไปในงาน สมองสับสนยุ่งเหยิง ความคิดเหลวไหลบางอย่างผุดขึ้นในใจอย่างฉับพลัน
——
[1] อิ๋นเหนี่ยว (银鸟) หมายถึง วิหคเงิน
ตอนที่ 77 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (46)
ในฐานะที่รางวัลอิ๋นเหนี่ยวเป็นรางวัลภาพยนตร์อันทรงเกียรติสูงสุดในประเทศ งานประกาศรางวัลครั้งนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นที่จับตามองของทุกคน
ภายในห้องโถงใหญ่ที่สามารถจุคนได้หลายร้อยคน แสงไฟสาดส่องเวทีอย่างนุ่มนวล พิธีกรบนเวทีอ่านคิวการ์ดในมือประกาศรางวัลแต่ละสาขาว่าตกเป็นของใครกันบ้าง
<เล่ห์ขุนพล> เป็นผลงานชิ้นเยี่ยมอย่างไร้ข้อกังขา น่าเสียดายที่เริ่นตงหลิวไม่ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ครั้งนี้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมตกเป็นของรุ่นพี่ที่แก่กว่าเริ่นตงหลิวหลายปี
ตันหวายนั่งอยู่แถวที่สาม จับมือเริ่นตงหลิวที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาไว้โดยไม่เกรงสายตาใคร
เริ่นตงหลิวคลี่ยิ้มพลางตบปลอบเขา กระซิบกล่าว “รางวัลพวกนี้ผมชักได้เยอะไปแล้ว แบ่งให้รุ่นพี่เขาบ้างดีกว่า”
ตันหวาย “…” นายรู้บ้างไหมว่าพูดแบบนี้ มันวอนโดนบาทาชาวบ้านเขาเหลือเกินน่ะ?
หลังจากนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมก็เป็นคิวของนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เมื่อนักแสดงที่ได้รับรางวัลสมทบชายยอดเยี่ยมเดินลงจากเวทีมอบรางวัลแล้ว พิธีกรก็แกล้งยิ้มหยอกเย้าเป็นการสร้างบรรยากาศลุ้นระทึกให้กับรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
หัวใจของตันหวายสงบเยือกเย็นอย่างยิ่ง เขาคิดว่าปล่อยไปตามโชคชะตาเสียดีกว่า เขาไม่จำเป็นต้องฟุ้งซ่านอะไรแล้ว
เริ่นตงหลิวกลับไม่ได้คิดเช่นนี้ เขาหันกลับไปยิ้มกล่าวประชิดข้างหูของตันหวายอย่างเงียบๆ “คุณต้องได้รางวัลแน่นอน” น้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคง
พวกเขาไม่รู้เลยว่า การปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างพวกเขาเช่นนี้ได้ถูกสื่อมวลชนจับภาพเอาไว้ พร้อมทั้งเผยแพร่ลงในอินเตอร์เน็ต
ตันหวายหลุบตา อยากจะถามเขาเหลือเกินว่าไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหนกัน ไหนจะคำพูดเหมือนใช่ใช่แต่ไม่ใช่ของเขาก่อนหน้านี้อีก มันหมายความว่าอะไรกันแน่? เป็นเพราะว่า…นึกอะไรบางอย่างออกหรือเปล่า
หลังจากพิธีกรกล่าวชื่นชมผู้ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดก็เริ่มเฉลยชื่อนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
“ผมเชื่อว่าทุกคนคงอยากรู้แล้วสินะครับว่าใครจะเป็นผู้ได้รับรางวัลนี้ไปครอบครอง นาทีนี้ พวกเรามาลุ้นกันดูดีกว่าครับว่า ผู้ได้รับรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมนั้นก็คือ…”
ภายในงานบังเกิดความเงียบสงัด ทุกๆ คนล้วนกำลังเฝ้ารอชื่อที่ยังไม่ได้เอ่ยออกมา
“เขาก็คือ…” พิธีกรชะงักครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวต่อว่า “เขาก็คือผู้รับบทตันฝูเซิงในภาพยนตร์เรื่อง <เล่ห์ขุนพล> เยี่ยชิว!”
