ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 701
บทที่ 701 มุ่งหน้าไปเป่ยโม่
ขณะที่กู่เยว่หือพาคนของตระกูลกู่รีบกลับไปถึงบ้านตระกูลกู่นั้น สิ่งที่เห็นคือเปลวไฟที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
บ้านตระกูลกู่ทั้งหมด ไฟได้ลุกลามไปทั่ว
เกือบจะกลายเป็นขี้เถ้าแล้ว
กู่เยว่หือดวงตาแดงก่ำ ขณะนั้น ความโศกเศร้าและความโกรธปะปนรวมกัน ทำให้เธอแทบจะบ้าคลั่ง: “ทรัพย์สมบัติที่สืบทอดมาเป็นหมื่นปี ถูกเฉินเกอทำลายไปหมดแล้ว เฉินเกอ ความแค้นในวันนี้หากฉันไม่แก้แค้น ตัวฉันกู่เยว่หือขอสาบานว่าจะไม่ใช่คนของตระกูลกู่!”
กู่เยว่หือเข้าใจสถานการณ์ของเรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดี คนที่แอบอ้างเป็นเฟิงเอ๋อ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเฉินเกอ
สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง เฟิงเอ๋อตกอยู่ในกำมือของเขาจริง เพียงแต่ว่าเฟิงเอ๋อไม่ได้หนีรอดปลอดภัยออกมา แต่ถูกเฉินเกอฆ่าทิ้งอย่างโหดร้ายในป่าลึก
เขาปลอมตัวเข้ามาในตระกูลกู่ เผาทรัพย์สมบัติที่สืบทอดกันมาของตระกูลกู่มอดไหม้ไปทั้งหมด
กู่เยว่หือโกรธเกลียดมาก สั่นเทาไปทั่วทั้งร่าง กัดฟันอย่างแหลกละเอียด
“รวบรวมกำลังคนทั้งหมด ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดไปตามตัวของเฉินเกอมาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ก็ต้องตามหาตัวเขากลับมาให้ฉันสับเป็นหมื่นๆชิ้น”
กู่เยว่หือมีความตึงเครียดที่ไม่อาจจะอธิบายได้
ฐานหินหลักของตระกูลกู่คงจะไม่ถูกเฉินเกอแย่งไปมั้ง ฐานหินหลักได้ถูกเคลื่อนย้าย
แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะมีท่านทวดนั่งเฝ้าด้วยตัวเอง
ขณะนั้น เธอไม่มีเวลามาคิดมาก ได้นำพาไฟโกรธที่ลุกโชนในตัว พุ่งเข้าไปในห้องลับของตัวเอง
สามวันต่อมา เมืองเป่ยโม่
“เทพจิตเก้าภพ ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมดว่ามันคืออะไร แต่เพียงแค่รอบแรกก็ทำให้พลังทั้งหมดตื่นตัว ให้ความเปลี่ยนที่มหาศาลแก่ฉัน!”
เฉินเกอได้เดินออกมาจากป่าลึกลับแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เมืองเป่ยโม่ก็อยู่ไม่ไกลจากสายตา
คิดถึงช่วงเวลาสั้นๆสามวันนี้ร่างกายของตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไปมาก เฉินเกออดไม่ได้ที่จะแปลกใจและดีใจ
จากเมืองไท่ทะลุมาที่ภูเขาไท่ด้วยการบำเพ็ญปฏิบัติของเฉินเกอนั้น หากเดินด้วยเท้า ไปถึงเป่ยโม่ภายในหนึ่งวันไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่สามวันมานี้ เฉินเกอรู้สึกร่างกายของตัวเอง เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
เมื่อก่อนที่ลุงฉินให้ตัวเองแช่ในบ่อน้ำยานั้น ตอนนั้นร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ราวกับว่าเซลล์ทั้งหมดในร่างกาย ขยายตัวขึ้นในทันที ดูดซับทุกสิ่งบนจักรวาลอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของตัวเองแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ความสามารถก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ตอนนี้ หลังจากรอบแรกก็ทำให้พลังตื่นตัวทั้งหมด
