ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 541
บทที่ 540 ม้วนเอกสารที่ลี้ลับ
“คุณพ่อ!”
บัดนี้ เฉินจิ้นตงกำลังเรียกอยู่นอกห้องลับ
“มีอะไรเหรอจิ้นตง?”
เฉินเตี๋ยนชางกล่าวถาม
“เมื่อสักครู่นี้ พ่อบ้านพบเห็นกล่องโบราณอันหนึ่ง ด้านบนมีจดหมายหนึ่งฉบับบอกว่าให้เสี่ยวเกอเปิดอ่านด้วยตัวเอง!”
เฉินจิ้นตงถือกล่องเดินเข้ามา
อันนี้เป็นกล่องโบราณอันนี้ เป็นรูปสี่เหลี่ยม ด้านบนมีจดหมายบังไว้
บนจดหมายเขียนว่า ผู้รับ เฉินเกอ
“ใครเป็นคนส่งมา?”
เฉินเตี๋ยนชางถาม
“ไม่ทราบครับ ได้ยินพ่อบ้านบอกว่าพบโดยบังเอิญ ผมยังไปถามเจ้าเวินโดยเฉพาะ กล้องวงจรปิดของเขาก็ไม่เห็นมีเบาะแสอะไรเลยครับ!”
เฉินจิ้นตงยังคงมีความตึงเครียดอยู่บ้าง
เพราะสำนักจิตที่เป็นคนของพ่อ ทุกคนต่างอยู่เหนือยอดฝีมือทั้งหลาย และพวกเขาได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัยของตระกูลเฉิน แต่ว่ายังมีคนเข้าบ้านตระกูลเฉินได้อย่างพลการ
“อืม?ช่วงนี้มีเรื่องแปลกๆเยอะมาก หรือจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ?”
เฉินเตี๋ยนชางมีสีหน้าสงสัย
“เสี่ยวเกอ ในเมื่อกล่องไม้นี้มอบให้หลาน หลานก็เปิดมาดูสิ!”
เฉินเตี๋ยนชางหยุดแล้วพูดต่อ
“อืม!”
เฉินเกอเปิดกล่องด้วยความสงสัย ด้านในกล่องมีม้วนเอกสารโบราณอยู่นิ่งๆม้วนหนึ่ง
เมื่อดูอย่างละเอียดก็พบว่าเหมือนแผนที่ทะเลทรายที่ใช้ในการทหาร
ในม้วนเอกสาร เหมือนยังมีเม็ดทรายเล็กๆหลงเหลืออยู่
ทุกจุดได้เขียนชี้แจ้งอย่างละเอียด
สิ่งที่ทำให้เฉินเกอประหลาดใจก็คือ ตำแหน่งสุดท้ายเหมือนจะอยู่ในวังใต้ดินตรงกลาง ซึ่งได้ตั้งวางโลงศพหินขนาดใหญ่ไว้โลงหนึ่ง!
และภาพม้วนเอกสารนี้ ถึงแม้จะสลับซับซ้อน แต่เหมือนจะกำลังแสดงโลงศพหินให้คนอื่นดูอย่างนั้น
“คุณปู่ครับ เป็นแผนที่แผ่นหนึ่งครับ!”
เฉินเกอดูเสร็จก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ใครเป็นคนส่งกันนะ?
“ดูจากตำแหน่งแล้ว สิ่งทีวาดนี้น่าจะอยู่ที่หาดทรายมรณะทางตะวันตกเฉียงเหนือ เขาให้แผนที่นี้แก่เสี่ยวเกอทำไมกันนะ?และยังมีภาพโลงศพหินนี้อีก ในม้วนเอกสารจงใจแสดงออกมา ดูท่าแล้ว โลงศพหินน่าจะเป็นโลงศพอมตะ!”
เฉินเตี๋ยนชางพูดเรียบๆ
“โลงศพอายุยืน?”