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวขึ้นจากรอบด้าน ตันหวายกลับลุกขึ้นยืนอย่างใจลอย ตนยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเดินขึ้นมาบนเวทีมอบรางวัลได้อย่างไร
“เยี่ยชิวมีอะไรอยากจะกล่าวไหมครับ?” พิธีกรอมยิ้มถาม
ตันหวายลูบไล้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในมือ ราวกับไม่กล้าปักใจเชื่อว่าภารกิจเสร็จสิ้นลงแล้ว
ในขณะเดียวกัน ระบบก็สบถด่าเป็นชุดในใจ
(ประทานโทษ??? นี่…สำเร็จแล้ว?)
ตันหวายมองเริ่นตงหลิวที่นั่งยิ้มอยู่ข้างล่าง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าคนคนนี้หล่อระเบิดไปเลยจริงๆ
ตันหวายอ้าปากกล่าวสุนทรพจน์อย่างสับสนมึนงงจนจบแล้วก็เม้มริมฝีปาก ก่อนพูดกับกล้องถ่ายทอดสดที่ออกอากาศไปทั่วประเทศ “เริ่นตงหลิว ผมรักคุณ”
ทั้งงานเงียบกริบ จากนั้นก็กลายเป็นเสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหวยิ่งกว่าเดิม
ตันหวายเดินลงจากเวทีมาอยู่ตรงหน้าเริ่นตงหลิว กล่าวเสียงพร่าว่า “ผมได้รางวัลแล้ว”
“ยินดีด้วย” เริ่นตงหลิวก้มลงประทับจูบลงบนหน้าผากของตันหวายอย่างทะนุถนอม “ผมมีความสุขมาก”
(ท่านเจ้าของร่าง ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว โปรดเลือกว่าจะเดินทางไปยังอีกโลกหนึ่งทันที หรือเข้าสู่การนับเวลาถอยหลังสามวัน?)
“สามวัน” ตันหวายเสียงแหบพร่า
พิธีมอบรางวัลอิ๋นเหนี่ยวปิดฉากลง ตันหวายกับเริ่นตงหลิวจูงมือกันเดินเข้าบ้าน
ตันหวายฝ่ามือชุ่มเหงื่อด้วยความวิตกกังวล พอจะเอ่ยปากถามเริ่นตงหลิวว่านึกอะไรบางอย่างออกใช่หรือเปล่า เริ่นตงหลิวก็ชิงเอ่ยปากพูดเสียก่อน
“ผม…หลายวันมานี้ผมฝันบ่อยมาก” เริ่นตงหลิวบีบมือของตันหวาย “ผมฝันเห็นภาพอุบัติเหตุรถชน เด็กผู้ชายผมสั้นท่าทางสดใสคนหนึ่ง เขาบอกว่า เขาชื่อตันหวาย”
ตันหวายหัวใจสั่นสะท้าน หลุดปากถามออกมา “คุณนึกออกแล้วเหรอ?”
เริ่นตงหลิวยิ้มเจื่อนพลางส่ายศีรษะ “ยังไม่ออก เห็นแค่ภาพลางๆ เท่านั้น คุณอยากจะบอกผมไหม?”
ก้มหน้างุดอย่างหดหู่เล็กน้อย ตันหวายส่ายหน้า ไม่อยาก ตนไม่อยากบอกเขา
ตันหวาย “เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าโลกหน้าคุณจำผมได้ ผมจะบอกกับคุณเอง ถ้าจำไม่ได้ บอกไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” น้ำเสียงของตันหวายเศร้าสลดลงทุกที
เริ่นตงหลิวตะลึงงัน “ทำไมบอกว่าไม่มีประโยชน์อะไร?”
ตันหวายกะพริบตาปริบ เงยหน้าจูบริมฝีปากของเริ่นตงหลิวแล้วกล่าวเสียงแผ่ว “เริ่นตงหลิว โปรดเอ็นดูผมอีกสักสามวันเถอะ…”