ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 710
บทที่ 710 เสี้ยววินาที
ภาพนี้ปรากฏไม่นานนัก ก็ได้หายไปแล้ว
และหินโชคชะตาเวลานี้ได้เก็บแสงที่เปล่งประกายแล้ว ค่อยๆตกลงมาในฝ่ามือของเฉินเกอ
พี่จื่อเยียน เมื่อกี้ภาพเหล่านั้น หินโชคชะตานี้ต้องการที่จะสื่ออะไรกันแน่? หรือว่า งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ได้เกิดเรื่องที่น่าอนาถขึ้น?
เฉินเกอถามด้วยความร้อนใจ
“อืม พี่ก็คิดเหมือนกัน เห็นได้ชัด คนที่เดินทางไปงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้ราบรื่น และจากนั้นตามมา มันก็ได้แสดงภาพสุสานของหลินเซียวและบ้านของตระกูลเฉินของนาย มันคงจะทำนาย สถานที่สองแห่งนี้ กำลังมีอันตราย มีความเป็นไปได้มากว่าจะเกิดเรื่องแล้ว!”
โล๋จื่อเยียนกล่าว
“อะไรนะ?”
เฉินเกอตกใจ
“เรื่องนี้ไม่อาจจะช้าได้ พวกเรารีบไปดูกันเถอะ!”
เฉินเกอพูดอย่างรีบร้อน
“อืมๆ หินโชคชะตาอยู่ในมือแล้ว เสี่ยวเกอนายต้องรักษามันให้ดี มันมีผลอย่างมากต่อการที่นายจะฟื้นฟูพลังขั้นพื้นฐาน จะสามารถมีพลังหน้าที่เหนือคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับมันแล้ว!”
โล๋จื่อเยียนพูดอย่างห่วงใย
“ผมเข้าใจครับพี่จื่อเยียน เรื่องด่วนกำลังรออยู่ รีบไปดูสุสานของพี่หลินเซียวและบ้านตระกูลเฉินไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมยังอยากไปที่งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ตามหาคุณปู่ เมื่อกี้ผมพยายามมองหาแล้ว แต่ยังไม่เห็นศพของคุณปู่!”
เฉินเกอขมวดคิ้วกล่าว
“ได้!”
โล๋จื่อเยียนพยักหน้า
ทั้งหมดไม่ได้อยู่ตรงนี้นานนัก อีกอย่างของวิเศษข้างในนี้ เฉินเกอก็ยังไม่ได้ตรวจสอบทีละชิ้น เตรียมที่จะปิดผนึกสถานที่แห่งนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยมาตรวจนับทีหลัง
หลายคนเดินออกมาจากสุสานแล้ว
และเวลานี้ ฟ้าเริ่มค่อยๆมืดลงแล้ว
จนกระทั่งจะออกมาพ้นสุสาน เฉินเกอจึงนึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง
“ใช่แล้วมู่มู่ เจี่ยนนัน โร่ซี ด้านนอกถ้ำ เหมือนจะถูกลูกน้องตระกูลสวี่วางพิษที่ร้ายแรงมาก ตอนที่พวกเธออยู่ข้างใน ฉันได้ป้องกันพิษให้แล้ว ถูกฉันใช้วิชาสกัดกั้นมันเอาไว้ ตอนนี้จะออกไปด้านนอกแล้ว พิษชนิดนี้ พวกเธอทนไม่ได้แน่!”
เฉินเกอพูดอย่างละเอียด
จากนั้นใช้นิ้วมือค่อยๆจี้ที่ไหล่ของพวกเธออย่างเบาๆ
ปิดผนึกจุดชีพจรของพวกเธอ
จากนั้นจึงได้พาพวกเธอออกมา
หลังจากที่ออกมาแล้ว ตามที่คาดการณ์ไว้ พวกของตระกูลสวี่ได้ขวางปากถ้ำเอาไว้แล้ว
ร่วมๆร้อยกว่าชีวิต ต่างเป็นคนของตระกูลสวี่
และเห็นพวกเฉินเกอมีชีวิตเดินออกมา สวี่เหวินตงตกใจเป็นอย่างมาก
“พวก………พวกแกทำไมยังมีชีวิตอยู่?”
สวี่เหวินตงอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว
และด้านข้าง ยังยืนอยู่ด้วยชายหนุ่มชุดดำที่หน้าตาดุร้ายหนึ่งคน
เห็นได้ชัด เห็นคนเหล่านี้เดินออกมาก็ทำให้เขาตกใจมากเช่นกัน
หนังตาของเขากระตุกเบาๆ
“ดี ดีมาก ถูกพิษของอสุรกายทั้งเจ็ดของเขาเทียนชาน พวกแกยังมีชีวิตรอดออกมาได้ ดูท่า สิ่งที่ประธานสวี่พูดมานั้นเป็นเรื่องจริง พวกแก มีฝีมือทีเดียว อย่างนี้แล้ว พวกแกก็มีสิทธิ์ที่จะตายด้วยน้ำมือของฉัน!”
