ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi - ตอนที่ 82 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (5) / ตอนที่ 83 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (6)
- Home
- ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก Yaoi
- ตอนที่ 82 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (5) / ตอนที่ 83 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (6)
ตอนที่ 82 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (5)
ในโลกนี้มักจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ นานา อย่างเช่นคุณกลายร่างเป็นกระต่ายตัวหนึ่งในโลกระบบ หรืออย่างเช่น คุณผู้กลายร่างเป็นกระต่ายตัวหนึ่งไม่เพียงกินเนื้อกระต่ายแต่ยังเกือบจะซดน้ำซุปเข้าไปด้วยความเอร็ดอร่อย
เขา! กระต่ายตัวหนึ่ง! กินเนื้อของพวกเดียวกัน!
หากสวรรค์ประทานโอกาสให้แก่เขาอีกสักครั้ง เขา…ก็ยังอยากกิน! ตันหวายเกือบจะร่ำไห้ เนื้อกระต่ายที่อร่อยถึงเพียงนี้ ต่อจากนี้เขาคงดื่มไม่ลงแล้ว ช่างน่าปวดใจเสียเหลือเกิน
(ท่านเจ้าของร่าง เมื่อสักครู่ได้รับข้อมูลจากศูนย์บัญชาการ เป้าหมายการตอบแทนบุญคุณของท่าน ขณะนี้ประจำการอยู่ในค่ายทหาร)
ตันหวายพลันลืมตาโพลง ดีดตัวลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง
ตันหวาย “ศูนย์บัญชาการของพวกคุณใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” จู่ๆ ก็เอาข้อมูลมาบอกกับเขา นี่ไม่ใช่วิธีการของศูนย์บัญชาการลวงโลกนั่นเลย
(เล่ากันว่าศูนย์บัญชาการได้ยินเรื่องที่คุณเป็นลมเพราะกินเนื้อกระต่าย จึงส่งรางวัลปลอบใจมาให้)
………
“เจ้าพูดกับใครอยู่?”
สุ้มเสียงที่ดังขึ้นกะทันหันเกือบจะทำเอาตันหวายสะดุ้งตกจากเตียง ตันหวายรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูนิดหน่อย จึงเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ก่อนจะเห็นพี่ชายที่คีบเนื้อกระต่ายให้เขากินกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มมองเขา ในดวงตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นเต็มไปด้วยแววตรึกตรอง
ตันหวายเอามือยันตัวกระถดถอยหลัง แสร้งทำเป็นไม่ตั้งใจเอื้อมมือไปลูบคลำใบหูบนศีรษะของตน เมื่อพบว่าผ้าโพกบนนั้นยังอยู่ก็พลันเบาใจลงไม่น้อย
โหลวชิงอันคล้ายยิ้มไม่ยิ้มมองดูการกระทำของเขา เอ่ยถามอีกว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าพูดกับใครอยู่?”
