ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 536
บทที่ 536 โม่ชางหลงแห่งตระกูลโม่
“ที่แท้ร่างกายของเจ้าสำนักน้อยไม่เหมือนคนปกติแล้ว มิน่าล่ะถึงเป็นเช่นนี้!”
เวินโป๋รู้ซึ้งถึงแก่นแท้ในฉับพลัน
“อาจารย์ฉินอีฝานของเสี่ยวเกอเป็นใครกันแน่?ผมไม่เคยเห็นคนนี้มาก่อน แต่แค่ใช้เวลาเพียงครึ่งปีก็สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายของเสี่ยวเกอได้ถึงเพียงนี้ ช่างเหลือเชื่อยิ่งนัก แล้วตัวฉินอีฝานเองจะมีพลังกายขนาดไหนกันเชียว?”
บัดนี้เฉินเตี๋ยนชางแอบพูดในใจ
“อุ๊ย!”
ทันใดนั้นมีเสียงทรมานผ่านมา
ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมอง เห็นโม่ฉางคงพ่นเลือดออกมาทางปาก แล้วตกลงมาจากท้องฟ้า
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“นาย……นายเป็นถึงขั้นปรมาจารย์แล้วเหรอ?ไม่……เป็นไปไม่ได้!นี้มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!!!”
โม่ฉางคงมีสีหน้าไม่พอใจระคมประหลาดใจ
ปรมาจารย์คือระดับที่เป็นตำนานเล่าขานเชียวนะ
อาสามชางหลงมีพลังเก่งกล้าเพียงนี้ก็แค่เริ่มเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เองนะ
ส่วนเฉินเกอ เมื่อก่อนเป็นแค่เด็กอมมือ ตอนนี้กลับเป็นถึงปรมาจารย์ ความสามารถทั้งสองฝ่ายในตอนนี้ได้เข้าสู่โหวตความกดดันอีกฝ่ายอย่างน่าสะพรึงกลัว
นี้มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!
เขาไม่กล้าเชื่อจวบจนวันสิ้นลมหายใจ
“ตอนนี้ คุณสามารถนอนตายตาหลับแล้ว โม่ฉางคง ถ้าจะโทษก็โทษที่เมื่อก่อนคุณทำเกินกว่าเหตุ คุณไม่เหลือทางรอดให้เลย วันนี้ผมจะล้างแค้นให้สิ้นซาก!”
เฉินเกอกำหมัดไว้แน่น
เขารอมาหนึ่งปีเต็มๆ รอเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ
ตลอดหนึ่งปีมานี้ เขาต้องหนีตายอย่างหัวซุกหัวซุน ไม่สามารถกลับบ้านช่องได้
และตระกูลเฉินต้องใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย คุณพ่อคุณแม่และพี่สาวสามารถมีอันเป็นไปได้ทุกเมื่อ
แต่เฉินเกอทำได้แต่แค่มองดูอยู่ห่างๆ
แอบอธิษฐานภาวนาอยู่ลับๆ
สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากโม่ฉางคงทำเรื่องเกินกว่าเหตุ
ไม่เหลือช่องว่างให้เลย
การตกระกำลำบากที่มิอาจลืมเลือนตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาของเฉินเกอ บัดนี้ ถือว่าคุ้มค่าแล้ว!
และเห็นเฉินเกอมีสีหน้าคิดจะฆ่าคนในกะทันหัน ทำให้โม่ฉางคงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
ตนทะเยอทะยานมาทั้งชีวิต และยังมีผลงานที่ใหญ่โต การรวบรวมอำนาจธุรกิจให้เป็นหนึ่งเดียวเกือบจะสำเร็จอยู่ตรงหน้าแล้ว
แต่ตอนนี้จะถูกเด็กอมมือฆ่าแล้ว
ไม่!!!
“ไม่นะ!เฉินเกอ นาย ……วันนี้นายฆ่าผมไม่ได้นะ!ผมเป็นผู้อาวุโสรองตระกูลโม่ เป็นคนของตระกูลโม่ตระกูลลึกลับ คุณจะฆ่าได้อย่างไร?”
โม่ฉางคงจับหน้าอกของตนไว้ แล้วคลานลุกขึ้นมายืน จากนั้นก็ถอยหลังไปด้วยพูดไปด้วย
“โม่เว่ยผิง เขาจะฆ่าคนของตระกูลโม่คุณพูดอะไรสักอย่างสิ!”
โม่ฉางคงมองโม่เว่ยผิงอีกครั้ง
“ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน การตายจึงได้ถูกสวรรค์ลิขิตไว้แล้ว ผมจะพูดอะไรได้ ถ้าคุณชายเฉินไม่เอาชนะคุณ เกรงว่าคนที่ตายในตอนนี้ก็คือคุณชายเฉินแล้ว!”