ชายหนุ่มชุดดำหรี่ตาลงเล็กน้อย
“แกคิดว่าแกสามารถฆ่าพวกเราได้จริงๆเหรอ?”
พี่จื่อเยียนส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“พี่จื่อเยียน พี่ไม่ต้องไปเปลืองน้ำลายกับคนพวกนี้ ผมชินแล้ว ชินกับความมั่นอกมั่นใจเกินเบอร์ของพวกมัน!” เฉินเกอหัวเราะเจื่อนๆ:
อสุรกายแห่งเขาเทียนชาน ฉันไม่เคยได้ยินชื่อของพวกแก แต่พี่น้องอีกหกคนของแก เห็นชัดว่าไม่รู้เรื่องอะไร แต่พวกเขาได้ตายอยู่ในกำมือของฉันแล้ว ฉันรู้ว่าการบำเพ็ญปฏิบัติมาทั้งชีวิตของนายไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เรื่องไร้มนุษยธรรมแบบนี้ ทำให้มันน้อยๆหน่อย อย่าให้เหมือนกับคนเหล่านี้เลย เอาชีวิตมาตายเสียเปล่า ล้างมือในอ่างทองคำ กลับไปเขาเทียนชานตั้งใจบำเพ็ญปฏิบัติเถอะ แกอายุยังน้อย!”
เฉินเกอเกลี้ยกล่อม
“ฮ่าๆๆๆๆ!”
“เจ้าหนุ่มน้อย ฉันว่าแกมันคงบ้าไปแล้ว ลืมตาของแกดูให้มันดีๆ จุดจบของใครจะน่าอนาถกว่ากัน?”
สวี่ซ่วยสีหน้าชั่วร้ายยิ้มแล้วกล่าว
คนทั้งหมด เวลานี้ได้เลิกยกปืน เล็งไปที่เฉินเกอ
ชายหนุ่มชุดดำ เวลานี้ค่อยๆยกโบกมือ ดวงตาคู่นั้นของเขาก็หรี่ลงจนกลายเป็นเส้นตรง ก็เหมือนกับว่าตาของเขา ลืมไปขึ้นอย่างนั้น
“นั่นก็หมายความว่า แกยอมรับแล้ว เป็นแกที่ฆ่าพี่ทั้งหกคนของฉัน?”
ชายชุดดำหยิ่นจูนกล่าว
“ใช่ ฉันคิดว่าฉันได้พูดชัดเจนไปแล้ว ฉันสามารถฆ่าแกเพียงเสี้ยววินาทีเดียว แกไม่จำเป็นต้องเอาหัวชนฝา ฉันยังมีเรื่องต้องทำ ไม่อยากจะเปิดผนึกฆ่าคน ดังนั้น แกไปเถอะ!”
ตอนนี้จิตใจของเฉินเกอกระวนกระวาย ไม่มีอารมณ์มาสนใจพวกเขาแล้ว
“ไปเหรอ? เห่อๆ แกคงจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของอสุรกายทั้งเจ็ด ฉันหยิ่นจูน ไม่เหมือนกับพวกเขา!”
หยิ่นจูนยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างชั่วร้าย รอยยิ้มชั่วร้ายนี้ ทำหลังของคนรู้สึกเย็นวาบ
โดยเฉพาะหญิงสาวอย่างพวกหลี่มู่มู่ กลัวจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เฉินเกอก็ขมวดคิ้วขึ้น เพราะดูก็รู้ว่าการบำเพ็ญปฏิบัติของคนผู้นี้ ไม่สูงมากนัก
ตัวเองสามารถฆ่าเขาเพียงเสี้ยววินาที
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ความมั่นใจของเขา กลับทำให้เฉินเกอเกิดความกลัวที่ประหลาดขึ้นมา นอกเสียจากเขาจะเป็นยอดฝีมือที่ปิดบังตัวเองเอาไว้ และฝีมือของเขา ถึงจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในบรรดาอสุรกายทั้งเจ็ด?
“มองแบบนี้แล้ว ต้องจัดการแกให้ได้เสียก่อน หากไม่จัดการแก เกรงว่าหากฉันจากไปแล้ว ก็จะมีปัญหาตามมาทีหลัง!”เ
เฉินเกอกล่าวอย่างเยือกเย็น
ขณะที่พูด เฉินเกอดีดนิ้วเล็กน้อย
ไม่ได้ออกแรง เพียงแต่รอคนผู้นี้ออกหมัดก่อน ดูความเคลื่อนไหวของเขาก่อน
แต่คิดไม่ถึง เขาก็เรียนแบบท่าของเฉินเกอ ดีดนิ้วเล็กน้อย
“หือ?”