โหลวชิงอันกวาดมองไปรอบด้านโดยไม่รู้ตัว ยืนยันให้แน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดปรากฏกาย ถึงแม้เขาจะสูญเสียแก่นปราณไปครึ่งหนึ่ง ทว่าโสตประสาทของจิ้งจอกเฉียบไวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เว้นเสียแต่พลังบำเพ็ญเพียรของคนผู้นั้นสูงส่งกว่าเขา มิเช่นนั้นเขาก็ไม่อาจฟังได้ยิน
ตั้งแต่รู้ว่ายาในของตนอยู่ในร่างของกระต่ายตัวนี้ เขาก็ลอบสะกดรอยตามมันมาหลายสิบปี เจ้ากระต่ายโง่ไม่เพียงแต่ด้อยอาคม แต่สมองยังใช้การไม่ได้อีกด้วย มัวแต่เฝ้าคิดถึงผู้มีพระคุณช่วยชีวิตที่ไปเกิดใหม่ไม่รู้ตั้งกี่ชาติแล้วของมันทั้งวี่วัน
ทัณฑ์สวรรค์ครานี้เขาคำนวณล่วงหน้าไว้หลายวัน การมาเยือนต้าฮวงซานก็เพื่อช่วยเจ้ากระต่ายรับทัณฑ์สวรรค์ ใครจะรู้ว่ากลางทางกลับเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยจนตามมาไม่ทัน ได้แต่มองดูมันถูกฟ้าผ่าต่อหน้าต่อตา
คิดไม่ถึงว่า เจ้ากระต่ายโง่กลับเป็นพวกดวงแข็ง ถึงกับรอดชีวิตจากทัณฑ์อัสนีครานี้มาได้จริงๆ
พอเห็นตันหวายกอดเข่าขดตัวอยู่มุมเตียงไม่พูดจาดูท่าทางน่าสงสาร โหลวชิงอันก็เกือบจะนึกว่าตนทำมิดีมิร้ายอะไรกับเขา
“เอาเถอะ” โหลวชิงอันหรี่ตา “เจ้าไม่เต็มใจพูดก็ช่างเถอะ”
ตันหวายผ่อนลมหายใจ ในที่สุดคนคนนี้ก็เลิกถามสักที ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไรจริงๆ
เมื่อเห็นว่าเศษผ้ายังแขวนอยู่บนร่างของตนอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ตันหวายก็ไม่กลัวหางของตนจะโผล่พรวดออกมาอีกแล้ว ก่อนก้าวลงจากเตียงในทันที กล่าวกับโหลวชิงอันว่า “ท่านหลับตาลงได้หรือไม่?”
โหลวชิงอันทำสีหน้าแปลกประหลาด คิดในใจว่าเจ้ากระต่ายโง่คงไม่พลีกายถวายชีวิตเพราะอาหารมื้อเดียวอีกหรอกนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้โรคเอะอะก็พลีกายถวายชีพเช่นนี้เขาไปเรียนรู้มาจากใคร
โหลวชิงอันถอยหลังไปสองก้าวอย่างสุขุมเยือกเย็น “เผ่าพันธุ์ของเราไม่นิยมลูกไม้พลีกายถวายชีวิตเช่นนี้”
ใบหน้าเล็กของตันหวายพลันแข็งทื่อ ก่นด่าเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ในใจ แม่มัน คนคนนี้ไม่ใช่ไป๋เยว่แน่นอน! ไม่ใช่เด็ดขาด! ถ้าใช่จริงล่ะก็เขายอมลงหม้อตุ๋นเป็นกระต่ายอบน้ำแดงเองเลยเอ้า!
ตันหวายแค่นเสียงเหอะๆ พอตั้งใจจะพูดว่าถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันเอ่ยปาก ก็เห็นโหลวชิงอันหลับตาลงอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ทั้งยังกล่าวว่า “หากเจ้าจะพลีกายถวายชีวิตข้าก็ปฏิเสธไม่ลงหรอก!”
ตันหวาย “…” ไอ้โรคจิตเอ๊ย อยากมีเรื่องนักเหรอไอ้น้อง?
แม้จะก่นด่าอยู่ในใจ แต่ตันหวายก็ลอบมองหน้าตาของโหลวชิงอันโดยยึดหลักว่ายอมสังหารพลาดร้อยคนดีกว่าเล็ดลอดไปแม้แต่คนเดียว
มองสำรวจไปมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังจากแน่ใจว่าบนนั้นเกลี้ยงเกลาไร้รอยตำหนิ ตันหวายก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ไม่ใช่ไป๋เยว่จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเขาต้องไปตามที่ไหนล่ะ!
ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เป็นนานสองนาน โหลวชิงอันลืมตาขึ้น จ้องมองสีหน้าผิดหวังของตันหวายอย่างเต็มตา แอบกล่าวในใจว่าเจ้ากระต่ายตัวนี้ช่างโง่งมเสียจริง ตนช่วยเหลือเขาสักหน่อยดีกว่า ไม่เช่นนั้นเขาคงยังวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ไปอีกหลายร้อยปี
โหลวชิงอันตัดสินใจแน่วแน่ คลี่พัดโบกสะบัดตรงหน้าอกสองทีพลางเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าน้องชายจะเดินทางไปที่ใด?”