โม่เว่ยผิงพูดอย่างเย็นชา
พูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูด นั่นก็คือ ตอนนี้โม่เว่ยผิงกลับหวังว่าเฉินเกอจะรีบๆฆ่าโม่ฉางคงให้ตายเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้ จะช่วยเขาคลายปัญหาชิ้นใหญ่ได้เลยทีเดียว
“ฮาฮา แม้กระทั่งคนของตระกูลโม่ก็ไม่ช่วยคุณเลย โม่ฉางคงลองคิดดูสิว่า ปกติคุณทำตัวยังไงบ้าง วางใจเถอะ ผมจะให้คุณตายอย่างมีความสุข แบบไม่ทนทุกข์ทรมาน!”
เฉินเกอพูดอย่างเยือกเย็น
“ไม่!ผมมีเรื่องจะพูด ถ้าฆ่าผม เฉินเกอ คุณต้องเสียใจ และเสียใจไปตลอดชีวิตเลย!”
โม่ฉางคงเดินถอยหลังตลอดไม่หยุด จนถอยไปโดนกระถางดอกไม้แล้วล้มลงกับพื้น
สีหน้าของเขาซีดเผือด เมื่อกี้เฉินเกอชกตรงหัวอกของเขา ทำให้ร่างกายของเขาสูญเสียพลังภายในไปหมดแล้ว
“เสียใจภายหลัง?”
“ใช่ ผมรู้ว่า เฉินเกอ คุณอยากจะสืบหาเรื่องของไท่หยางเหมิง อยากจะตามตัวคู่หมั้นของคุณและอาสองของคุณกลับมา ภาพที่แขวงอยู่ในห้องโถง เมื่อกี้ผมได้เห็นแล้ว น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับไท่หยางเหมิงเป็นอย่างมากเลยทีเดียว!”
โม่ฉางคงกลืนน้ำลายลงคอ
เฉินเกอมองไปยังคุณปู่เฉินเตี๋ยนชาง
และเฉินเตี๋ยนชางขมวดคิ้วไปมา จากนั้นจึงพยักหน้าให้เฉินเกอ
เขาก้าวเท้ายาวไปข้างหน้า “เจ้าอาวุโส ถ้าคุณรู้ว่าภาพแผนที่นั้นอยู่ที่ไหน ผมก็จะลองพิจารณาไว้ชีวิตสุนัขขี้ขลาดอย่างคุณ รีบบอกมา!”
เฉินเตี๋ยนชางกล่าว
“ฮาฮา ท่านเฉินเกอ ผมเคยเห็นทิวทัศน์บนรูปใบนั้น ที่นั่นมีความลี้ลับมาก และที่สำคัญ มันสามารถเปลี่ยนค่ายกระบี่ที่ปกป้องรักษาสถานที่ได้เองแต่กำเนิด และที่สำคัญ มันเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่มีป้ายคำสั่งพิเศษ ถึงจะใช้เวลาทั้งชีวิตก็จะหาสถานที่นี้ไม่เจอ!และภูเขารูปนี้เรียกว่าเขาหวูหมิง!”
โม่ฉางคงรีบกล่าว
“ป้ายคำสั่ง ป้ายคำสั่งอะไร?ทำอย่างไรถึงจะหาเขาหวูหมิงเจอ?”
เฉินเกอถาม
ถ้าสามารถหาสถานที่นี่ได้อย่างราบรื่น ถ้างั้นการล้วงความลับของไท่หยางเหมิงก็จะมาถึงในไม่ช้า
ยิ่งมีความหวังที่จะหามู่หานและอาสองเจอขึ้นมาอีก
เฉินเกอมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ป้ายคำสั่งนั้นก็คือ……”
“เปี๊ยะ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของโม่ฉางคงเปลี่ยนกะทันหัน เขาเอาลูกปัดสองลูกออกจากอก บัดนี้ เขาได้โยนไปที่ใต้เท้าของเฉินเกอและเฉินเตี๋ยนชาง
ลูกปัดเกิดเสียงดังกังวานและระเบิดแตกออก
ชั่วพริบตาเดียว มีฝุ่นควันขาวกระจายไปทั่วห้อง
และฉวยโอกาสนี้ โม่ฉางคงก็ได้เผ่นหนีหายตัวไป
“เจ้าอาวุโสตัวนี้ เป็นสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริงๆ เวินโป๋ รีบส่งคนไปตามจับโดยด่วน!อย่าให้เขาหนีไปได้!”
เฉินเตี๋ยนชางสั่งการ
ลูกน้องของสำนักจิตรีบรับคำสั่งไปทำตามอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีประโยชน์หรอกผู้อาวุโส!”