เฉินจิ้นตงถามด้วยความสงสัย
“อืม โลงศพแบบนี้ ปู่เคยเห็นในภาพสุริยัน มีประวัติมาหลายพันปีแล้ว เป็นสิทธิบัตรของประเทศหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก ร่ำลือว่าศพที่เก็บอยู่ในโลงนี้ ร่างศพยังคงเหมือนเดิมตลอดกาล!”
เฉินเตี๋ยนชางพูดพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“เคยมีคนมากมายอยากจะครอบครองโลงศพอมตะ แต่นานจนขนาดนี้ก็ยังไม่มีใครเห็นมาก่อน แปลกจังเลย ใครเป็นคนมอบของขวัญชิ้นโบว์แดงให้พวกเรากันนะ?เขามีเจตนาอะไรกันนะ?”
คุณโม่บอกผมว่า ตอนที่หาเบาะแสของไท่หยางเหมิงที่เมืองหนานหยาง มีคนแอบช่วยพวกเขาอยู่ลับ ตอนนี้มีคนส่งแผนที่เส้นทางการเดินทัพ มีความเป็นไปได้ไหมครับทั้งสองเรื่องนี้จะเป็นคนเดียวกัน?มีคนหนึ่งคอยแอบช่วยเหลือเราอยู่ตลอดเวลา?”
เฉินจิ้นตงพูดพลางมองไปที่เฉินเกอพร้อมกับเฉินเตี๋ยนชาง
เห็นได้ชัดว่าเฉินเตี๋ยนชางไม่เคยรู้จักคนอย่างนี้มาก่อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉินจิ้นตง
มีความเป็นไปได้อยู่ทางเดียวก็คือเฉินเกอ
“อาจารย์ของผมฉินโป๋?แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะครับ เขาไม่มีเหตุผลที่จะแอบอยู่ข้างหลัง เขาอยากจะช่วยเหลือผม คงจะมาแสดงตนแน่ๆครับ!”
เฉินเกอก็คิดไม่ตกจริงๆ
ตอนนี้มีความเป็นไปได้คนเดียวคือฉินโป๋
แต่ฉินโป๋ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะมาเจอเขานิ?
“อืม หยุดพูดถึงปัญหาเรื่องก่อน เสี่ยวเกอ เปิดจดหมายดูว่าด้านในเขียนอะไรไว้บ้าง?”
เฉินเตี๋ยนชางถาม
เฉินเกอเปิดจดหมายออก
ด้านในเขียนคำง่ายๆแค่สองประโยค
เมื่อทั้งสามคนเห็นสองประโยคนี้ต่างก็ต้องหยุดชะงัก
“เกิดปรากฏตการจันทรุปราคาในยามฟ้าใส สายน้ำไหลย้อน” “ดอกทองร่วงโรยถึงคราชีพดับสูญ”
จันทรุปราคาในยามฟ้าใส?ยามฟ้าใสจะมีพระจันทร์ได้อย่างไรกัน?
ทำไมสายน้ำถึงไหลทวนกระแสได้ล่ะ?
เฉินเกอรู้สึกแปลกใจจริง
ส่วนประโยคสุดท้ายมีความนัยที่เข้าใจได้ง่ายกว่า
น่าจะหมายถึงตอนดอกทองร่วงโรย จะเป็นเวลาตาย
“อันนี่กำลังหมายถึงผมเหรอ?”
เฉินเกอพูดเองเออเอง
“ดูเหมือนว่าพลังวิชาของคนนี้พวกเราไม่สามารถจะคาดเดาได้เลย เหมือนเขาจะรู้เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา!บนโลกนี้มีคนยอดฝีมืออย่างนี้อยู่จริงๆเหรอ?”
