ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 813
บทที่ 813 ภูติไม้
“นายท่าน”
“นายท่าน รีบตื่นเถอะ”
ในเวลานั้นเอง ญาณกระบี่ก็ลอยออกมาจากร่างของเฉินเกอแล้วค่อยๆนั่งลงข้างกายเฉินเกอพร้อมกับเรียกปลุก
ในตอนนี้ร่างกายของเฉินเกอเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำ เหลือเพียงแต่ลมหายใจอันแผ่วเบา เพราะแม้แต่พลังภายในร่างกายตอนนี้ล้วนถูกทำลายไปจนหมดแล้ว แต่ยังโชคดี โชคดีที่ในตัวเขามีพลังเทพจิตเก้าภพอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาคงตายไปแล้ว ในขณะนั้นเองกิ่งไม้ที่อยู่รอบๆก็เลื้อยเข้ามารัดตัวของเฉินเกอเอาไว้แล้วพาเขาเข้าไปในโพรงไม้
หนึ่งวันผ่านไป
เฉินเกอที่เพิ่งรู้สึกตัว พลางค่อยๆลืมตาทั้งสองขึ้น
“แค่กๆๆ”
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา เฉินเกอก็ไออย่างหนัก
“พ่อหนุ่ม อย่าเพิ่งขยับ บาดแผลของเธอยังไม่หายดี นอนพักผ่อนรักษาตัวก่อนเถอะ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา เสียงนั้นทุ้มหนา ราวกับเป็นเสียงที่ผสมผสานระหว่างสวรรค์และโลก เฉินเกอจึงมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่เห็นเงาคนเลย
“คุณ คุณคือใคร?”
เฉินเกอขมวดคิ้ว พร้อมกับถาม
“เหอะๆๆ!”
“ฉันเป็นนักพรตภูตไม้แห่งหุบเขาโยวหมิง ตอนนี้เธออยู่ในร่างกายของฉัน ซึ่งก็คือในโพรงไม้นั่นเอง เพราะฉันช่วยเธอเอาไว้!”
เมื่อได้ยินคำถามของเฉินเกอ นักพรตภูตไม้ถึงกับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดอธิบายให้กับเฉินเกอ
หลังจากที่ได้ยินเฉินเกอก็ได้เข้าใจ
“ขอบคุณอย่างมากสำหรับการช่วยเหลือท่านอาวุโส แค่กๆๆ”
เฉินเกอกล่าวขอบคุณแก่นักพรตภูตไม้ก่อนจะไอออกมาอีกครั้ง แล้วเลือดก็พุ่งออกมา
“เธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก นอนพักไปก่อนเถอะ อย่าเพิ่งขยับตัว พลังเจินชี่ในร่างกายของเธอกำลังค่อยๆฟื้นตัว และมันก็ต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะดีขึ้น!”
นักพรตภูตไม้พูดกำชับกับเฉินเกออีกครั้ง
เฉินเกอจึงทำได้เพียงเชื่อฟังแล้วลงกลับไปนอน เขาไม่คิดเลยว่าพลังห้ามังกรไฟของฉินเหินจะมีความรุนแรงถึงขนาดนี้ ดูแล้วพลังหลุนหวางชั้นเก้าในโลกของเขาจะไม่สามารถต้านทานมันได้ นอกจาก จากเขาสามารถเข้าสู่ขอบเขตเจินเหริน
“พ่อหนุ่ม ยังไงเสียเธอก็ยังไม่มีที่จะไป ลองเล่ามาให้ฉันฟังสิว่าไปทำอะไรมาถึงได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้?”
เพื่อความอบอุ่นและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย นักพรตภูตไม้จึงได้เริ่มพูดคุยกับเฉินเกอ
“ผมต่อสู้กับผู้นำตระกูลฉินแห่งเมืองไป๋ตี้บนหุบเขาโยวหมิง ถูกเขาใช้กระบวนท่าห้ามังกรไฟของเขาทำร้าย จนตกลงมายังหุบเหวนี้!”เฉินเกอตอบด้วยความอับอาย
อับอายที่คนมีพลังหลุนหวางชั้นเก้าจากโลกถูกคนอื่นทำร้ายให้บาดเจ็บสาหัสจนตกลงมายังหุบเหวลึก มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดออกไปได้ “ห้ามังกรไฟ?ฮ่าๆๆๆๆ”
พอได้ยินคำตอบของเฉินเกอ นักพรตภูติไม้ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วเสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วโพรงต้นไม้อยู่เป็นนาน
เฉินเกออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว สีหน้าดูทุกข์เล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้มันจะน่าหัวเราะเยาะได้ขนาดนี้
“ผู้อาวุโส ท่านกำลังหัวเราะผมอยู่งั้นหรอ?”