เวลานี้ โม่เว่ยผิงเดินออกมา
“ไอ้โม่ฉางคงคนนี้ เจ้าเล่ห์ผิดปกติ ถึงแม้ความสามารถของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่ที่แกร่งกว่าก็คือเคล็ดตัวเบาของเขา แม้กระทั่งอาสามโม่ชางหลงก็เคยเอ่ยปากชมเขามาก่อน เขาหนีไปแล้ว คงจะจับตัวได้ยาก เขามีความเชี่ยวชาญในด้านการซ่อนตัวสูง!”
โม่เว่ยผิงส่ายหัวพลางพูด
“คุณปู่ครับ เป็นความผิดของผมเอง เมื่อกี้ได้ยินเขาพูดถึงมู่หานและอาสอง สมองผมก็วู่วาม เรื่องนี้ยกให้ผมเป็นคนจัดการเองครับ ผมจะไปตามจับเขา!”
เฉินเกอมีสีหน้ารู้สึกผิด ขอโทษ
เพราะเมื่อกี้จิตใจของเขาสั่นไหว ว่างเปล่าไปทั่วหัวสมอง
ส่วนเฉินเตี๋ยนชาง บัดนี้ได้ยกมือขึ้น
“ไม่ต้องตามแล้ว ถึงเจ้าอาวุโสตนนี้หนีไปได้ แต่จะหนีไปได้ตลอดรอดฝั่งไหมล่ะ เขาต้องหนีกลับไปที่บ้านตระกูลโม่แล้ว เพราะเขารู้ดีว่า ตอนนี้มีเพียงโม่ชางหลงเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้!”
“เสี่ยวเกอ หลานอย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลย!”
เฉินเตี๋ยนชางกล่าว
เฉินเกอกำหมัดไว้แน่น
พยักหน้าอย่างโมโห
“โม่ชางหลง โม่ฉางคง……”
บัดนี้เฉินเตี๋ยนชางพูดเองเอ่ยเองอยู่หนึ่งประโยค
จากนั้นก็กล่าวว่า “เสี่ยวเกอ หลานตามปู่มาก่อน จิ้นตง พวกลูกก็รีบตามพ่อมา!”
ทันใดนั้น เหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา จึงหันหลังมาพูด
ส่วนเงาของโม่ฉางคงเร็วราวกับจรวด
เคล็ดตัวเบาของเขาแกร่งจริงๆ
ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตลอดทางไม่เคยนั่งพักเลย
อยากจะรีบกลับไปบ้านตระกูลโม่ที่เยี่ยนจิง
หนึ่งวันให้หลัง
ที่บ้านตระกูลลึกลับตระกูลโม่ บนหลังเขาหน้าบ้านที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง
เสียงปิ๊ง!ดังขึ้น
โม่ฉางคงก็คุกเข่าร้องไห้อย่างเจ็บปวด
“ลูกหลานอกตัญญูโม่ฉางคงในบ้านตระกูลโม่ คุกเข่าขอร้องขอเข้าพบอาสามหน่อยครับ!!!”
เขาพูดด้วยเสียงร้องไห้สะอื้น
จากนั้นก็คำนับแรงๆ
“ลูกหลานอกตัญญูโม่ฉางคงในบ้านตระกูลโม่ คุกเข่าขอร้องขอเข้าพบอาสามหน่อยครับ!ฉางคงมีเรื่องจะรายงานครับ!”
โม่ฉางคงคำนับอีกครั้ง
เห็นไม่มีคนขานตอบตั้งนมนาน
โม่ฉางคงยิ่งคำนับเอาศรีษะโดนพื้นแรงขึ้นกว่าเก่า
แต่ไร้ประโยชน์สิ้นดี
“อาสามไม่ยอมให้เข้าพบ คงไม่มีทางแก้แค้นให้กับลูกทั้งสองของผมไปตลอดชีวิตแล้ว?ได้ครับ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉางคงก็จะไปสู้กับสำนักจิตเฉินเตี๋ยนชางสองปู่หลานอย่างสุดกำลัง อย่างมากก็แค่ตาย จะได้รักษาศักดิ์ศรีของตระกูลโม่ที่มีมายืนนานเอาไว้!”
หัวของโม่ฉางคงคำนับลงพื้นจนหัวแตกเลือดออก บัดนี้ได้ยืนขึ้นมากล่าว
“รอเดี๋ยว……นายพูดถึงใครนะ?สำนักจิตเฉินเตี๋ยนชาง?”
ขณะนี้ข้างในบ้านมีเสียงของชายชราส่งออกมา
จากนั้นโม่ฉางคงก็เห็นเขาปรากฏตัว
ประตูที่มีแต่ใยแมงมุม บัดนี้ได้เปิดออกแล้ว
ชายชราที่มีผมขาวหงอก ร่างกายซูบผอมเหลือแต่กระดูก เดินตัวสั่นออกมา…