แม้กระทั่งเฉินเตี๋ยนชางก็กล่าวด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“แล้วคุณพ่อครับ เสี่ยวเกอล่ะครับ?ดูเหมือนว่าคำทำนายของภาพสุริยันเป็นความจริงแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่เช่นนั้นคนลึกลับท่านนี้จะส่งสองประโยคนั้นมาทำไม?”
เฉินจิ้นตงรีบถาม
“อืม ตอนนี้นอกจากทำตามที่ม้วนเอกสารบอกก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เขาอยากจะให้พวกเราไปหาโลงศพอมตะ หรือเป็นเพราะรอให้เสี่ยวเกอเกิดเรื่องนั้นแล้ว ให้เก็บร่างของเสี่ยวเกอไว้ที่โลงอายุยืนนี้?แต่คำทำนายของภาพสุริยันคือเสี่ยวเกอต้องถูกฉีกร่างตาย!”
เฉินเตี๋ยนชางส่ายหัว
“แต่……ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่าแล้ว ดูจากสองเรื่องนี้แล้ว คนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด เสี่ยวเกอ ในเมื่อเขาอยากให้หลานไปหาโลงศพอมตะ คิดว่าน่าจะมีเหตุผลของเขา หลานคิดว่ายังไง?”
เฉินเตี๋ยนชางถาม
“ฮาฮา ยังไงซักผมก็อยู่ได้ไม่นานแล้ว ในเมื่อเขาอยากให้ผมไปหา ผมก็ลองไปหาดู พอดีเลย ตอนนี้ผมอยากจะฝึกฝนให้ความสามารถของผมพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น
อันนี้ก็เป็นโอกาสออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์เหมือนกัน ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ผมก็จะมีคุณสมบัติไปเข้าร่วมงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”
เฉินเกอกล่าว
เฉินเกอเชื่ออย่างหนักแน่นว่า งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์คือจุดสำคัญที่จะไขความลับของไท่หยางเหมิงได้ คำตอบทั้งหมดเหมือนจะรวบรวมอยู่ที่งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์
ตอนนี้ตนห่างจากปรมาจารย์แท้จริงแค่เพียงครึ่งก้าว ไม่ว่าจะยังไงเขาจะเข้าร่วมให้ได้!
ถ้าเป็นเช่นนี้ ถึงคำทำนายจะเป็นจริงก็คุ้มค่าแล้ว
“ก็ดี ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะมีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น!”
เฉินเตี๋ยนชางถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
ปู่หลานทั้งสามหารือกันถึงเที่ยงคืน
วันรุ่งขึ้น
เฉินเกอเตรียมออกเดินทาง
คนทั้งตระกูลเฉินร่วมตัวกันอยู่ที่เดียวกัน
เพื่อมาส่งเฉินเกอ
บนเกาะ คนสำนักจิตกำลังเข้ายามรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
“จะต้องสังเกตทุกเรื่องบนเกาะอย่างเป็นพิเศษ นายท่านสั่งการว่าตอนนี้อยู่ในช่วงคับขัน พวกนายต้องตั้งใจเป็นพิเศษ”
ตรงชายฝั่ง เวินจื้อจ้ายกำลังสั่งการลูกน้องของตนอยู่
จากนั้นก็ให้พวกเขาลงไปทำหน้าที่ของตน
เวินจื้อจ้ายยืนสองมือห้อยหลังอยู่ที่ชายฝั่ง กำลังมองไปยังทะเลที่กว้างขวาง
ไม่รู้ช่วงนี้เป็นอะไร ถึงแม้จะดูเหมือนจะเงียบสงบ แต่กลับรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
โดยเฉพาะเช้าวันนี้ เวินจื้อจ้ายรู้สึกกระวนกระวายกังวลชอบกล
เขากำลังจ้องมองทะเลอยู่
ทันใดนั้น เขาได้ยินมีเสียงเท้าเบาๆส่งมาจากด้านหลัง
เวินจื้อจ้ายเอียงคอไปมองเล็กน้อย “มีอะไร?”