เฉินเกอถามอย่างกล้าหาญ
“เปล่า!”
“ฉันไม่ได้หัวเราะเธอ แต่กำลังหัวเราะเยาะฉินเหินคนตระกูลฉินคนนั้น!”
นักพรตภูติไม้รีบปฏิเสธทันที
“เพราะเหตุใด?”
เฉินเกอถามอย่างรู้สึกงงงวย
“ที่จริงแล้วฉินเหินคนตระกูลฉินคนนั้นไม่ได้ฝึกฝนกระบวนท่าห้ามังกรไฟในขั้นสุดท้าย ยังขาดไปอีกกระบวน สาเหตุที่เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้เป็นเพราะห้ามังกรไฟ แต่เป็นเพราะฉินเหินมีพลังวิชาของขอบเขตเจินเหรินต่างหากล่ะ”
“อย่าลืมไปว่าขอบเขตผู้ฝึกตนมีคำกล่าวเอาไว้ว่าความแตกต่างที่ระยะชั้นหนึ่งก็คือความแตกต่างของฟ้าดิน ถึงแม้เธอจะเป็นหลุนหวางชั้นเก้าชนรุ่นหลัง แต่ก็ยังมีระยะห่างหลายพันไมล์ระหว่างขอบเขตเจินเหริน ดังนั้น”
นักพรตค่อยๆอธิบายให้กับเฉินเกออย่างใส่ใจ
“ดังนั้นความหมายของผู้อาวุโสก็คือเพราะความแตกต่างของขอบเขตพลัง ผมถึงได้ถูกฉินเหินทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่เพราะห้ามังกรไฟ!”
เฉินเกอที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ก็รีบตอบกลับ
“ถูกต้อง ถ้าหากเธอโดนห้ามังกรไฟทำร้ายจริงๆตอนนี้ก็กลายเป็นกองขี้เถ้าไปแล้วไม่ได้เหลือเป็นร่างคนสมบูรณ์อยู่แบบนี้หรอก!”
นักพรตภูติไม้ก็เริ่มพูดอธิบายต่อไป
“ผู้อาวุโส ทำไมท่านถึงได้เข้าใจห้ามังกรไฟและฉินเหินดีขนาดนั้น ?แท้จริงแล้วผู้อาวุโสเป็นใครกันแน่ครับ?”
แน่นอนว่าเฉินเกอสังเกตเห็นถึงบางอย่างที่ผิดปกติ จึงรีบหันไปถามกับนักพรตภูตไม้
คิดไม่ถึงว่านักพรตภูมิไม้ที่อาศัยอยู่ในหุบเหวลึก จะรู้ถึงเรื่องราวภายนอกได้ชัดเจนขนาดนี้
“เพราะว่าฉินเหินเป็นศิษย์น้องของฉันเอง!”
และในทันทีที่นักพรตภูตไม้พูดออกมาก็ทำให้เฉินเกอถึงกับตะลึง
“อะไรนะครับ?ฉินเหินเป็นศิษย์น้องของท่าน?ท่านไม่ใช่”
เฉินเกอถึงกับตะลึง เพราะนั่นมันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“คุณคงคิดว่าฉันเป็นเพียงภูติไม้ตนหนึ่งเท่านั้นสินะ?”
“เดิมที ฉันก็เคยต่อสู้กับฉินเหินในหุบเขาโยวหมิง ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะฉันไม่ได้ระวังตัว จนถูกเขาลอบทำร้าย ฉันก็คงไม่ตกลงมาอยู่ยังหุบเหวลึกนี้หรอก จิตวิญญาณของฉันถูกรวมเข้ากับจิตวิญญาณของต้นไม้แห่งหุบเขาลึกนี้ ก็เลยผูกติดอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน แต่ฉันไม่เคยลืมความเกลียดชังที่มีต่อฉินเหินเลย!”
