ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 690
บทที่ 690 พวกเราสามารถคุยกันได้
เมื่อนึกถึงอดีต เฉินเกอที่ยังเป็นคนไม่เอาไหน โดยเฉพาะตอนที่อยู่ต่อหน้าของเธอ เขาเป็นเหมือนกับตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เพียงเวลาอันสั้น เขากลับกลายเป็นยอดฝีมือไปแล้ว ซึ่งฝีมือก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตนมากนัก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะมั่นใจขนาดนี้
หยุนฉิงครุ่นคิด สถานการณ์ตอนนี้คือถ้าตัวเองจะเอาชนะต่อเฉินเกอคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าถ้าอยากจะจับตัวเขา กลับเป็นไปไม่ได้เสียอย่างนั้น เขาที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้ มีความสามารถมากพอที่จะหนีเอาตัวรอดได้แล้ว ทั้งยังสามารถทำมันได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
“หยุนฉิง ถึงแม้ตอนนี้ผมจะฆ่าคุณไม่ได้ แต่ถ้าคุณอยากจะควบคุมผมนั้นมันถือว่าเป็นเรื่องยาก!”เฉินเกอมองไปที่เธออย่างเย็นชา
“คุณพูดอะไร?คุณอยากฆ่าฉันทิ้งงั้นหรือ?”หยุนฉิงพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ชายที่ตนรัก ทั้งรักมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้ว ลองถามฟ้าดินดูสิว่ามีสตรีคนใดที่สามารถหลงใหลเขาได้เท่าตัวนาง แต่คนคนนี้ กลับบอกว่าอยากจะฆ่าเธอ
หยุนฉิงกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
เธอจ้องเฉินเกอตาเขม่น พลันพยักหน้าอย่างหนัก
“ถูกต้อง คุณพูดไม่มีผิด ตอนนี้ฉันไม่สามารถที่จะควบคุมคุณได้อย่างแต่ก่อน แต่ว่าเฉินเกอ คุณอย่าลืมไปว่าฟางเจี่่ยนนันเพื่อนของคุณตอนนี้ยังอยู่ในกำมือของฉัน ฉันมีเธออยู่ แสดงว่าฉันก็ยังสามารถที่จะควบคุมคุณได้!”หยุนฉิงพูด
“ดังนั้นคุณก็บอกข้อเสนอของคุณมา ว่าทำยังไงคุณถึงจะยอมปล่อยตัวของเจี่่ยนนัน เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับเรื่องพวกนี้!”
เฉินเกอรู้ว่าเจี่่ยนนันอยู่ในมือของเธอ ดังนั้นตอนที่รับรู้ถึงการปรากฏตัวของหยุนฉิงว่าอยู่ใกล้ๆ เฉินเกอถึงไม่ได้เลือกที่จะหลบหนี แต่กลับมาเผชิญหน้ากับเธออย่างซึ่งๆหน้า
“ข้อเสนอของฉัน ง่ายมาก พวกเราสองคนแต่งงานกัน กลายเป็นสามีภรรยา ซึ่งตอนนี้คุณจะต้องกลับไปกับฉัน ถึงแม้พลังของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ว่าจิ่วโล๋หวางนั้นแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิด เพียงแค่เขาลงมือ คุณก็อาจตายได้!”
ประโยคสุดท้ายที่พูดออกมา ใบหน้าของหยุนฉิงก็ฉายแววความกังวลออกมา
ดูจากสีหน้าของเธอแล้ว ไม่ใช่การขู่ให้เขากลัว
ในใจของเฉินเกอคิดว่าตอนนี้จิ่วโล๋หวางยังไม่ปรากฏตัวออกมา แถมตัวเองก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงทักษะพลังของเขา แต่คนนี่สามารถทำให้หยุนฉิงเกรงกลัวได้ขนาดนี้ แค่คิดก็รู้ว่าเขาต้องเป็นคนที่น่ากลัวมากจริงๆ!’
