ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 745
บทที่ 745 หมอดู
ท่านซินแสกุ่ย แต่ไหนแต่ไรมาเป็นคนสุขุม และค่อนข้างที่จะรอบคอบ
เขาคงไม่ทอดทิ้งเครื่องรางของตัวเองอย่างงายๆ
หรือว่า ท่านซินแสกุ่ยจะมีเจตนาอื่นอีก
“เฉินเกอ นายว่านี่ใช่อาจารย์จงใจส่งสัญญาณให้ไหม หรือว่า กำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลืออยู่”
ในเวลานี้ เสี้ยวจู่ก็ได้พูดขึ้น
เฉินเกอพยักหน้า อย่างมั่นใจ แล้วพูดขึ้นว่า “ที่นายพูดก็ฟังดูมีเหตุผล อาจารย์ท่านสามารถรู้อนาคตได้ ไม่แน่ว่า ท่านคงรู้ว่าพวกเราจะมาหาเขา และต้องรู้ว่า พวกเราจะมาวันไหน ไม่อย่างนั้น สองสามวันมานี้คงไม่ปรากฏแส้ขนหางจามรีขึ้นมาหรอก”
“อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้เลย เดี๋ยวพวกเราไปที่มหาวิทยาลัยจี้โจวก่อน หาตัวคนที่ชื่อ เซียวเหยียน ให้เจอ แล้วถามเขา เดี๋ยวก็รู้เอง”
เฉินเกอพูดขึ้น
“อาจารย์ เมื่อก่อนผมก็เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยจี้โจวครับ เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวผมจะตามไปด้วย แบบนี้มันค่อยจะสะดวกหน่อย ต้องมีคนที่คอยติดตามท่านไปนะครับ”
เฉินเปียวเปียว ในเวลานี้ได้พูดขึ้น
“ก็ดีเหมือนกัน งั้นเธอก็ไปกับฉันแล้วกัน”
มหาวิทยาลัยจี้โจว
ไม่รู้ว่าทำไม พอได้เข้ามาในเขตของมหาวิทยาลัย ก็จะทำให้เฉินเกอนั้น คิดถึงเรื่องราวเก่า ๆ ที่เคยเกิดขึ้น
เพราะว่า จนถึงตอนนี้ เวลาก็ได้ผ่านไปแล้วสามปี
และก็ได้เลิกรากับมู่หานไป ก็เกือบจะสามปีเหมือนกัน
แต่ว่า เรื่องราวที่ผ่านไปนั้น ราวกับว่า มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
เวลา ก็จะเป็นแบบนี้ ในขณะที่เราไม่ได้เตรียมตัว มันก็จะเดินหมุนจากไป
เฉินเปียวเปียวเดินตามเฉินเกอมาข้าง ๆ ก็เห็นว่า เฉินเกอกำลังมองไปที่สวนภายในของมหาวิทยาลัย ท่าทางดูเหม่อลอย
จึงปล่อยเขาตามสบาย เลยไม่ได้ขัดจังหวะเขาแต่อย่างใด
จากนั้น เธอเลยเดินไปที่สาขาการจัดการ เพื่อตามหาคนที่ชื่อ เซียวเหยียน
ส่วนเฉินเกอก็เดินเล่นวนไปในสวนของมหาวิทยาลัย
รู้สึกว่ามหาวิทยาลัยทุกแห่ง จะไม่ค่อยต่างกันมากเท่าไร
“ไอหย๋า ระวัง”
และในเวลานี้ บนท้องฟ้า ก็ได้มีว่าวน้อยหลังเล็กร่วงลงมา และพุ่งตรงมายังเฉินเกอ
เด็กผู้หญิงหลายคนที่ปล่อยว่าวนั้น ในเวลานี้ รู้สึกตกใจแทบแย่
จึงได้รีบวิ่งมาดู
และก็ได้ตะโกนด้วย
ปล่อยว่าวมันก็มักจะเป็นแบบนี้ พอไม่มีลม ว่าวก็จะตกลงมา จะห้ามอย่างไรก็คงห้ามไม่ได้หรอก
ส่วนเฉินเกอเอง ก็ได้ระวังตัวแล้ว
จากนั้น ยกมือขึ้น แล้วชี้ไป
เสียงดังสนั่นขึ้น ว่าวหลังนั้น ก็ถูกเผาจนไหม้ในอากาศ
พอถึงตอนที่ตกลงมา ก็เหลือแค่เถาฝุ่นแล้ว
“อะไรกันน่ะ”
เมื่อเด็กผู้หญิงเหล่านั้นวิ่งมาถึงที่นี่ ก็เห็นว่าว่าวนั้น กลายเป็นเศษฝุ่นไปแล้ว พวกเธอต่างก็รู้สึกโกรธมาก
“นาย ทำอะไรของนาย พวกเราไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย นายทำไมถึงต้องเผาว่าวของพวกเราด้วย”
เป็นเด็กผู้หญิงทั้งสี่คน
รูปร่างดี สมส่วน ผมยาวประบ่า ใบหน้าของแต่ละคนก็สวยต่างกันออกไป
ที่เหลือสามคน ต่างก็ด่าว่าเฉินเกอยกใหญ่
และอีกหนึ่งคนนั้น ดูเป็นผู้หญิงที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมาก
แต่ว่า ใบหน้าของเธอนั้น ดูมีอาการผิดหวังอยู่เล็กน้อย
เห้ย!