เขาคิดว่าลูกน้องมาหา
“ที่นี่ก็คือบ้านตระกูลเฉินเหรอ?”
คิดไม่ถึงว่าด้านหลังมีเสียงชายชราที่ไม่คุ้นเคยส่งมา
หัวใจเวินจื้อจ้ายเต้นแรง รีบหลังหน้าไปมอง
คนตรงหน้าเป็นชายชราที่ผอมแห้ง ผมขาวหงอก ใบหน้าเหี่ยวย่น
โดยเฉพาะมองเขาใส่เสื้อผ้าธรรมดาแต่สง่างามก็กลับเห็นเขาขาดแขนไปหนึ่งข้าง
เวินจื้อจ้ายรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
เขาข้ามมาได้อย่างไรกัน?ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเขาเมื่อไหร่?
“ท่านคือใคร?มาบทที่ 541 แก้แค้นถึงหน้าประตู
ตระกูลเฉิน เฉินเกอกำลังเตรียมตัวที่จะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์
“เวินโป๋?”
ในขณะที่กำลังคิดจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ กลับมองเห็นว่า เวินโป๋กำลังประคองร่างของตนเองและเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
ในเวลานี้ ท่าทางของเขาเวินโป๋ดูแปลก ๆ
นัยน์ตาของเขาว่างเปล่า ท่าทางเฉื่อยชา ทั้งร่างที่กำลังเดินอยู่ ดูเหมือนกับศพเดินได้
นี่มันแปลกเกินไปแล้ว!
เฉินเกอขมวดคิ้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ
“เจ้าเวิน เสี่ยวเกอกำลังจะเดินทางไกลแล้ว พอดีเลย ให้เสี่ยวเกอได้ทักทายกับคุณ….”
เมื่อพูดถึงแล้ว เวินจื้อจ้ายและ เฉินจิ้นตงมีอายุเท่ากัน ในขณะนี้เฉินจิ้นตงเอ่ยขึ้น
“เจ้าเวิน?”
อย่างไรก็ตาม เวินจื้อจ้ายกลับดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยิน และยังคงเดินช้าๆ เช่นเดิม
“จิ้นตง ถอย! ”
ในขณะนั้นเองเฉินเตี๋ยนชางกลับมีท่าทางตื่นตัวขึ้นมาทันที
เขาจ้องไปที่เจ้าเวิน “คุณโอเคไหม? มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? ”
ทุกคนในตระกูลเฉินเองก็รวมตัวกันเข้ามาเพื่อดูสถานการณ์
“พรูด! ”
ทันใดนั้นเจ้าเวินก็กระอักเลือดออกมา ดวงตาทั้งสองข้าง ปากและจมูก มีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด
ใบหน้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ
และล้มลงไปที่พื้นทันที
“เจ้าเวิน!!!”
เฉินเตี๋ยนชางตะโกน
“เจ้าเวิน!”
เฉินเกอเองก็รีบวิ่งเข้าไป
“เจ้าเวิน!”
เฉินเกอเอ่ยตะโกนเรียก
แต่เวินจื้อจ้ายกลับไร้ลมหายใจไปแล้ว
“ความแข็งแกร่งของเจ้าเวิน บนโลกนี้มีเพียงหยิบมือที่จะต่อกรกับเข้าได้ มีใครบางคน มาบนเกาะแล้ว!”
สายตาของเฉินเตี๋ยนชางจ้องมองและเอ่ยพูดอย่างเยือกเย็น
“หา? เป็นใครกัน?”
เฉินจิ้นตงเองก็แตกตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน
“สมกับที่เป็นพี่เตี๋ยนชาง ความตื่นตัวยังคงสูงไม่เปลี่ยนแปลง จากกันในวันนั้น ก็เป็นเวลานานกว่าสามสิบปีแล้ว! ไม่เจอกันตั้งนาน!”