เหมือนกับว่าร่างทั้งร่าง ไม่ใช่ร่างกายของตัวเอง เหมือนมันได้เปิดผนึกความวิเศษระหว่างจักรวาลให้เข้าหากัน เมื่อก่อนต้องดูดซับพลังทิพย์ในการหล่อเลี้ยงร่างกาย แต่ตอนนี้ ตัวเองกับพลังของจักรวาล กำแพงที่กั้นอยู่ระหว่างกลางเหมือนถูกยกเลิก มันได้ถูกรวมเข้ากับจักรวาลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ใช้วิชาศุภรวิเศษ การบำเพ็ญปฏิบัติเพิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วมันแสดงออกมาอย่างชัดเจน
ตอนนี้ แค่เวลาสั้นๆสามวัน ดูเหมือนจะข้ามชั้นกลางของขอบเขตพลังลมปราญณ์ไปแล้ว จนมาถึงชั้นสุดท้าย ไม่ใช่ เหมือนจะเป็นช่วงสุดท้ายของสุดท้าย
สรุปมันเป็นยังไง เฉินเกอก็อธิบายไม่ถูก
อย่างไรก็ตามตอนนี้ เฉินเกอรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งมาก
สามวันก่อน ตัวเองมีพลังแข็งแกร่งเพียงแค่วิญญาณเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่กล้าจะอยู่ที่เมืองไท่เพื่อดึงดันต่อสู้กับจิ่วโล๋หวางของตระกูลกู่
แต่ตอนนี้ ต่อให้เฉินเกอต้องเผชิญหน้ากับกู่เยว่หือหยุนฉิง ก็จะสามารถทำให้พวกเขาแพ้อย่างราบคาบ
นี่ก็คือความมั่นใจของเฉินเกอ ความเชื่อมั่นนี้ล้วนมาจากพลังที่แข็งแกร่งทั้งหมด
แต่ตอนนี้น เรื่องสำคัญก็คือช่วยพี่จื่อเยียนตามหาร่างกายของพี่หลินเซียวจนเจอ ทำให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ตัวเองจึงค่อยไปที่งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์
ด้วยเหตุนี้ ตอนอยู่ในป่าก็บำเพ็ญเพียรไปด้วย เร่งเดินทางด้วย เวลาสามวัน เฉินเกอก็ได้มาถึงจุดหมาย
ตามที่นัดหมายกันไว้ ก่อนที่เฉินเกอจะมาถึงทุกคนก็ได้มารออยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งแล้ว
แต่ว่าเฉินเกอมาถึงในเมืองถามแล้วถึงจะรู้
พี่จื่อเยียนและพวกคุณลุงได้พักอยู่โรงแรมแห่งนี้จริงๆ แต่ว่าเมื่อวานช่วงเช้า พวกเธอได้จากไปเสียแล้ว มีคนมารับพวกเธอไป
ตั้งแต่ตอนนั้น ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้? หรือว่าคุณลุงมีคนรู้จักอยู่ที่นี่?”
เฉินเกอไตร่ตรองแล้วกล่าว
“ถูกใครมารับไปคุณพอจะทราบมั้ย?”
เฉินเกอถาม
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่วงนี้ลูกค้าที่มาพักที่นี่ค่อนข้างจะเยอะ คนพวกนั้นแต่งตัวด้วยชุดสูทรองเท้าหนัง และตรงหน้าอก ต่างก็ติดสัญญาลักษณ์ที่พิเศษเอาไว้ ฉันเห็นพวกเธอ ถูกคนพวกนั้นเชิญด้วยความเคารพ!”
เถ้าแก่กล่าว
หลังจากเฉินเกอพยักหน้า
คุณลุงก็ไม่ได้ฝากข้อความอะไรไว้ให้กับตัวเอง ไม่งั้นตัวเองจะได้ตามหาพวกเขาง่ายหน่อย
ดูแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะออกไป แต่ก็ไม่คิดจะอยู่ตรงนั้นนานแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น พวกคุณลุงจึงยังไม่ได้กลับมา
“เฮ้ย เจ้าหนุ่มน้อย เห็นป่ะ คนที่แต่งตัวแบบนี้แหละ ที่มารับเพื่อนของนายไป น่าจะเป็นพวกเขามั้ง”
เวลานี้เถ้าแก่มองออกไปด้านนอกประตู
ชี้ไปที่กลุ่มคนดังกล่าวแล้วพูด
เฉินเกอมองไป
คนแก๊งนั้น หัวหน้าเป็นผู้หญิง รูปร่างสูงเพรียว ไว้ผมยาวที่มีลอนธรรมชาติ สวมใส่ชุดออกกำลังกายทั้งร่าง ดูลายกล้ามเนื้อของเธอ เหมือนเป็นคนฝึกวรยุทธ์
หน้าตาเธอสวยและเท่มาก มีสง่าราศี มองดูก็รู้ ไม่ใช่คนในพื้นที่
เธอกำลังเดินเที่ยวตลาดอยู่
และด้านหลังของเธอ มีบอดี้การ์ดสิบกว่าคนเดินตาม
เป็นอย่างที่เถ้าแก่กล่าวไว้ ที่หน้าอกของบอดี้การ์ดเหล่านี้ ต่างได้ติดสัญญาลักษณ์วงกลมไว้
“พวกเขาคือ?”
เฉินเกออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย ได้เดินไปข้างหน้า เตรียมตัวที่จะถามพวกเขา
“คุณหนู รีบกลับกันเถอะ เรื่องพวกนี้ เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว อีกอย่าง เหลยเหลาหู่เจ้าเล่ห์เพทุบาย ผมกลัวว่าหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา คุณหนูจะได้รับอันตราย !
ผู้ชายวัยกลางคนที่ด้านหลังของเธอกล่าวขึ้น
ชายวัยกลางคนคนนี้ หน้าตาคมเข้ม ออร่าไม่ธรรมดา ฝ่ามือคู่นั้น หยาบกระด้าง ดูก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง
เขากำลังเดินอยู่ด้านหลังของหญิงสาว พยายามโน้มน้าวเธอ
“ฮึ่ม มันจะแค่ไหนเชียว คุณหนูใหญ่อย่างฉันจะพิสูจน์ให้คนในตระกูลดู ฉันตู้ยีหนิงไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าคนพวกนั้น เรื่องที่พ่อฉันจัดการไม่ได้ ฉันสามารถจัดการได้ คนที่พ่อฉันจัดการไม่ได้ ฮึ่ม ฉันสามารถจัดการได้! เอาล่ะ เดี๋ยวค่อยไปเจอพวกเขา พวกแกอยากมารบกวนฉันเดินเที่ยว ตามให้มันห่างๆหน่อย!”
ตู้ยีหนิงมองดูแล้วอายุยี่สิบสามยี่สิบสี่ปี แม้ว่าหน้าตาจะสวยงาม แต่ใครๆก็รู้ เธอก็คือดอกกุหลาบที่มีพิษดอกหนึ่ง
ล่วงเกินไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นตอนนั้น ลูกน้องก็ไม่กล้าที่จะคะยั้นคะยออีก จึงได้แต่ตามอย่างห่างๆ
“คุณผู้หญิงท่านนี้ ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนถามหน่อย!”
และหลังจากที่เฉินเกอมองตามมาสักพัก ก็ได้มายืนอยู่ด้านหน้าของตู้ยีหนิง
“นายเป็นใคร?”
ตู้ยีหนิงอดไม่ได้ที่จะมองเฉินเกอหัวจรดเท้า
เขาแต่งกายธรรมดา หน้าตาเหรอ ก็ถือว่าใช้ได้
แต่ผู้ชายแบบนี้ก็ไม่อยู่ในสายตาของตู้ยีหนิง ขณะนั้นสายตาเธอก็อดไม่ได้ที่จะแสดงออกอย่างไม่แยแส:
“ผมอยากจะถามพวกคุณ ผมมีเพื่อนหกคน ชายสองหญิงสี่ ก่อนหน้านั้นพวกเขาพักอยู่ที่โรงแรมนี้ ฉันได้ยินเถ้าแก่พูดว่า เมื่อวานตอนเช้าตรู่พวกเขามีคนมารับไป ใช่พวกคุณที่มารับไปหรือเปล่า?”
เฉินเกอถามอย่างมีมารยาท
ตัดสินใจใช้ฐานะคนธรรมดาในการพูดคุยกับพวกเขา
“อะไรของนาย นายเป็นใคร ถูกใครพาไปก็ไปหาคนนั้นสิ มาถามฉันทำไม วิธีการแบบนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว ยังกล้ามาใช้วิธีตีสนิทแบบนี้กับคุณหนูอย่างฉันเหรอ ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยสักนิด อย่างแกน่ะเหรอ!”
ตู้ยีหนิงอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างดูถูก
ขณะที่เธอกำลังพูด บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังตัวเธอก็ได้ก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว จ้องมองเฉินเกออย่างเยือกเย็น กำลังใช้สายตาที่เยือกเย็นเพื่อไล่ให้ผู้ชายเจ้าชู้ประตูดินอยู่ที่ตรงหน้าตกใจจนต้องหนีไป….