ตอนที่ 83 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (6)
หากถามว่าจะเดินทางไปที่ใด อันที่จริงตันหวายเองก็ยังไม่รู้ ในเมื่อผู้ที่ต้องตอบแทนบุญคุณอยู่ในค่ายทหาร ถ้าเช่นนั้นเดินทางไปค่ายทหารก็จบเรื่อง
เพียงแต่ว่า แม้กระทั่งค่ายทหารอยู่แห่งหนใดเขาก็ยังไม่รู้ แล้วจะเริ่มออกตามหาเขาจากที่ไหน ตันหวายครุ่นคิดจนกลัดกลุ้มไปหมด
โหลวชิงอันวางมาดนิ่งจ้องมองเขา เฝ้ารอคำตอบจากเขาอย่างมีน้ำอดน้ำทน แต่ตันหวายกลับรู้สึกเพียงว่าคนผู้นี้อันตรายยิ่งนัก
“เรื่องนี้…” ตันหวายมองโหลวชิงอันด้วยความคลางแคลงใจ “ท่านถามเรื่องนี้ทำไมกัน?”
โหลวชิงอันลังเลอยู่สักครู่ แสร้งทำเป็นลำบากใจกล่าว “ข้าเห็นน้องชายแต่งกายคล้ายพวกร่อนเร่พเนจร ยามนี้สงครามตึงเครียด จึงอยากถามดูว่าเจ้ายินดีติดตามข้าไปค่ายทหารเพื่อทำมาหากินหรือไม่?”
ตันหวายตาเป็นประกาย สาวเท้าเดินฉับออกมาข้างหน้าสองก้าว กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านต้องการไปที่ใด? ค่ายทหารหรือ?”
โหลวชิงอันเลิกคิ้วสูง หรี่ตามองพลางพยักหน้า
“ยินดีขอรับ ยินดีเหลือเกิน!” เขาช่างโชคดีเสียนี่กระไร บังเอิญเจอพังพอนเหลืองก็มีเทพภูผามาช่วย หาค่ายทหารไม่เจอก็มีคนอาสาเป็นแผนที่นำทาง นี่เขาหมดทุกข์หมดโศกแล้วใช่ไหม?
โหลวชิงอัน “ยินดีพลีกายถวายชีวิตหรือไม่?”
ตันหวายตัวแข็งทื่อ ใบหน้าเล็กก้มหลุบลงทันใด จ้องเขม็งอย่างเอาเป็นเอาตายไปยังโหลวชิงอัน จะเป็นไปได้อย่างไร เขาคือผู้ชายที่มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนเชียวนะ!
(ท่านเจ้าของร่าง เนื่องจากการสื่อสารขัดข้องอีกครั้ง จึงเพิ่งได้รับข้อมูลจากศูนย์บัญชาการเมื่อครู่นี้ เป้าหมายยึดครองของท่านปรากฏตัวแล้ว)
ตันหวาย ‘??? มาไม้ไหนเนี่ย นายว่าอะไรนะ? เป้าหมายยึดครองของเขาคือไอ้คนตรงหน้านี่น่ะเหรอ?’
สังเกตเห็นตันหวายอารมณ์ไม่ดี ระบบก็รีบร้อนกล่าวว่า (ท่านเจ้าของร่างอย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ระบบย่อมมีเหตุผลรองรับอย่างแน่นอน)
เอ็งไปไกลๆ ส้นเท้าตรูเลยไป ศูนย์บัญชาการพวกเอ็งมันไร้เหตุผลมาตลอดนั่นแหละ!
(ค่าความประทับใจของโหลวชิงอันคือห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ท่านเจ้าของร่างสู้ๆ เข้าล่ะ~)
เห็นตันหวายไม่พูดไม่จาอยู่นานสองนาน โหลวชิงอันก็พาลนึกไปว่าตนแหย่เจ้ากระต่ายจนโกรธเคือง จึงจำใจต้องกล่าวเบี่ยงประเด็นว่า “ลืมบอกไป ตัวข้ามีนามว่าโหลวชิงอัน ไม่ทราบว่าน้องชายชื่อแซ่อะไร?”