เฉินเกอเอง ก็มีสีหน้าที่รู้สึกผิด และนี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ เมื่อหากว่าเฉินเกอไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาก็จะเอานิสัยจริง ๆ ส่วนตัวของเขาเก็บซ่อนเอาไว้ เพราะว่า ไม่อยากปล่อยมันออกมา เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นรู้สึกเสียใจได้
“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
เฉินเกอรีบพูดขึ้น
“อะไร คือไม่ได้ตั้งใจเหรอ นายนี่มันแย่จริง ๆ ว่าวแค่เกือบโดนนายเท่านั้นเอง แต่นายกลับเอาไฟเผามันเลยเหรอ”
ผู้หญิงเหล่านั้น ไม่รู้ว่าเฉินเกอเผาว่าวนั้นอย่างไรด้วยซ้ำ และนั้น ก็ไม่ใช่ประเด็นที่พวกเธอสนใจหรอก
“เดี๋ยวผมชดใช้ให้นะ”
เฉินเกอได้พูดขึ้นอีกรอบ
และในเวลานี้ ผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยที่สุด ที่อยู่ตรงกลาง ได้เก็บซากของโครงว่าวขึ้นมา จากนั้นก็โยนลงไปที่พื้น แล้วใช้เท้ากระทืบไป แต่ตรงนั้นมีหลุมพอดี เกือบทำให้เธอนั้นล้มลง
และสุดท้าย เธอก็หัวคะมำไปด้านหน้า
เฉินเกอจึงรีบยื่นมือออกไป ประคองที่เอวของเธอเอาไว้ จากนั้น ก็ค่อย ๆ พยุงเธอขึ้น
“โอ้ว นายทำอะไรน่ะ กล้าแตะอั๋งเสว่เอ๋อของพวกเราเหรอ”
ผู้หญิงทั้งสามคน ยังคงดูมีอาการโกรธอยู่
ยิ่งเห็นเฉินเกอทำลามก ยิ่งไม่ชอบใจไปใหญ่
“ไม่ใช่นะ ซิ่วซิ่ว”
ผู้หญิงที่ชื่อเสว่เอ๋อ พยายามห้ามเพื่อนสาวของเธอ
แต่ว่าเพื่อนสาวของเธอนั้น มองเฉินเกอด้วยอคติไปแล้ว ไหนเลยจะหยุดปากด่าได้ง่าย ๆ
“เสว่เอ๋อเธอไม่ต้องกลัว มีพวกเราอยู่ เดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์ตอนนี้เลย ไอ้หมอนี่ มันต้องเจอดีสักหน่อยแล้ว”
เพื่อนสาวทั้งหลาย ต่างก็รู้สึกโกรธขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่ใช่นะ เมื่อครู่ ฉันเกือบจะล้มลงไปแล้ว แต่ดีที่พี่คนนี้เขามาประคองไว้ต่างหาก”
เสว่เอ๋อจึงได้รีบอธิบายในทันที
“อะไรนะ”
เพื่อนสาวของเธอ ต่างก็พากันตกใจ
สายตาที่มองเฉินเกอ ก็เริ่มจะดูสงบลง
โดยเฉพาะเสว่เอ๋อ ในเวลานี้ ได้มองที่เฉินเกอ ใบหน้าสวย ๆ ที่ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวมาก่อน ก็เริ่มมีสีแดง
“ฮืม ที่เขาจุดไฟเผาว่าวของพวกเรา ยังไง ก็ต้องให้เขาขอโทษด้วย”
ผู้หญิงเหล่านั้นได้พูดขึ้น
“ได้ ขอโทษด้วยนะครับ”
เฉินเกอพูดพร้อมกับยิ้ม ๆ
“แค่ขอโทษจะจบเลยเหรอ”
ผู้หญิงที่ชื่อซิ่วซิ่ว ยืนกอดอกไว้ และได้พูดขึ้น
เสว่เอ๋อกระตุกแขนของซิ่วซิ่ว แล้วพูดขึ้นว่า “เธอจะทำอะไรของเธอซิ่วซิ่ว”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ว่าวของพวกเรานี้แพงมาก นายรู้ไหมว่าทำมาจากวัสดุชนิดไหน ราคาพันเป็นเลยนะ ดูสภาพนายแล้ว ก็ธรรมดา หากจะให้ชดใช้ในราคานี้ นายก็คงจะลำบากเหมือนกัน เอาอย่างนี้ เพราะเห็นว่านายช่วยประคองเสว่เอ๋อเอาไว้ งั้น นายก็เลี้ยงชานมพวกเราคนละแก้ว เป็นยังไง”