ในเวลานี้ มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามา
ฝีเท้าของเขาเบาอย่างยิ่ง แต่น้ำเสียงกลับดังกังวานจนน่าตกใจ
“คุณเป็นใคร? คุณเป็นคนฆ่าเวินโป๋หรือ?”
ดวงตาของฌแนเกอมีประกายความเกลียดชังพาดผ่านไป
พูดอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าเฉินเกอและเวินโป๋จะรู้จักกันเพียงครึ่งปี
แต่สำหรับเขาแล้ว เฉินเกอถือว่าเวินโป๋เป็นปู่ของเขามานานแล้ว
ตามที่ปู่เคยบอก เวินโป๋นั้นเป็นคนรับใช้ของตระกูลเฉินมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
เขาภักดีต่อตระกูลเฉินมาตั้งแต่หลายชั่วอายุคน
เขาถูกคนฆ่าตาย เฉินเกอจะไม่โกรธได้อย่างไร
“เสี่ยวเกอถอยออกมา! ผุ้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโม่ชางหลงแห่งตระกูลโม่! ”
ความแข็งแกร่งของเฉินเตี๋ยนชางนั้นไม่ธรรมดา ในขณะนี้เขาลุกขึ้นเอ่ย
“หลานชายเฉินเกอมีพรสวรรค์อย่างที่คิดจริงๆ ฉันได้ยินฉางคงบอกว่านายกลายเป็นปรมาจารย์ไปแล้ว ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ใครในโลกนี้จะมีใครที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทียนตี้จ้าวฮั่วและฝึกฝนจนเป็นปรมาจารย์รุ่นเยาว์ได้? ฉันไม่เชื่อ ดังนั้นจึงมาดู ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง! ”
โม่ชางหลงพยักหน้าซ้ำ ๆ
“แต่ว่าเมื่อดูจากลมหายใจของนาย ดูเหมือนว่าจะยังคงห่างไกลจากปรมาจารย์ตัวจริงอีกครึ่งก้าว จุ๊จุ๊ น่าเสียดายน่าเสียดาย หากไม่มีอะไรผิดพลาก นายสมควรจะเป็นปรมาจารย์รุ่นเยาว์คนที่สองในประวัติศาสตร์! ช่างน่าเสียดาย!”
โม่ชางหลงกล่าวคำว่าน่าเสียดายออกมาติดๆ กันถึงสามครั้ง
“ช่างน่าเสียดายอะไร?ท่านพี่ชางหลงคุณมาที่นี่ คงไม่ใช่เพื่อแสดงความยินดีกับหลานชายของฉันเท่านั้นหรอกมั้ง? อีกทั้งฉันเห็นว่าแขนขวาของท่านพี่ก็พิการไปแล้ว ไม่ทราบว่ามีสาเหตุอะไร?”
เฉินเตี๋ยนชางถาม
“เรื่องแขนที่พอการไป อย่าได้พูดถึง ที่ฉันมาที่นี่ ง่ายดายอย่างยิ่ง ฉันต้องการพาเฉินเกอไป! ก่อนหน้านี้ ฉันยังคิดว่า หลังจากมาแล้วและฆ่าเฉินเกอทิ้ง แบบนี้หลังจากที่พวกเราเข้าร่วมงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์เสร็จ ตระกูลโม่ของฉันก็จะยังเป็นตระกูลโม่ดังเดิม ควบคุมใต้หล้าชีพมังกรฮ่าฮ่า แต่เมื่อฉันเห็นเฉินเกอ ฉันก็เปลี่ยนใจแล้ว ฉันอยากจะพาเขาไป และดูว่าเขากลายเป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร! ”
โม่ชางหลงเอ่ย
“ท่านพี่ชางหลงเอ่ยหนักเกินไปแล้ว? สามสิบปีก่อน พวกเราเคยต่อสู้กัน ตอนนั้นคุณยังมีแขนครบทั้งสองข้าง ยังยากที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของฉันได้ มาตอนนี้ พวกเราสองคนล้วนก้าวสู่ระดับปรมาจารย์ตั้งแต่สิบปีก่อน แต่คุณกลับเหลือแขนเพียงข้างเดียว คิดจะหาหลายชายของฉันไป เกรงว่าคงไม่ง่ายอย่างที่คิด! ”
เฉินเตี๋ยนชางเตรียมปล่อยกำลังภายในในมืออย่างลับๆ
“สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ สามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน ฉันเองก็อยากจะรู้ ฉันยังคงจะพ่ายแพ้ในมือนายหรือไม่!”