เฉินเกอสงสัย
“ฉันบอกแล้ว ว่าฉันไม่เหมือนกับพวกเขา!”
ดูถึงตรงนี้ ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเขา ทันใดนั้นร่างทั้งร่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลง กลายร่างเหมือนกับเฉินเกออย่างกับแกะ
เพียงแต่ตรงมุมปากของเขา รอยยิ้มแห่งความชั่วร้ายยิ่งชัดเจนขึ้น
“น่าสนใจทีเดียว วิชาเเปลงโฉมของแกช่างง่ายดายนัก!”
เฉินเกอยิ้มแล้วกล่าว
“น่าสนใจทีเดียว! วิชาเเปลงโฉมของแกช่างง่ายดายนัก!”
หยิ่นจูนเรียนแบบพูดตามเฉินเกอ เพียงแต่สายตาที่กวนยียวนไม่เปลี่ยนเลย
“นี่คือความสามารถของแกเหรอ?”
เฉินเกอถาม
“นี่คือความสามารถของแกเหรอ?”
หยิ่นจูนยังคงพูดตาม
“คนอย่างแกช่างน่ารำคาญเหลือเกิน!”
เฉินเกอขมวดคิ้ว
“คนอย่างแกช่างน่ารำคาญเหลือเกิน!”
หยิ่นจูนแสดงออกอย่างย่ามใจแบบกวนๆ
“งั้นฉันออกหนึ่งหมัด แกก็จะออกหนึ่งมัดตามด้วยใช่ไหม ก็ดี มาดูสิว่าใครจะแน่กว่ากัน นายยังสามารถที่เรียนแบบอีกไหม!”
เฉินเกอส่ายหัว เขาไม่อยากที่จะเปลืองน้ำลายกับเขาอีกแล้ว
“งั้นฉันออกหนึ่งหมัด แกก็จะออกหนึ่งมัดตามด้วยใช่ไหม ก็ดี มาดูสิว่าใครจะแน่กว่ากัน นายยังสามารถที่เรียนแบบอีกไหม!”
หยิ่นจูนพูดตามอีก
ขณะนั้น เฉินไม่พูดอีกต่อไป และออกหมัดโดยตรง ครั้งนี้ เฉินเกอใช้แรงส่วนหนึ่งของตัวเอง
เพียงแค่ส่วนเดียว เงาหมัดเหมือนจะบินไปทั่วท้องฟ้า
โวง!
ก็เกิดเสียงที่ดังมาก
ดินทรายที่อยู่รอบๆ เวลานี้ถูกหมัดลมทำให้แตกกระจาย
โจมตีไปที่หยิ่นจูน
และหยิ่นจูนที่แฝงด้วยรอยยิ้มยียวน ก็เตรียมตัวที่จะออกหมัดเหมือนเฉินเกอ
แต่เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้านั้น เขาตาค้างไปชั่วขณะ
“เก่งกาจมาก!”
เขาตกใจมาก
พลังอันนี้ เขาไม่สามารถที่จะขัดขวางได้เลย
และเงาหมัดก็มาถึง ตัวเองทั้งตัวราวกับว่าถูกล็อกไว้
ไม่สามารถที่จะขยับได้เลย!
อ้า!
เงาหมัดที่นับไม่ถ้วนพริบตาเดียวก็โจมตีมาที่ร่างของหยิ่นจูน
เขาได้กลายร่างเดิมออกมาโดยตรง ร่างทั้งร่างเหมือนหม้อน้ำที่ระเบิด ถูกโจมตีจน เลือดเนื้อถูกทำลาย
บินออกไปโดยตรง ราวกับก้อนเนื้อบด
เวลานี้ ได้ตายจนไม่สามารถจะตายได้อีกแล้ว
ก่อนที่เขาจะตาย เสียใจอย่างมาก เพิ่งจะเข้าใจจริงๆ คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าตัวเอง เป็นคนแบบไหนกันแน่
แต่เสียดายมันสายไปแล้ว!
เฉินเกอส่ายหัวอย่างไม่มีคำพูด: “มีอะไรที่ไม่เหมือนกันเหรอ ฉันดูแล้วพวกแกอสุรกายทั้งเจ็ด ก็เหมือนกันทั้งนั้น!”
และสวี่เหวินตงพ่อลูก ได้เอ๋อไปตั้งนานแล้ว!