“ตอนแรกคุณเป็นพันธมิตรกับสำนักฟีนิกซ์และตระกูลกู่เพื่อที่จะจับผม แต่มารู้ทีหลังว่าสำนักฟีนิกซ์และตระกูลกู่หวังจะจับผมเพื่อที่จะฆ่าผม คุณก็เลยแยกทางกับพวกเขางั้นหรอ?”เฉินเกออยากได้เบาะแสบ้างจากปากของหยุนฉิง เลยถามไป
หยุนฉิงพยักหน้า
“ใช่ ในตอนแรกพวกเขาบอกว่าคุณจะมายังเมืองโบราณ แต่ตอนนั้นฉันก็คิดได้ จึงไม่อยากจะจับอย่างรุนแรง แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือจิ่วโล๋หวางนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก อย่างน้อยๆฉันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
“จิ่วโล๋หวางเป็นใครกันแน่?ทำไมเมื่อก่อนผมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?ยิ่งไปกว่านั้นทำไมเขาถึงอยากจะฆ่าผม?”เฉินเกอถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจออกมา
“พูดแล้ว เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับคุณโดยตรง ยังจำคราวที่เราอยู่ใต้วังบาดาลได้หรือไม่ ในตอนที่คุณปลดปล่อยฉันออกมา ก็ยังมีโลงศพอีกโลงหนึ่งอยู่?”หยุนฉิงอธิบาย
“ผมจำได้แน่นอน โลงศพนั้นถูกขลึงด้วยโซ่เอาไว้ ทั้งยั้งมียันต์ผนึกเอาไว้อีกด้วย ในตอนที่วังบาดาลพังลงมา โลงศพนั้นก็เปิดออก แล้วก็มีแสงสีดำลอยพุ่งออกมา!”เฉินเกอนึกย้อนไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ก็ถึงกับตกใจอย่างห้ามไม่ได้
“คุณจะบอกว่าแสงสีดำอันนั้นก็คือจิ่วโล๋หวาง?”
“ถูกต้อง เมื่อเหตุก็ต้องมีผล คุณคงคิดไม่ถึงว่าคุณตามหาหญิงสาวผู้นั้นไม่พบ แต่กลับกลายเป็นปลดปล่อยพวกเราสองคนออกมาแทน?”
หยุนฉิงยิ้มพลันส่ายหน้า
“สำหรับสาเหตุที่เขาพยายามที่จะจับคุณ แล้วฆ่าคุณซะ ฉันคิดว่าคงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกลับไปยังโลกยู่ เขารู้ดีว่าคุณคือสวนเทียนเทพแห่งสงครามที่กลับชาติมาเกิด เมื่อเขารวมร่างกับคุณแล้ว พลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด พอถึงเวลานั้นก็สามารถที่จะทะลุเข้าออกโลกยู่ได้!”
“ผมเข้าใจแล้ว ที่แท้พวกคุณทุกคนก็มาจากโลกยู่ แล้วคุณล่ะ คงไม่ใช่แค่จะแต่งงานกับผมอย่างง่ายดายขนาดนั้นหรอกใช่ไหม?ผมคงไม่ได้ไร้ประโยชน์สำหรับตัวคุณ?”เฉินเกอถามอย่างเรียบเฉย
ดวงตาของหยุนฉิงประกายแสงอันประหลาดออกมา ซึ่งมันดูทรงเสน่ห์อย่างมาก
“คุณในตอนนี้ดูคล้ายคลึงกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งความเย็นชา ความว่องไว ความหลากแหลม ที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนบนตัวเจ้า สิ่งที่คุณพูดนั้นถูกต้อง นอกจากเราสองคนจะแต่งงานกันแล้ว ฉันยังมีเป้าหมายเล็กๆอันหนึ่ง!”หยุนฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“เป้าหมายอะไร?”
“สิ่งนั้นก็คือเราสองคนร่วมเตียงกัน เพื่อยืมพลังหยางชี่บริสุทธิ์ในตัวคุณ ฉันเองก็สามารถเพิ่มพลังวิชาศุภรวิเศษของคุณ ได้เหมือนกับเธอ เมื่อถึงเวลาฉันก็สามารถที่จะทะลุผ่านโลกยู่และโลกได้ เพื่อที่ฉันจะได้เกิดใหม่เสียที!”
เฉินเกอกดเสียงต่ำ
“ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว พวกคุณทุกคนล้วนแต่อยากทำลายโลกยู่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมคิดว่าพวกเราสามารถทำข้อเสนอกันได้!”
“ข้อเสนออะไร?”