ตันหวายดึงอารมณ์ของตนออกมาจากอาการสติแตก ทำหน้ายิ้มตาไม่ยิ้มกล่าวกับโหลวชิงอัน “ข้าชื่อตันหวาย”
โหลวชิงอันที่รู้ว่าเจ้ากระต่ายน้อยมีชื่อจริงว่าปันรั่ววางตัวสุขุม ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงสนิทชิดเชื้ออย่างยิ่ง “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเถอะ เราจะออกเดินทางกันเดี๋ยวนี้”
ตันหวายหน้าตาใสซื่อ “ข้าไม่มีเสื้อผ้า”
โหลวชิงอันชี้ไปยังเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมกองหนึ่งบนหัวเตียง บอกเป็นนัยให้ตันหวายรู้ว่านี่เป็นชุดตระเตรียมไว้ให้เขา
ใส่ใจกันขนาดนี้เลย? ตันหวายตื่นตะลึง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเป้าหมายยึดครองของเขาคนนี้ดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้มากมายนัก
………
ตามคำบอกเล่าของโหลวชิงอัน บริเวณชายแดนสงครามตึงเครียด เขาออกเดินทางครั้งนี้เพื่อทำธุระส่วนตัว พวกเขาควรรีบกลับไปโดยเร็วจะดีที่สุด
ตันหวายคิดว่าคนที่สามารถออกมาทำธุระส่วนตัวในค่ายทหารได้ตามอำเภอใจย่อมมียศถาบรรดาศักดิ์ไม่ธรรมดา ทั้งยังคิดโยงไปว่าผู้มีพระคุณของเขาก็อยู่ในค่ายทหารเช่นกัน สายตาที่มองโหลวชิงอันจึงเปลี่ยนไปในพริบตา
ในเมื่อระบบบอกว่าทุกครั้งที่ศูนย์บัญชาการกำหนดผู้เป็นเป้าหมายล้วนมีนัยยะสำคัญ ถ้าเช่นนั้นโหลวชิงอันก็ย่อมเป็นบุคคลสำคัญอย่างแน่นอน อีกทั้งโหลวชิงอันไม่ใช่ภรรยาของเขา นั่นหมายความว่า…โหลวชิงอันคือคนที่เจ้าของร่างเดิมต้องการตอบแทนบุญคุณ!
พอเหลียวมองโหลวชิงอันที่สูงกว่าตนหนึ่งช่วงหัวด้านข้าง ตันหวายก็พลันรู้สึกปวดหัว เขาควรทำอย่างไรให้ค่าความประทับใจของโหลวชิงอันต่อตัวเขาสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ รู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าตนมีคนที่ชอบพอแล้วจึงตบแต่งกับเขาไม่ได้ มันไม่ดูเหมือนผู้หญิงหลายใจไปหน่อยหรือ?
ตันหวายกะพริบตาปริบๆ ยันเศษผ้าโพกหัวสองสามผืนที่ดูน่าขันอย่างยิ่งแต่ปกปิดใบหูได้อย่างมิดชิดพลางเอ่ยถาม “ท่านพี่โหลวขอรับ~ท่านชื่นชอบกระต่ายหรือไม่?”
“ชอบสิ!”
“เช่นนั้นท่านชื่นชอบกระต่ายตรงไหนล่ะ?” ตันหวายกะพริบตาปริบ คิดว่าภารกิจยังพอมีหวัง
โหลวชิงอันหรี่ตา ค่อยๆ ประชิดเข้าหาตันหวาย กระซิบกล่าวที่ข้างหูเขาว่า “ข้าชอบ…กินกระต่าย!”
หา???
ฉันมองนายเป็นผู้มีพระคุณ แต่นายกลับคิดจะกินฉันเนี่ยนะ? ตันหวายรู้สึกว่าร่างทั้งร่างชักเริ่มอาการไม่ดีแล้ว