โม่ชางหลงยิ้มน้อยๆ
ทันใดนั้น บนตัวเขาก็มีสายลมรุนแรงพัดผ่าน
เสื้อผ้าโบกสะบัดราวกับบินได้
“ดี ฉันรู้อยู่แล้วว่านายจะต้องออกมา ฉันเองก็รอศึกนี้มานานแล้ว! ”
เฉินเตี๋ยนชางหัวเราะเสียงดัง
ทันใดนั้นก็เห็นได้ว่าพวกเขาเหยียบลงบนพื้นเบาๆ จากนั้นจึงลอยขึ้นไปบนอากาศ
สงครามของปรมาจารย์!
การต่อสู้ของผู้ที่แข็งแกร่งระดับสุดยอด
เฉินเกอหยุดดูอยู่ด้านหนึ่ง
แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจริงๆ
สิ่งที่เฉินเกอไม่คาดคิดก็คือแม้ว่า โม่ชางหลงจะมีแขนเพียงข้างเดียว แต่ว่า เขากลับไม่ได้เสียเปรียบเลยสักนิด
ในพริบตา ทั้งคู่ก็ต่อสู้กันไปหลายร้อยรอบ
ทั้งสองคน ต่างไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้กัน
“ท่านพี่ชางหลง เห็นทีสามสิบปีที่ผ่านคุณต้องทนกับความอัปยศอดสูไม่น้อย คิดไม่ถึงว่า แขนขาดไปข้างหนึ่ง แต่กลับยังมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้!”
เฉินเตี๋ยนชางตระหนกอยู่บ้าง
“เกรงใจแล้ว! ”
โม่ชางหลงยิ้มอย่างขมขื่น
“แต่ให้ต่อเป็นแบบนี้ หากคิดจะจับเฉินเกอ ก็หาใช่เรื่องง่าย!”
เฉินเตี๋ยนชางกล่าว
“แน่นอน ท่านพี่เตี๋ยนชาง จากนี้ไปฉันจะใช้ไม้เด็ดของฉัน ไม่รู้ว่าคุณจะยังคงมีความสามารถในการจัดการกับมันหรือไม่? ”
โม่ชางหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม้เด็ด?”
เฉินเตี๋ยนชางขมวดคิ้ว
จากนั้น เขาก็เห็นว่าร่างกายของโม่ชางหลงจู่ๆ ก็เปลี่ยนไปคล้ายภาพลวงตา
จากนั้นจึงพุ่งเข้ามาที่เฉินเตี๋ยนชางอย่างรวดเร็ว
เฉินเตี๋ยนชางรีบป้องกันตัวทันที
แต่ในเวลานี้เอง มือซ้ายของโม่ชางหลงจู่ๆ ก็มีกระจกสีขาวเพิ่มขึ้นมา
เมื่อกระจกสีขาวออกมา ไฟก็สว่างวาบ
แสงจ้าเกิดขึ้นในทันใด และกระทบลงบนที่หน้าอกของเฉินเตี๋ยนชาง
เฉินเตี๋ยนชางเสียสมาธิในทันที
โม่ชางหลงฟาดด้วยมือเดียว เฉินเตี๋ยนชางบินถอยหลังและล้มลงกับพื้น
“ท่านปู่!”