“พวกเราสามารถสร้างพันธมิตรกันได้ คุณช่วยผมกำจัดจิ่วโล๋หวางคนนั้น ไม่อย่างนั้นถ้าผมตายในมือของจิ่วโล๋หวาง ก็คาดเดาได้เลยว่าเขาคงไม่มีทางปล่อยให้คุณได้ทำอย่างที่ใจคิดหรอกไม่ใช่หรือไง?”เฉินพูดอธิบาย
“เพียงแค่พวกเราอยู่ด้วยกัน คุณก็เป็นสามีของฉัน ใครที่ต้องการจะทำร้ายสามีของฉัน ฉันไม่มีทางยินยอมแน่นอน พอถึงเวลานั้นก็จะเป็นการร่วมมือเองโดยธรรมชาติ!”หยุนฉิงยิ้มจางๆ
จากนั้นค่อยๆเดินไปหาเฉินเกอ
“นังมาร กล้าทำร้ายพี่ใหญ่!”ในเวลานี้เองก็มีเสียงตะโกนดังแทรกขึ้นมา
จากนั้นเฉินเกอก็เห็น สุ่ยเกินที่กำลังวิ่งเข้ามา พร้อมกับมีดครัวสองเล่มที่อยู่ในมือ
“คุณเรียกฉันว่าอะไร?”
หยุนฉิงที่ได้ยินคำนี้ ก็โมโหขึ้นมา หวังจะลงมือสั่งสอนเจ้าเด็กคนนี้สักหน่อย ยังไงเสียเธอก็เป็นผู้หญิง รักษาสวยรักงาม ชอบฟังคำชื่นชม อยู่ๆมีคนมาด่าว่าเป็นนังมาร คำพูดนี้ก็ไม่ต่างกับการด่าว่าเธฮเป็นคนขี้เหร่
“เขาเป็นน้องชายของผม อย่าทำร้ายเขา!”
หยุนฉิงที่กำลังจะยกมือขึ้นก็ถูกเฉินเกอห้ามเอาไว้ก่อน
“พี่ใหญ่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”สุ่ยเกินถาม
เฉินเกอที่ช่วยเหลือเขาและพี่สาวมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นสุ่ยเกินจึงมองเฉินเกอเป็นพี่ชายของเขาไปแล้ว
“ไม่เป็นไร!”
“จริงด้วย ฉันบอกห้ามไม่ให้ออกมาไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงหนีออกมาคนเดียวอีกแล้ว!”
“ผมกลัวว่าพี่จะมีอันตราย!”สุ่ยเกินพูด
เฉินเกอรู้สึกสะเทือนใจ
“ถ้าเกิดฉันมีอันตรายจริง นายมาแล้วคิดว่าจะรอดกลับไปไหม?”
“แล้วเธอ จะไปถ้ำงูกับพวกเราด้วยหรอ?”สุ่ยเกินมองไปยังหยุนฉิงพลันถามเฉินเกอ
“ถ้ำงู?ถ้ำงูอะไร?”หยุนฉิงถาม
“นี่อาจจะเกี่ยวกับการค้นพบอารยธรรมอื่นบนโลก ใช่แล้วผมก็อยากจะทำความเข้าใจจากคุณเกี่ยวกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แล้วก็เรื่องโลกยู่ที่คุณพูดถึง!หรือไม่อย่างนั้น คุณจะไปลองสำรวจกับพวกเราไหม?”เฉินเกอพูด
ตอนนี้เขามีตระกูลกู่และจิ่วโล๋หวางที่เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากต่อการต่อกร ส่วนหยุนฉิงเองเมื่อพิจารณาดูแล้วเธอก็ไม่ได้เป็นศัตรูคนสำคัญของเขา เพราะศัตรูที่แท้จริงคือจิ่วโล๋หวาง
ยังไงเสียศัตรูของศัตรู ก็คือมิตร
เฉินเกอทำตามคำแนะนำของลุงใหญ่ของเขาและในปัจจุบันเขาสามารถรับมือกับกองกำลังน้อยใหญ่ได้อย่างไม่ต้องเปลืองพละกำลังมากมาย อีกอย่าง หยุนฉิงคนนี้ในฐานะที่อยู่มาแล้วเป็นเวลาหลายหมื่นปี เธอคงจะรู้ความลับมากมายแน่นอน อย่างเช่น เรื่องของไท่หยางเหมิง…….