ซิ่วซิ่วพูดขึ้น
และพวกเธอต่างก็เห็นด้วยดังนั้น
“ไม่มีปัญหา”
เฉินเกอพูดพร้อมกับยิ้ม
เวลาผ่านไปไม่นาน ผู้หญิงทั้งสี่คน ในมือต่างก็ได้ถือแก้วชานมไว้คนละใบ
“ใช่แล้ว นายชื่ออะไรเหรอ เรียนสาขาไหนเหรอ”
ในระหว่างที่พวกเขาจะแยกย้ายกัน ซิ่วซิ่วก็ไม่ลืมที่จะถามขึ้น
“ผมชื่อ เฉินเกอ”
เฉินเกอเอง ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร
“โอเค ฉันจำได้แล้ว อีกอย่าง จะบอกนายให้นะ ชานมแก้วเดียวไม่พอหรอก หากครั้งหน้าเจอกันที่มหาวิทยาลัยอีก พวกเราต้องได้ดื่มชานมนะ”
หลังจากนั้น ซิ่วซิ่วก็ได้เดินจูงมือเพื่อนสาวของเธอคนอื่น ๆ แล้วเดินจากไป
นี่มันเป็นแค่เรื่องตลกขบขันเท่านั้น ในขณะเดียวกัน เฉินเกอไม่คิดว่ามันคือการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด แต่คิดว่า ผู้หญิงเหล่านี้ ช่างน่าสนใจดีจริง ๆ
เมื่อคิดได้ว่า ที่ตัวเองมาวันนี้นั้น มีธุระสำคัญที่ต้องทำ เฉินเกอเลยรีบเดินไปยังสาขาการจัดการในทันที
อีกฝั่ง
เมื่อเด็กนักศึกษาหญิงเหล่านั้นได้เดินจากไป แต่ว่า นักศึกษาหญิงที่ชื่อ เสว่เอ๋อ ก็ได้หันกลับมาแอบเหลือบมองด้านหลังของเฉินเกอ มองจนกระทั่ง เฉินเกอได้เดินหายไป
“เสว่เอ๋อ”
ซิ่วซิ่วได้เรียกเธอขึ้น อย่างเสียงดัง
ทำเอาเสว่เสว่นั้น ถึงกลับสะดุ้ง
“อะไรนะ มีอะไรเหรอ”
“ฮืม ฉันว่ามันดูไม่ปกตินะ เมื่อเธอได้พบกับผู้ชายคนนั้นแล้ว ทำไมเธอถึงมีอาการและท่าทีที่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เมื่อก่อน เธอเป็นคนนิสัยร่าเริง แต่ตอนนี้ล่ะ เมื่อเจอกับเขาแล้ว หน้าแดงก่ำ ไม่พูดไม่จา โดยเฉพาะตอนนี้ ที่เธอกำลังพยายามจะแอบมองเขาอยู่ หรือว่า เมื่อครู่นี้ เขาได้กอดเธออย่างเบา ๆ แล้ว จากนั้น เธอเลยมีความหวั่นไหวกับเขาแล้วเหรอ คงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”
ซิ่วซิ่วและเพื่อนสาวคนอื่น ๆ แทบไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่นะ ที่จริงแล้ว ฉันเองก็ไม่รู้ว่า เป็นเพราะอะไร เมื่อได้เห็นเขาเมื่อครู่ ฉัน……ฉัน……”
เสว่เสว่เองพูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ และก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“ฉันอะไรเหรอ รีบพูดมาสิเสว่เสว่”
ซิ่วซิ่วและเพื่อนสาวคนอื่น ๆ พูดขึ้นด้วยความอยากรู้
“ไอหย๋า ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ใช่ล่ะซิ่วซิ่ว พวกเธอยังจำได้ไหม เมื่อหกเดือนก่อนหน้านี้ ที่พวกเราได้เจอกับหมอดูนั้น”