เฉินเกอเมื่อเห็นว่าปู่ของตนพ่ายแพ้
เขาก็รีบพุ่งเข้าไปทันที
โม่ชางหลงสะบัดมือ จากนั้นพลังอันแข็งแกร่งก็พุ่งออกมา
เฉินเกอพยายามด้วยแรงทั้งหมดที่มี
แต่ก็ยังคงรู้สึกยากเกินกว่าจะต้านทานได้
เขาเป็นปรมาจารย์ครึ่งระดับ แต่ในตอนนี้เฉินเกอก็ตระหนักได้แล้วว่า ระยะห่างระหว่างปรมาจารย์ครึ่งระดับกับปรมาจารย์ตัวจริงนั้นห่างไกลกันมากขนาดไหน!
พ่ายแพ้ในครั้งเดียว!
เลือดในตัวของเฉินเกอไหลวนอย่างบ้าคลั่ง และไหลพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนต้องกระอักเลือดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เสี่ยวเกอถอยไป!”
เฉินเตี๋ยนชางลุกขึ้นยืน
“กระจกวิเศษ! คิดไม่ถึงว่านายจะโหดร้ายได้ขนาดนี้ เพื่อที่จะควบคุมพลังของกระจกวิเศษ ถึงกับยอมตัดแขนขวาของตนเองลง!”
เฉินเตี๋ยนชางรู้สึกหวั่นเกรงอยู่บ้าง
“ในที่สุดมันก็เป็นเจ้าสำนักจิต สายตาเหี้ยมโหด ใช่ บรรพบุรุษตระกูลโม่ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถควบคุมพลังของกระจกวิเศษได้ แต่หนึ่งในนั้น ก็คือฉันคนนี้แล้ว สามสิบปีที่แล้ว ฉันถูกลูกนกอ่อนหัดอย่างแกทำให้พ่ายแพ้ อยู่อย่างน่าอัปยศ ทุกวันล้วนพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อเพิ่มพลังความแข็งแกร่งของตน ดังนั้นฉันเลยนึกถึงกระจกวิเศษ และเรียนรู้ความลึกลับของมัน จากนั้นฉันถึงได้รู้ว่า ฉันไม่อาจควบคุมพลังของกระจกวิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่เป็นวิธีเดียวที่ฉันต้องทำจึงค้นพบหนทาง ตัดแขนขวา ฉันทำได้! ”
โม่ชางหลงกล่าว
กระจกวิเศษ ก็เหมือนภาพสุริยันของตระกูลเฉิน เป็นอาวุธวิเศษของตระกูลโม่
“พี่เตี๋ยนชาง ฉันในตอนนี้ ไม่ได้สนใจที่จะเอาชนะคุณแล้ว แต่เป็นหลานชายของคุณต่างหาก ที่ทำให้ฉันหลงใหล ไม่แน่ว่า หากฉันศึกษาความลับบนตัวหลานของนายได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ฉันอาจจะสามารถก้าวข้ามขึ้นไปยังอีกขั้นในชีวิต!”
โม่ชางหลงส่ายหัว
ในขณะที่กำลังเตรียมจะจับเฉินเกอ
“ฝันไปเถอะพลังมังกรคชสารของตระกูลเฉินเรา ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด! ”
เฉินเตี๋ยนชางโกรธจัด ทั้งร่างกายของเขาก็เต็มไปพลังอันแข็งแกร่งสะท้อนออกมา
ทันใดนั้น ทั้งร่างก็ดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยแสงเรืองรองหลากสี
จากนั้นจึงพุ่งตรงไปที่ โม่ชางหลงหาคนตระกูลเฉินบนเกาะด้วยเรื่องอะไรครับ?”
เวินจื้อจ้ายเห็นเขาไม่ธรรมดา จึงกล่าวคำนับแล้วพูดอย่างนอบน้อม
“ฉัน……ปรมาจารย์โม่ชางหลง!”