นักพรตภูติไม้ได้พูดถึงสิ่งที่ตัวเองเคยได้พบเจอออกมา พอฟังดูแล้วก็รับรู้ได้เลยว่านักพรตภูติไม้นั้นมีความเกลียดชังต่อฉินเหินขนาดไหน
“พวกท่านเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ทำไมถึงต้องลงมือรุนแรงขนาดนั้นด้วย?ฉินเหินมองเห็นบางอย่างในตัวท่านอย่างนั้นหรอ?หรือจะเป็น”
สมองของเฉินเกอกำลังครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
“พ่อหนุ่ม เธอฉลาดมาก ใช่แล้ว ฉินเหินเห็นถึงเคล็ดลับห้ามังกรไฟที่อยู่ในตัวฉัน ห้ามังกรไฟเป็นสิ่งที่อาจารย์ถ่ายทอดให้กับฉัน แต่ฉินเหินนั้นที่รู้สึกอิจฉาอยู่ตลอด ดังนั้นจึงคิดอยากจะฝึกฝนเคล็ดลับห้ามังกรไฟจากตัวฉัน”
“หึ แต่ยังดีที่ฉันยังไหวตัวทัน จึงเอากระบวนท่าไม้ตายของห้ามังกรไฟเก็บซ่อนไว้ในตัวของฉัน ดังนั้นสิ่งที่ฉินเหินนำไปได้ก็เป็นเพียงแค่เคล็ดลับห้ามังกรไฟที่ขาดกระบวนท่าไม้ตายก็เท่านั้น!”
นักพรตภูติไม้กล่าวชื่นชมเฉินเกอคำหนึ่ง ก่อนที่จะทำเสียงเย็นชากล่าวอธิบายต่อไป
ในที่สุดเฉินเกอก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว เขาไม่แปลกใจเลยที่นักพรตภูติไม้จะรู้จักฉินเหินและห้ามังกรไฟเป็นอย่างดีขนาดนี้ ที่แท้เขานั่นเองที่เป็นผู้สืบทอดพลังห้ามังกรไฟตัวจริง
“ห้ามังกรไฟที่ไร้ท่าไม้ตาย ก็เป็นเพียงกระบวนที่ยืมพลังจากร่างกายของตัวเองก็แค่นั้น ดังนั้นฉันถึงได้พูดว่าเธอไม่ได้ถูกห้ามังกรไฟทำร้ายจนบาดเจ็บ!”
“ไม่ทราบว่าผมจะพอทราบชื่อสกุลของผู้อาวุโสได้หรือไม่?”
เฉินเกอรู้ว่านักพรตภูติไม้นั้นไม่ใช่ชื่อจริงของเขา ดังนั้นเฉินเกอจึงอยากจะรู้จักชื่อจริงของเขาสักหน่อย
“เฟิงหรูเฉิน!”แล้วจึงได้ยินนักพรตภูติไม้พูดชื่อที่แท้จริงของตัวเองออกมา
“ผู้อาวุโสหรูเฉิน ผมชื่อเฉินเกอ!”
เฉินเกอเองก็แนะนำตัวแก่เฟิงหรูเฉิน
“เหอะๆๆ พ่อหนุ่มเฉิน ในเมื่อพวกเรามีวาสนาต่อกัน ฉันก็จะถ่ายทอดห้ามังกรไฟที่สมบูรณ์ให้กับเธอ แต่เธอจะต้องตกลงกับฉันเรื่องหนึ่ง!”
เฟิงหรูเฉินหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดกับเฉินเกอ
“ผู้อาวุโสหรูเฉิน โปรดพูด ผมเฉินเกอจะน้อมรับว่าจะทำมันให้สำเร็จ!”
เฉินเกอที่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกดีใจ จึงรีบตอบตกลง คงจะตลกสิ้นดี ถ้าเกิดเขาสามารถฝึกฝนกระบวนท่าห้ามังกรไฟได้อย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะฆ่าฉินเหินให้ตายภายในเสี้ยววินาทีได้ ยิ่งไปกว่านั้นเฉินเกอก็ยังต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากเฟิงหรูเฉินท่านนี้อีก ดังนั้นแน่นอนว่าจะต้องตอบตกลงข้อเสนอและคำขอของเขา